ไล่นั่งนับ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าผมกับคุณผู้อ่าน เรามาพบกันที่แห่งนี้ใน topic เดิมๆมา 4 ครั้ง (ในลีก) คือ “หงส์แดง” แพ้ แพ้ แพ้ และก็แพ้

โดยทุกๆครั้ง ภาพเดิมๆ, เหตุการณ์เดิมๆ และความรู้สึกเดิมๆ มันเหมือนไม่ได้หนีไปไหนไกลเลย

ลงสนามครั้งใดต้องมารู้สึกว่าวันนี้จะเกิดอะไรแปลกๆแย่ๆเกิดขึ้นอีกบ้าง

และมันก็มาจริงๆคือ เสียประตูไก่โห่ตั้งแต่นาทีที่ 3 , คนที่ไม่อยากให้เจ็บที่สุด ณ ตอนนี้คือ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ก็เรียบร้อย

รวมถึงความเก่งกาจของแนวรับคู่แข่งที่ level up ทุกครั้งที่ต้องเจอ ลิเวอร์พูล

โจทย์สำคัญที่ “หงส์แดง” ต้องตั้งเอาไว้ก่อนลงสนาม (ทุกๆนัด) ณ เวลานี้คือถ้าไม่ยากเล่นยาก ไม่อยากเจอบอลอุด ต้องอย่าถูกคู่แข่งยิงนำ ห้ามเด็ดขาด

คือ ลิเวอร์พูล สภาพนี้ในสถานการณ์ที่ยังไม่นำคู่แข่งก็ต้องเข็นกันหนักอยู่แล้วแต่ชั่วโมงนี้ถ้าโดนก่อน แพ้ไปแล้วครึ่งตัว

ผมเชื่อว่านี่เป็น feeling ของ เดอะ ค็อป ที่มองไม่เห็นศักยภาพการ comeback ใดๆจากนักเตะของตัวเองตอนนี้เลย

ประตูแรกที่เสีย ผมขอตำหนิมิดฟิลด์ที่ไม่มีใครเข้าบอล ซึ่งการเล่นแบบนี้ไม่ต่างอะไรกับการที่คุณโยนระเบิดให้พวกกองหลังที่ต้องทิ้งไลน์สูงไว้ข้างหลัง

“คนจ่าย” และ “คนรับ” ถ้า connect ติด space ด้านหลังเหลือมากน้อยแค่ไหนคือราคาค่าเสียหายที่คุณต้องจ่าย

โอซาน คาบัค จึงกลายเป็นแพะไปในจังหวะนี้

สูตรการคว่ำ “หงส์แดง” มันไม่มีอะไรซับซ้อนเลยครับ รับให้แน่นๆหลายๆชั้น หาทางเอาบอลไปอยู่หน้าเขตโทษเดี๋ยวจะมีอะไรแปลกๆเกิดขึ้นเอง (ดังเช่น คาบัค ทำเสียเตะมุมตั้งแต่ 30 วินาทีแรก)

การโดนคู่ต่อสู้นำไปก่อนทำให้ ลิเวอร์พูล ต้องมาเล่นแบบเดิมคือเปิดบอลจากริมเส้น แล้วผมว่านัดนี้บอลเข้า ซาดิโอ มาเน่ 2-3 หนแต่พลาดทั้งหมด

แข้งทีมขาติ เซเนกัล ตัวความหวังเดียวในการเลี้ยงกินตัวแต่เล่นต่ำกว่ามาตรฐาน

เอาจริงๆเกมนี้ 3 ประสานต่ำกว่ามาตรฐานทุกคน ไม่ว่า โรแบร์โต้ ฟีร์เมียโน่ ที่จังหวะยิงดูช้า คิดเยอะ เก้งก้าง

ในขณะที่ โม ซาลาห์ อยากให้เลิกผายมือแอ่นหลังแล้วใช้ความแกร่งเบียดชนสู้บ้าง เป็นแบบนี้ทุกนัดผู้ตัดสินเขาไม่ให้ง่ายๆหรอกครับ เขาก็เล่นโซเชี่ยลเหมือนพวกเรานี่แหละ ภาพทิ้งตัวมันเริ่มแยกกันไม่ออกแล้ว

สำหรับประเด็นจุดโทษ ผมเชื่อว่าต่อให้ไม่มีลูกนี้ ลิเวอร์พูล ไม่น่าจะยิง “ท๊อฟฟี่” ได้

