ความพ่ายแพ้ของ “หงส์” ที่ไม่เหมือนทุกครั้ง
นักบอล หรือ แฟนบอลเวลาเกมจบ ในฐานะผู้แพ้ เรื่องเสียใจและผิดหวังเป็นความรู้สึกปกติทั่วไปแต่มันจะมีอารมณ์แยกย่อยออกมาอีกที
คือแพ้แบบเล่นเหนือกว่าคู่แข่ง แต่มาโดนยิงแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว กับแพ้เพราะคู่แข่งเหนือกว่าและงัดทุกอย่างที่มีแต่ก็ทำอะไรเขาไม่ได้
อย่างหลังถ้าเรามีสปิริตและไม่ผูกใจเจ็บผมว่านอนหลับง่ายกว่าแบบแรกเยอะเลยนะ
ที่ผมใช้คำว่า “เหนือกว่า” เพราะ ไบรจ์ตัน เล่นบอล “เป็นงาน” การรับส่งบอลทีมเวิร์คเหมือนมันเหมือนเจอทีมภาคพื้นยุโรปเขี้ยวๆยังไงยังงั้น
ทีมเยือนรู้ทุกๆช่องทางที่ ลิเวอร์พูล จะโจมตีและไม่ได้มารับแน่นอย่างเดียวแต่สไตล์เคาะบอลต่อบอลขึ้นมาเป็นไปอย่างมีระบบ (อย่างที่เรารู้ๆกัน)
การรับมือ ลิเวอร์พูล ได้ทุกกระบวนท่าก่อนสบโอกาสจังหวะที่เหมือนไม่มีอะไรยิงขึ้นนำในนาที 56 ซึ่งเป็นการยิงเข้ากรอบครั้งแรกของ ไบรจ์ตัน และเป็นประตูทันที
ผมเชื่อว่าทันทีที่ตาม 1-0 แฟน “หงส์แดง” น่าจะรู้สึกเหมือนกับผมคือแพ้ไปแล้วครึ่งตัวเพราะรูปเกมวันนี้เป็นรองชัดมาก
อย่าว่าแต่ทวงประตูตีเสมอเลยครับแค่หาโอกาสยิงสวยๆก็แทบลากเลือดแล้ว
สถิติหลังจบ 90 นาทียิงเข้ากรอบแค่หนเดียวสรุปภาพรวมทุกอย่างว่าวันนี้ ลิเวอร์พูล อย่างบอบช้ำมากกว่าครั้งไหนๆ แพ้แบบทำอะไรคู่แข่งไม่ได้
“แชมป์เก่า” พยายามแสดงความเป็นพี่เบิ้มและเจ้าถิ่นด้วยการไล่เพรสกลับแต่มันไม่เหมือนทำกับทีมเล็กๆทีมอื่นนะสิครับ ยิ่งไล่ตัวเองยิ่งเหนื่อยโดนเขาหลอกเป็นลิง
จนท้ายที่สุดต้องใช้วิธีทำฟาว์ลถึงจะหยุดอยู่ ยิ่งท้ายเกมเวลาเหลือน้อยความหวังเลือนลางมากเพราะ ไบรจ์ตัน วิ่งไล่ไม่มีหมด เพรสยันหน้าประตู
ในขณะที่เราเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะเกิดปาฏิหาริย์ใดๆ เพราะ ลิเวอร์พูล ยามนี้หาคนที่จะเป็น match winner ในสถานการณ์แบบนี้ยากเต็มกลืนจริงๆ
ในทางกลับกันเป็น “หงส์แดง” ด้วยซ้ำที่ถูกทีมเยือนเพรสสูงตั้งแต่หน้าประตูจนขึ้นเกมลำบาก
กดดันมากๆก็ต้องเตะสาดยาวขึ้นมา ก็มาโดนดักกินลูกโด่งกลางสนามเรียบวุธ
ผมไม่เคยคิดว่าเกมเจอกับ ไบรจ์ตัน ง่ายอะไรเลย ผมเคยออกตัวมาแล้วว่าพวกเขาไม่เหมือนทีมท้ายตารางที่เราเคยเห็น ก่อนลงเตะเกมนี้สารภาพเลยว่าออกแนวหวั่นใจด้วยซ้ำ
การเอาชนะทั้ง สเปอร์ส และ ลิเวอร์พูล 2 เกมติด ถึงตรงนี้เราพูดได้ว่าบอล ไบรจ์ตัน ใหญ่เกินตัวสมคำร่ำลือเพียงแค่เกมรุกไม่เฉียบถึงขนาดเสกประตูคว้าชัยได้ทุกนัด
การตั้งรับลึกของทีมเยือนทำให้ลูกวางยาวของ “หงส์แดง” แม้จะข้ามฝูงแนวรับไปได้แต่ท้ายที่สุดไปเข้ามือ ซานเชส ผู้รักษาประตู ที่สต๊าร์ตรอออกตัวตั้งแต่เขต 6 หลา
เจ้าถิ่นทิ้งโอกาสที่จะทำคู่แข่งตามหลังใน แอนฟิลด์ (ซักที) เมื่อ โม ซาลาห์ ได้โอกาสหลุดเข้าเขตโทษแต่เลือกไปกระดกบอลข้ามเลยไม่ตรงกรอบ
นั่นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่บอลยาวข้ามแนวรับของ ลิเวอร์พูล สำริจผลในครึ่งแรก
ก่อนจะมีลูกในลักษณะนี้อีกหนในครึ่งหลังแต่ ฟีร์เมียโน่ ช้าเกินจนถูกสกัดเส้นยาแดงผ่าแปด
