รีวิว RDR2 สำหรับคนที่ลังเลอยู่
อาจจะช้าไปมากๆ เพราะผมดองไว้ซักพักหลังจากเล่นถึง Epilogue ก่อนจะมาเริ่มเล่นต่อจนจบครบ 100%
ปกติผมเป็นคนชอบเล่นเกมแนวๆ RPG open world อยู่แล้ว เล่นหมดไม่สนธีมของเกมส์ witcher, Dragon age, AC, Fallout, Borderland, GTA, Elder scholl ฯลฯ ดังนั้นผมอาจจะลำเอียงในการอวยเกมแนวนี้เป็นพิเศษ โปรดเข้าใจตรงนี้ก่อนนะครับ
ผมแบ่งพาร์ทการรีวิวเป็น 4 หัวข้อง่ายๆ พยายามจะไม่มีสปอยล์เนื้อหาส่วนไหนเลยนะครับ
Story
ก่อนเล่นเกมส์นี้ ผมโดนสปอยล์ไปเรียบร้อยแล้ว รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแล้วบางส่วน และผมไม่เคยเล่นเกมส์ภาคแรก ดังนั้นผมคาดว่าตัวเองจะไม่อินกับเนื้อเรื่องมากเท่าไหร่
หลายคนอาจจะบอกว่าดำเนินเรื่องช้า สำหรับผมเฉยๆ ไม่ช้ามาก ช่วง Chapter 1-2 อาจจะเป็นเหมือนสอนระบบเกมส์ แต่มันมีเนื้อเรื่องปนอยู่ตลอด แล้วเกมส์ค่อนข้าง Free roam ได้ตั้งแต่แรก ผมเลยไม่เบื่อไปก่อน
พอเข้าช่วงหลังจาก Chapter 3 ถ้าเล่นแต่เนื่อเรื่องหลักมันคือการรัวเนื้อหา อารมณ์แบบ Non-stop มากๆ ถาโถมใส่ตอนเล่นมากๆ ถ้าอารมณ์ค้างไม่เบรกตัวเองมีเล่นยาวเพลินแน่นอน
เรื่อง Characters development สุดยอดมาก เราได้เห็นการเติบโตของตัวละคร ทั้งตัวหลักอย่าง Arthur Morgan ตัวรองๆแบบ Dutch van der Linde, John Marston แต่ละตัวละครถูกใส่มาแบบทำให้เราผูกพัน เข้าใจบทบาทคาแรกเตอร์ของตัวละครมากๆ
และอีกจุดนึงที่ Rockstar ทำได้แบบโคตรดีเลย คือ Cutscene
ปกติเกมส์แนวนี้จะกึ่งๆบังคับให้ดูคัทซีนซึ่งผมไม่ชอบดูคัทซีนยาวๆ แต่เกมส์นี้เล่นคัทซีนสั้นกระชับ และลื่นไหลกับ gameplay ทั้งก่อนตัดเข้าและตัดออกคัทซีน
และที่สำคัญมันเป็นคัทซีนแบบที่เปลี่ยนเสื้อผ้าหน้าผมตามสถานการณ์ในเกมส์ที่เราเล่นอยู่ ภาพในคัทซีนคือภาพใน gameplay
วิธีการเล่าเรื่องของ RDR2 เกือบจะเป็นเส้นตรงเลยก็ว่าได้ อาจจะมีทางเลือกให้บ้าง แต่ไม่ได้อิมแพ็คเหมือนกับ The witcher 3 ที่มีผลต่อฉากจบ Good end, Bad end ขนาดนั้น ดังนั้นสามารถเล่นไปแบบไม่เปิดเนื้อหา walkthrough เล่นไปตามอารมณ์ได้เลย
พอเล่นจนถึงสักพักแล้ว กลายเป็นว่าผูกพันกับตัวละคร Arthur Morgan มากๆ ผมกลับมีความรู้สึกไม่อยากเล่น Chapter ที่ 5-6 เหตุผลเพราะโดนสปอยล์อย่างที่บอกด้านบนไปแล้ว ก็เลยขี่ม้าไปทำนู่นนี่ไม่ยอมจบ ยื้อเวลาไว้ น่าจะเป็นเกมส์เดียวที่ไม่อยากเห็นบทสรุป อยากเล่นต่อไปเรื่อยๆ
แต่สุดท้ายชื่อเกมส์นี้คือ Red dead redemption ยังไงก็ต้องไปเล่นจนจบ
สรุปเนื้อเรื่องของเกมส์นี้เทียบได้กับซีรีย์ชั้นดีเรื่องหนึ่งเลย ทีมเขียนบทดึงอารมณ์ สร้างจังหวะเนื้อหายอดเยี่ยมมาก ไม่มีที่ติ
ผมยกให้เกมส์นี้คือที่สุดเคียงคู่กับ Bioshock infinite
Performances
ผมเล่นเกมส์นี้บน PC 2 เครื่อง เครื่องแรกจอ2K Ryzen2700x + RTX2070s อีกเครื่องจอ FHD i9400f + RX580