จังหวะสไลด์บล็อกของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ แล้วมัน follow ล้มไถลอยู่บนพื้นกลายเป็นการทำฟาว์ลทั้งๆที่ โดมินิก คัลเวิร์ต-เลวีน วิ่งจากด้านหลังมาเสยหัวจนหัวทิ่ม

ผมมองเหตุการณ์นี้ว่า คัลเวิร์ต-เลวีน แกเสียหลักกำลังล้มในจังหวะเตะหัวอยู่แล้วแต่ TAA ยกขาขัดเอาชัวร์จนถูกมองว่าขวางการเล่น

แต่ที่คาใจมากที่สุดคือ คริส คาวานาฟ ผู้ตัดสิน มึงดู VAR เร็วไปไหม ไม่ถึง 3 วินาที

แล้วเป็นการดูภาพมุมกล้องระยะไกล!!

ถ้าดูให้ละเอียดกว่านี้อีกซักนิดจะไม่ว่าอะไรซักคำ เหมือนมึงดูให้รู้ว่าอ่ะๆก็ดูละน้าาา อย่าว่ากูทีหลังน้าาา

คือถ้ารอดูหลายๆมุมมันจะภาพช้าซูมเข้าไปใกล้กว่านี้ จะทำให้มองได้ 2 มุมคือ เลวิน กำลังล้มแล้วในจังหวะไปเตะหัวดังนั้น TAA ยกขาอาจถูกพิจารณาว่าไม่เกี่ยว

อย่างไรก็ตาม ความพ่ายแพ้มันไม่หนักเท่าการเสีย เฮนโด้ ซึ่งตอนแรกเราคิดกันว่า “แฮมสตริง” ซึ่งต้องมีแน่ๆเดือนครึ่ง (6 สัปดาห์)

แต่ภาพที่กัปตันจับตอนลุกขึ้นมาเป็นบริเวณ “ขาหนีบ” แม้รุนแรงเท่าแต่โดยเฉลี่ย 1 เดือน

น่าตลกตรงที่โอกาสที่ใกล้เคียงที่สุดของ ลิเวอร์พูล มาจากการยิงแถวสองนอกเขตโทษของ เฮนโด้ ทำให้เรายิ่งเสียดายความสามารถของแกเข้าไปอีก

เมื่อไม่มี เฮนโด้ แล้ว ก็กลายเป็นครบองค์ประชุมสำหรับแข้งซีเนียร์ในตำแหน่งเซนเตอร์ที่หายไป 3 และตัวสแตนอิน 2 ตัวก็เรียบร้อยเช่นกัน

เบ็ดเสร็จตำแหน่งอาถรรพ์ 5 ตัวไม่เหลือซักคน ทำให้มีตัวเลือเหลือ รีส วิลเลี่ยมส์, แนท ฟิลลิปส์, โอซาน คาบัค และ เบน เดวีส์

ผมไม่แน่ใจว่า ฟาบินโญ่ จะกลับมาในเกมเจอ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ทันหรือไม่

แต่อยากให้ทันเ มันต้องมีตัวหลักยืนปักคนนึงเพราะ คาบัค ยังชั้นไม่ถึงและผมรู้สึกว่าแก uncomfortable กับบอลอย่างแรง

หมายถึงจังหวะที่ไม่มีใครเข้ามาบีบหรือเล่นยากอะไรแกก็ดูเหมือนแต่งบอลเก้งๆก้างๆ ต้องมาคอยนั่งลุ้นไม่ให้เหวอ แถมน้ำหนักการออกบอลดูก๋องๆไม่เลียดเพื่อนยังไงบอกไม่ถูก

ในขณะที่จุดแข็งที่ควรมีของคนเล่นเซนเตอร์ คือการตามบอลหรือวิ่งดักบอลแกเหมือนจะช้ากว่ากองหน้าเสมอ ผมเห็นบอลหลุดข้ามแกไปเห็นๆ 2-3 หน

ผมเคยแอบคิดเล่นๆว่าถ้าแกมีของจริงน่าจะเสร็จ บาเยิร์น มิวนิค ไปนานแล้ว (ฮา)

ส่วน ฟิลลิปส์ ผมว่าดูดีกว่าและควรได้โอกาสมากกว่าหาก ฟาบินโญ่ กลับมา แกมีลูกล่อลูกชนดีกว่าแต่มีปัญหาการอ่านเกมและความเด็ดขาด

โดยลูก 2 เห็นชัดเจนว่าอ่านบอลไม่ขาดปล่อยให้ ริชาร์ลิซอน ซึ่งยืนค้ำอยู่คนเดียวถึงบอลก่อนจนเป็นที่มาของการแทงทะลุให้ เลวิน จนเสียจุดโทษ