จุดที่ทำให้ “หงส์แดง” เกมตึงๆเพราะการที่ ไบรจ์ตัน เป็นงานทุกตัวการเข้าถึงบอลไม่มีให้ผ่านง่ายๆและการที่พื้นที่แคบมีน้อยการมีผู้เล่นเลี้ยงกินตัวจึงสำคัญอย่างมาก
น่าเสียดายที่ ซาดิโอ มาเน่ ที่เก่งที่สุดในด้านนี้ยังไม่ฟิต ส่วน ซาลาห์ ผมว่าแกจะอันตรายมากที่สุดก็ตอนวิ่งตัวเปล่าทำทางทะลุเข้าหาประตูนี่แหละครับ
ด้วยเหตุนี้ทำให้ ชากิรี่ ซึ่งไม่ใช่คนที่คล่องหรือมีความเร็วอะไรอยู่แล้ว แถมต้องมาเล่นฝั่งซ้ายจึงแทบไม่มีส่วนร่วมใดๆกับเกม
การให้ โรเบิร์ตสัน มาช่วยเกมรุกแต่แทนที่จะมีคู่หูอย่าง มาเน่ คอยคลึงบอลแล้วสายควันจะวิ่งเลาะเปิดช่องให้กลายเป็นแกเองต้องมาคอยพักบอลสุดท้ายต้องคืนหลัง
เกมทางซ้ายจึงบอดสนิท ไม่ได้หลุดไปเปิดจากเส้นหลังแม้แต่ครั้งเดียว
ที่เราต้องชม ไบรจ์ตัน อีกอย่างคือการลำเลียงบอลขึ้นมามีประสิทธิภาพและแย่งยากมาก(แม้จะมีเสียเองบ้างประปราย) คนตัวเล็กอย่าง เลอันโดร ทรอสซาร์ เก็บบอลพิงบอลเรียกฟาว์ลได้บ่อยครั้งจนน่าหงุดหงิด
และ human error ที่มักแอบแฝงอยู่ในทีมเล็กๆและชอบโผล่มาในช่วงใดช่วงหนึ่งของเกมเสมอจนเกิดประตูเสมอแต่กับ ไบรจ์ตัน มันไม่มีให้เจ้าถิ่นเลยแม้แต่หนเดียว
เมื่อรูปทรงออกมาแบบนี้ กลางของ ลิเวอร์พูล จึงออกแนว “ทื่อ” เกินไปในสถานการณ์เช่นนี้ นักเตะอย่าง เจมส์ มิลเนอร์ และ จอร์จินิโอ้ ไวจ์นาลดุม เหมือนทับไลน์กันจึงทำให้เกมรุกตันหนักเข้าไปอีก
ทั้งหมดทั้งมวลทำให้ “หงส์แดง” เป็นรองชัดเจนจนกระทั่ง JK เปลี่ยนรวดเดียว 2 ตัวเอา โอริกี้ กับ OX แทน ดุม และ ชาร์กิรี่
แต่ตอนนี้อย่างที่รู้กันตัวสำรองแทบไม่มีใครพลิกเกมหรือมาช่วยทำให้ทีมดีขึ้นเลยและ โอริกี้ ทำให้ทีมเสียเปรียบหนักเข้าไปอีก
ฤดูกาลนี้แฟน ลิเวอร์พูล ทำใจกับบรรดาลูกตั้งเตะและเตะมุมได้เลยครับ ไม่สามารถหวังผลใดๆ เพราะการขาดเซนเตอร์ซีเนียร์ เราจึงต้องทนดูเตะมุมสั้นและนั่งตัวเกร็งยามที่เจอคู่แข่งโจมตีลูกกลางอากาศกลับมา
ข้อสังเกตอย่างนึงคือ 2 เกมที่ ลิเวอร์พูล ชนะรวดมาจากการเล่นนอกบ้านซึ่งหมายความว่ามีพื้นที่ให้เล่นและสวนกลับซึ่งเข้าแก๊บกับตัวผู้เล่นที่มีอยู่ ณ ตอนนี้
แต่เกมในบ้านวันนี้มันไม่เหมือนที่ผ่านๆมาเพราะ ไบรจ์ตัน เก็บบอลและพาตัวเองออกมาจากพื้นที่แคบได้ดีที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา (ทีมในระดับเดียวกัน)
มาถึงตรงนี้แล้วแฟน ลิเวอร์พูล น่าจะ (และควรจะ) ยอมรับสภาพและลด demand จากทีมลงมาได้แล้วนะครับ เพราะนับตั้งแต่ขึ้นปีใหม่เป็นต้นมา เมื่อพิจารณาจากสภาพทีมที่มีอยู่ ผลการแข่งขันแนวนี้น่าจะมีตามมาอีกเรื่อยๆ
สถิติเล็กๆก่อนจากกันไป “หงส์แดง” แพ้ในบ้านติดต่อกันเป็นหนแรกนับตั้งแต่ปี 2012 และยิงประตูใน แอนฟิลด์ ไม่ได้ 3 นัดติดเป็นหนแรกนับตั้งแต่ตุลาคม 1984
ครับ และนี่คือชัยชนะหนแรกของ ไบรจ์ตัน ที่มีเหนือ ลิเวอร์พูล (ในลีก) นับตั้งแต่ปี 1982 และผมบอกได้ว่าคู่ควรและสมควรได้รับมันแบบไม่มีข้ออ้างใดๆทั้งสิ้น...
แก้ไขล่าสุดโดย เบน ฟรีคิก เมื่อ Thu Feb 04, 2021 06:08, ทั้งหมด 4 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