(ไม่ได้พิมพ์สลับกัน ) ทั้งสองเครื่องรันบน SSD ทั้งคู่
เครื่องแรกจัดเต็มปรับสุดทุกอย่าง ปิด motion blur เพราะรำคาญเวลาเห็นตอนล้อหมุน บางคนอาจจะชอบก็ได้นะ แต่ผมรำคาญจริงๆ ผมปิดทุกเกมส์ เกมส์รันได้ FPS ประมาณ 80-90 โดยเฉลี่่ย
ส่วนอีกเครื่องผมก็ปรับ Preset ของเกมส์อยู่อันแรกที่ Favor quality ภาพออกมาสวยใช้ได้ FPS ราวๆ 60-70 ตลอด ก็เลยลองปรับเต็มดู ปรากฎว่ารันได้ FPS ประมาณ 30-40 ถือว่าเกินความคาดหมาย
ดังนั้นคนที่สเป็คกลางต่ำขึ้นไปเล่นได้แน่นอน อาจจะต้องลดทอนบางอย่าง ซึ่งผมไม่รู้สึกว่าเสียอารมณ์แต่อย่างใด
Graphics
พูดถึงเรื่องภาพ ปกติผมชอบเล่นเกมส์ที่ภาพสวยๆอยู่แล้ว เกมส์คือ phenomenon มากๆ ตอนเริ่มเล่นผมว้าวมากๆ ที่เหยียบหิมะลงไปแล้วเป็นรู เป็นรอยเท้า คิดว่ามันเจ๋งมากเลย แต่แอบคิดว่าอาจจะไม่เป็นแบบนี้ทั้งเกมส์ป่าววะ
ปรากฏว่าไม่เลย งานพื้น รอยเท้าคน เท้ามา เท้า NPC ฝุ่นโคลน สุดมากๆเท่าที่จะดีได้ ส่วนตัวผมนึกไม่ออกว่ามีเกมส์ไหนดีกว่านี้มั้ย
งาน render ตัวละครสำหรับเกมส์เกรด AAA ผมถือว่าสอบผ่านสบายๆ มีจุดตำหนิบางอย่างคือ hairwork บางตัวดูแปลกๆนิดหน่อย
เอฟเฟกต์สิ่งของแตกหักอาจจะไม่เทพเหมือน DICE engine ของ EA แต่ก็ดี มีร่องรอยมีความเปลี่ยนแปลงให้เห็นบ้างใน object ส่วนใหญ่
โดยรวมแล้วงานกราฟฟิคจัดอยู่ในระดับเทพ ยิ่งคิดว่าเป็นเกมส์แนว open world ที่รายละเอียดมันเยอะมากๆ แล้วยิ่งว้าว ไม่ต้องเอาเกมส์ที่ออกปี 2077 มาเทียบเลย ห่างชั้นเยอะมาก
เอาเป็นว่าใครทำเกมส์ Open world มาหลังจากนี้จะถูกเปรียบเทียบแน่อน RDR2 คือมาตรฐานที่สูงมากเรื่องนี้
ภาพนี้ผมแคปจากคอมเครื่องที่สองนะ จะเห็นว่างานดีแม้สเปคไม่ได้สูงมาก เกมมันพอร์ทมาดีจริง
Gameplay
เอาล่ะ ว่ากันด้วยเรื่องนี้ เป็นส่วนเดียวที่ผมว่ายังไม่สุด แต่ถามว่าดีแค่ไหนก็ 9/10 เดี๋ยวจะอธิบายว่าทำไมผมไม่ให้เต็มทั้งๆที่ชอบมาก ผมขอแบ่งแบบนี้
- Free roaming
ปกติของเกมส์ Open world คือ Free roam ไม่ดำเนินเรื่องเส้นตรงได้ ออกนอกลู่นอกทางได้ ซึ่ง RDR2 ให้เรา Free roam ได้บางส่วนตั้งแต่ chapter แรก แล้วก็ Free roam ได้ 90(100)% ของเนื้อหาตั้งแต่ chapter 2 เป็นต้นไป ซึ่งถือว่าไวมากสำหรับคนชอบวิ่งไปทั่ว
ความกว้างของแมพคือพอดี ไม่ใหญ่มากจนน่าเบื่อ ส่วนความเนื้อแน่นของเนื้อหาในแมพ ส่วนตัวว่าเบาบางกว่า The witcher 3 หรือ ES skyrim ซึ่งผมมองว่ามันเป็นจุดที่ทำให้รู้สึกสมจริง ไม่ล้นมาก
แล้วแมพไม่ได้โดดจาก หิมะไปป่าไปพื้นราบทันที แต่ค่อยๆไล่ระดับได้ดีมากๆ มี terrain หลากหลายทั้ง mountain, snow mountain, swamp, forest
- NPC
อันนี้เป็นของขึ้นชื่อของ Rosckstar อยู่แล้ว แต่ RDR2 ทำได้ให้ผมรู้สึกว่าการออกไปเดินเล่น มันไม่ได้เหงา ไม่ได้ตัวคนเดียว แต่ละตัว NPC ที่ดู random มากๆ กลับมีเนื้อเรื่องแฝงมาเฉย แค่เดินคุยกับตัวละครทำให้รู้สึกว่า dev แม่งทำงานโคตรละเอียดเลย