สำหรับ “ท๊อฟฟี่” แล้วต้องยอมรับในความสามารถของ จอร์แดน พิคฟอร์ด ที่ช่วยบินเซฟเห็นๆ 3-4 ลูก รวมถึงแดนกลางที่คุมจังหวะตอนได้ครองบอลรวมถึงการเข้าแย่งบอลจนเจ้าถิ่นตั้งเกมลำบาก

ที่ขาดไม่ได้การสกัดบอล การแท็คเกิ้ล สไลด์ พุ่งบล็อก ที่ทุกๆทีมจะทำได้ดีจนน่าทึ่งมากยามที่ต้องเจอกับ ลิเวอร์พูล

นี่คือชัยชนะใน แอนฟิลด์ หนแรกนับตั้งแต่ปี 1999 หรือย่อยออกมาให้ละเอียดกว่านี้คือ 21 ปีหรือ 7,817 วัน

และนี่คือการรอคอย 10 ปีที่ เอฟเวอร์ตัน เก็บ 3 แต้มเหนือคู่ปรับร่วมเมือง นานแค่ไหนไม่รู้แต่ตอนนั้นยังมี โชคดราน มุสตาฟี่ ยังใส่เสื้อน้ำเงินอยู่เลย

ครับ คงเป็นอีกเกมที่ผมคิดว่า “หงส์แดง” ต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อ “ปลดล็อก” ภูเขาลูกนี้ให้ได้โดยเร็ว มันไม่ควรลากยาวจนมาถึง 4 นัดเช่นนี้เลยด้วยซ้ำ

คู่แข่งที่เจอ ลิเวอร์พูล ตอนนี้ลงสนามด้วยความรู้สึกไร้ความเกรงกลัวซึ่งไอ้ตรงนี้แหละครับที่ผมว่าน่ากลัวมาก มันทำให้งานคุณหยาบ งานยากกว่าปกติแน่นอน

ความพ่ายแพ้ใน แอนฟิลด์ 4 นัดติดซึ่งเป็นหนแรกในรอบ 98 ปีอาจยังไม่เลวร้ายที่สุดเพราะตราบใดที่ “แชมป์เก่า” ยังไม่ยอมเบรก มันก็จะ keep going ต่อไปเรื่อยๆ

เคยพร่ำบอกไปว่าฤดูกาลนี้ขอเชียร์ขำๆไม่คิดไรมาก แต่พอนึกถึงผลที่ตามมากับการเสริมทัพฤดูกาลหน้า (ในช่วง covid) มันขำไม่ไหวจริงๆว่ะ...

ลิเวอร์พูลเวลากลางไม่วิ่งไล่เพสโหดๆ คอยขึ้น-ลงประคองเกมแบบตอนที่มี เฮนเดอร์สัน ดุม ฟาบินโญ่ อยู่ประจำตำแหน่งมันดูไม่น่าใช่แนวทางที่ควรจะเป็นของหงส์แดงชุดนี้นะครับ

ผมมองว่าการเอากลางที่เก่ง และลงตัวมากสุดๆอยู่แล้ว ไปยืนหลังมันทำให้เกมเล่นยากทั้งหน้า และหลัง แล้วมันยังลดความสามารถของ 3คนนี้ลงไปอีก จากตำแหน่งที่มันไม่ใช่ตัวเค้า ผมก็ยังไม่เข้าใจ JK จนถึงตอนนี้ว่าทำไมเลือกที่จะทำแบบนี้เรื่อยๆ ทั้งที่ดูแล้วมันไม่ได้เรื่องมานานละ หรือจะทำรอจนกว่า VVD จะกลับมาก็ไม่น่าใช่เรื่อง อีกทั้งทีมก็ยังมี รีส วิลเลี่ยมส์, แนท ฟิลลิปส์ อยู่แล้วแท้ๆ (หรืออาจเพราะสองคนนี้ไม่ไหวจริง แต่ผมก็ยังเชื่อว่า เฮนเดอร์สัน ดุม ฟาบินโญ่ ถ้าเล่นกลางจะประคองได้ บอลมาไม่น่าถึงจุดอันตราย)

ผมดูหลายๆเกมตอนนี้จะวนลูปประสาทเสียแบบนี้ครับ

หงส์บุกใส่ตลอด > กลางทำเกมเปาะเปะหวัง 3กองหน้าทำงาน > อีกทีมแพครับรอส่วน > ยิงนกตกปลา > หงส์เสียบอล > กลางที่มีประคองไม่ได้+ตัดเกมไม่ได้ > หลุดไปถึงกองหลังจำเป็นสปิ้นเต็มดอก > ถ้าพลาดอีกก็ถึงประตู > แล้วก็จะซวยเสียประตูแบบไม่น่าจะโดนหรือไม่ก็พลาดกันเอง > วนๆ

เห็นแบบนี้แทบทุกนัด และพอไม่โลเตชั่นก็เจ็บตามๆกันไปอีก
แต่ก็นะครับ ตอนซ้อมกับข้อมูล JK คงเห็นอะไรมากกว่า อันนี้ผมก็ลองคิดเล่นๆ ครับพี่เบน

ที่สำคัญ ดันเจ็บแต่ผู้เล่นเกมรับเสียด้วย งงในงง

เฮนโด้หรือฟาบืนโย่ ไม่ได้ยืนกลาง ไม่มีคนคุมเกม ตัดเกมเลย
บอลทะลุไปหลังอย่างไว ทำให้เกมบุกไม่ต่อเนื่องไปด้วย
แย่จัง

ผมอยากให้ลอง 3-5-2บ้างครับ บอสแกก็ไม่ค่อยเปลี่ยนแผนซะด้วย

ผมกลับรู้สึกว่าเมื่อคืน เล่นหน้า 3 ดีอยู่แล้วนะครับ แต่หน้าไม่คมกันเอง + พิคฟอร์ดเหนียวชิบ

เอากลางที่ดีที่สุดไปยืนหลังกลายเป็น กลางกระจอก หลังรั่ว

ผมยอมให้หลัง ดาวรุ่ง​ กลางแข็งเหมือนเดิมดีกว่า

ผมว่าช่วงแรกที่เฮนโด้ไม่เจ็บมีมเล่นดีมากนะครับ
กดอยู่เลย มีโอกาสเยอะมาก ทำไม่ได้เอง
ตรงนี้น่าจะเป็นสิ่งที่ JK เห็นในสนามซ้อม เลยยืนยันใช้แผนเดิมตลอด
แต่พอเฮนโด้เจ็บ คราวนี้ก็ไม่เหลืออะไรแล้วววว
ต้องถูกบังคับจริง ๆ ถึงแกจะเปลี่ยน

ฤดูนี้มันไม่เป็นใจซักอย่าง แพ้รัวๆก็ต้องยอม ลุงแว่นแกไม่ค่อยเปลี่ยนแผนซะด้วย กะจะขึงเขาอย่างเดียวแต่สภาพทีมไม่พร้อม บางทีอาจจะต้องยอมเปลี่ยนมารอสวนบ้างนะ

คราวนี้นอกจากหลังคู่กลางจะเจ็บหมด กองกลาง2ตัวก็เจ็บไปด้วย ถ้าฤดูหน้าไม่ได้ไปucl การเสริมทัพก็ยากที่จะได้ตัวดีๆอีก กลายเป็นวงจรอุบาทว์เลยทีเดียว มีแต่ต้องขาย 1ใน3กองหน้า หากจะต้องปั้นทีมใหม่อีกรอบ