แล้ว NPC แต่ละตัวเดินไม่ได้เหมือนหุ่นยนต์ มันมี react กับตัวละครเรา มีการตอบโต้กับเราได้
เทียบกับทุกเกมส์ที่เคยเล่นมา ผมรู้สึกว่าเกมส์นี้ NPC ชีวิตชีวาที่สุดแล้ว การจะยิงใครทิ้งซักคนนึงทำให้เราลำบากใจมากๆ
- Side quest
เป็นจุดที่เกมส์ทำได้ดีพอประมาณ หลายๆเควสมีความน่าสนใจมาก แต่บางเควสก็มีความ repetitive อยู่ คือเจอเหตุการณ์ซ้ำๆ เช่น
เราไปเจอนายพรานพลาดโดนกับดักที่ขาอยู่ ช่วยชีวิตมากลับไปเมืองรับรางวัล เล่นๆไป นายพรานคนเดิมก็มาโดนกับดักอีกเหมือนเดิม คือถ้าเป็นคนจริง มึงเลิกเดินป่าเถอะ อาชีพนี้ไม่เหมาะกับมึงแล้วล่ะ
- Easter egg
ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองเก็บหมดมั้ย แต่ easter egg เป็นของขึ้นชื่อค่ายนี้อยู่ละ บางอันยังมีความกวนๆ หลุดๆตามสไตล์ หลายอันอิงกับเหตุการณ์จริงอยู่ เหมือนเอามาล้อสังคมได้ดีเหมือนกัน ตรงนี้ผมไม่พิมพ์อะไรมาก เอาเป็นว่าไปลองตามหาเองแล้วกัน
- Character development
เกมส์มีให้พัฒนาตัวละครค่อนข้างจำกัดเมื่อเทียบกับเกมอื่น ส่วนนึงคงมาจากธีมของเกมส์ที่ตั้งอยู่บนความสมจริง ไม่แฟนตาซี มี perk บ้าง มี level ของทักษะบ้าง แต่ไม่ได้สำคัญถึงขนาดต้องไป grind ปั้นตัวละครอะไร
ส่วนแต่งตัวอันนี้คือดีพอใช้ได้เหมือนๆกับเกม Rockstar อื่นๆ ไม่ได้โดดเด่นมาก
แต่จุดที่รู้สึกว่าเจ๋งคือการเลี้ยงม้า พอเลี้ยงม้าไปซักพัก มันจะมี NPC เดินมาแอ๊วม้าเราประมาณว่า That's a damn fine horse คือม้ากูสวยมากๆว่างั้น
ส่วน gameplay หลัก ผมรู้สึกว่ามันเล่นไม่ยาก ไม่ต้องกังวลกับการพัฒนาตัวละครมาก หักในส่วนเควสเนื้อเรื่องที่มีความ repetitive บ้างกับทางเลือกของเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างบังคับให้ไปทางเดียว ผลลัพท์ไม่แตกต่างมาก ผมเลยให้ 9/10 ไป
Artwork & Soundtrack
งานศิลป์ของเกมส์นี้ทำออกมาโคตรดี มันคือ setting ที่เป็น America ในปี 1900s จริงๆ สอดคล้องทั้งบ้านเมือง สถานการณ์ สิ่่งของเทคโนโลยีมันทำออกมาดีมากๆ
ทุกสิ่งอย่างทำออกมา well-polished มากๆ แทบจะไม่มีการปั้นเมือง ตึกรามบ้านช่อง ดูสมจริงไปหมด อันนี้อาจจะเป็นงานถนัดที่สุดของ Rockstar เลยก็ได้
ส่วนงานเสียงประกอบฉากโคตรดี เพลง background สุดยอดมาก ไม่มีที่ติ การเลือกเพลงบางฉากทำให้โคตรกดดัน บางฉากบิ้วท์อารมณ์ให้เศร้าได้มากๆ
ถ้าคุณคิดว่าอันนี้เฉยๆ ให้นึกถึงฉากขี่ม้ากลับ Shady Belle แล้วฟังเพลง unshaken ไปด้วย โคตรอิน ให้ความรู้สึกว่าผมเหนื่อยล้าและเปราะบางไปพร้อมๆกับ arthur เลย
VIDEO
สรุปว่า Red dead redemption 2 คือเกมส์ที่คุณควรเล่น ราคาตอนนี้ลดต่ำสุดเท่าที่เคยมีมาแล้ว เกมส์คุ้มค่าสมราคาแน่นอน
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ อ่านจบไม่จบไม่สำคัญ ถ้ายังไม่ได้เล่นก็ไปลองเถอะครับ