ตั้งแต่เสมอเวสบอมเป็นต้นมา ผมก็บอกพวกเพื่อนๆ ว่าช่วงนี้หงส์สภาพ กองหลังโคม่า กองหน้าโคตรสาก และก็จริงๆ
ความรู้สึกผมเกมส์บุกเราแปลกๆ มาสักพักละ 3 ประสานทำงานแบบกล้าๆ กลัวๆ ไม่เหมือนต้นฤดูกาล โรเบิร์ดสันกับเทรนก็บุกแบบแปลกๆ โรเบิร์ดสันรับบอลริมเส้นแล้วล๊อคกลับหลังตลอดแทบจะไม่ลากขึ้นไปสุดเส้นหลังเองเหมือนที่เคยทำ หรือเพราะเราเสียประตูง่ายๆ ทำให้ความมั่นใจในทีมมันเปลี่ยนไป ขนาดเฮนโด้หลังๆ ก็เหมือนกับไม่มีกำลังใจในการเล่นเท่าไหร่ ผมว่าตอนนี้ JK ต้องทำยังไงให้ลูกทีมมีความมั่นใจในตัวเอง เสียเท่าไหร่ก็ต้องยิงให้เยอะกว่าอาจจะพอไหว หรือไม่ก็ห้ามเสีย แต่ข้อหลังนี่น่าจะยาก
เอาเรื่อง 3 ประสานก่อนละกัน ตอนนี้จังหวะน่าจากเข้าเขตโทษเพื่อเรียกฟาวล์หรือความแข็งแรงในกรอบเขตโทษก็ไม่มี พอล้มง่ายๆ กรรมการก็ไม่เป่า พอโดนจริงๆ กรรมการก็คิดว่าล้มง่ายๆ อีก ยิ่งเจอ VAR ยิ่งปวดหัวอีก เอาง่ายๆ ตอนนี้เกมส์บุกตันไปหมด ปกติถ้าตันๆ ยังมีทีเด็ดที่ VVD มาติป ลอฟเรน มาโขกได้ แต่ตอนนี้เป็นเฮนโด้ ฟาบินโญ่ หรือคาบัค ซึ่งไม่ใช่เจ้าเวหา ในขณะที่แนทกับรีสมีความเป็นเจ้าเวหามากกว่า 3 คนนั้นอีกแต่เกิดอะไรขึ้นทำไมเล่นลูกเซตพีสถึงไม่มีประสิทธิภาพเลย เมื่อวานยังเห็นแนทได้โขกบ้างแต่คนโยนก็ฟอร์มออกทะเลไปเลยยิ่งแย่เข้าไป ส่วนลูกยิงไกลจากกองกลางปกติหงส์ก็ไม่ได้หวังหรือมีน้อยอยู่แล้วแถมตอนนี้คนยิงก็ไปเล่นเซ็นเตอร์กันหมดก็ปิดประตูนี้ได้เลย สรุปว่าเกมส์บุกถ้าไม่แก้ไขเรื่องพวกนี้ก็แก้ยากละ ซิตี้ก็เคยเจอปัญหานี้แต่เป๊ปแก้ได้แล้วในฤดูกาลนี้ ไม่มีเพชรฆาตอย่างกุนก็ยังทำประตูได้
เกมส์รับเอาจริงๆ จัด เทรน แนท รีส โรเบิร์ดสัน อาจจะดีก็ได้ แต่ปัญหาอีกอย่างคือจะให้ใครเป็นผู้นำด้านเกมส์รับ ทั้ง 4 คนนี้มีความเป็นผู้นำหรือความขี้โวยวายน้อยไปหน่อยเพราะปกติเป็นหน้าที่ของ VVD กับมาติป อันนี้ก็ต้องหาวิธีแก้ไขกันไป
กองกลางตอนนี้ไม่มีตัวรับแท้ๆ ไม่มีคนชะลอเกมส์ บวกกับอีกหลายๆ อย่าง สรุปกลางหลวม ยุ่ยเป็นนุ่นเลย แค่คู่ต่อสู้ต่อบอลเร็วๆ หน่อยก็หลุดไปหลังละ จุดเด่นที่กองกลางแข็งแกร่งกว่าทุกทีมในฤดูกาลที่แล้วหายไปหมด ทำให้สะเทือนกันไปทั้งทีม
สุดท้ายตอนนี้ผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปหมด ต้องดูว่า JK จะแก้ปัญหายังไงแล้ว ถ้าปล่อยไปอาจจะมีผลกระทบกับ UCL ก็ได้

Thiago นี่แหละคือตัวแปร เล่นยาก เข้าแย่งบอลห่วย ออกบอลก็ยาก เลี้ยงหลบก็ไม่ค่อยผ่าน

ตัวทำระบบเสียเลย ไม่เถึยงหรอกว่าแกเก่ง แต่อีโก้สูง ไม่เชื่อลองดรอปซัก3-4นัดดู

แผนแบ็คเติม เจอโต้กลับ ภาระก็ตกอยู่ที่กองหลัง กองกลางตัวรับต้องเขามาแทนที่ ถ้ากลางโบ๋ แบ็คลงไม่ทันก็จบ

นึกว่าผมคิดเองคนเดียว ไหนๆถ้าหลังมันจะแย่แล้ว ก็ทำให้กลางมันแน่น เพื่อให้มาประคองเกมรับยังดีกว่า

แต่ก็อย่างที่ผมทิ้งท้ายไว้แหละครับ
เราๆ ท่านๆ ก็เห็นแต่ในเกม ไม่ได้เห็นตอนเค้าซ้อม ไม่ได้เห็นหน้างานเอง
JK อาจเห็นอะไรมากกว่านั้น แต่ถ้ามันไม่ดีขึ้นก็ต้องจัดการใหม่แหละครับ ถ้ายังเป็นแบบนี้ก็มีแต่จะแย่ ล้มกันเป็นโดมิโน่กระทบกันที่ละส่วน