ผมลงแต่มินินะ ปกติซ้อมให้ได้ 5 โล ก็วิ่งงานจริง 10 โลได้แล้ว วิ่งๆหยุดๆ เหนื่อยก็พัก

ผมเดาว่าฮาฟก็ใช้หลักการเดียวกัน ถ้าซ้อมให้ได้ 10-12 โล ผมว่างานจริงก็วิ่งได้

ลงวิ่งฮาฟไป 2-3 งาน ละก็เตรียมเป็นสวีปเปอร์แต่ดันติดโควิดงานวิ่งเลื่อนหมดเลย . . . ผมว่าค่อยๆไปล่ะเอาวิ่งแล้วแบบคุยโต้ตอบได้ ร้องเพลงได้นี่คือความสุขเลย คติประจำใจผม ซ้อม long run ซัก 15 km. กำลังดี

ผมวิ่งชั่วโมงนึงอาทิตย์ละ 2-4วัน ระยะประมาณ 9-10โล เคยลองวิ่งเผื่อไปฮาล์ฟมาราธอนกะว่าจะวิ่งสัก20โล

ไปได้ 15โล เริ่มท้อ 5555 สรุปไปเลิกที่ 18โล 5555 ถ้าวันวิ่งจริงคงทำได้แหละ บรรยากาศกับคนเยอะๆมันคงช่วยกระตุ้น

ยังไงก็ได้เหรียญถ้าเข้าก่อนคัทออฟครับ แนะนำวิ่ง10-15K ให้ร่างกายชิน โซน2เรื่อยๆครับ พอคุมได้แล้ว ความเร็วมันจะมาเอง

ลองไป ฮาฟที่ตะนาวศรีครับผมแนะนำ รักใครให้ชวนไปตะนาวศรี

ถ้าเอาแค่จบ ซ้อมวิ่งให้ได้ซัก 10 km ก็สามารถจบ ฮาล์ฟได้แล้วหละครับแต่ถ้าได้สัก 15 โลนี่จะค้นพบเลยว่า ชุดที่เราใส่นั้นทำร้ายอะไรเราได้บ้าง ไม่ว่าจะ บาดนม เสียดสีไข่ ฯลฯ จะได้เตรียมการป้องกันไว้ถูก

ส่วนเรื่อง cut-off ก็แล้วแต่งาน ฮาล์ฟส่วนใหญ่ ไม่น่าเกิน 4 ชม. มีบางแสนนี่ 3 ชม. ครึ่งเป๊ะ

ขึ้นชื่อว่างานวิ่ง เราจะไปเดินก็ไม่ผิดนะครับ ถ้าเราจบทันเวลา Cut-off เพราะงานแบบนี้ เริ่มต้นคือการแข่งกับตัวเองมากกว่าการแข่งกับคนอื่นครับ

ผม วิ่งฮาฟ มา 5 รายการละ
ไม่กล้าไปลงวิ่งมาราธอน

ผมจบ เวลาดีสุด 2.30 ชม.

ทุกๆวันนี้ก็ซ้อม Pace 7

เราไม่ต้องไปเเข่งกับใครครับ เราเเข่งกับตัวเองพอ
เราซ้อมมาเเบบไหน ก็วิ่งเเบบนั้น

ไม่ใช่ เราซ้อม Pace 7 มาตลอด เเต่พอวิ่งงานจริง วิ่ง Pace 6
มันวิ่งไม่จบหรอกครับ มันหนักเกินไป
เเรกอาจจะมันส์ คนเยอะ พอสัก 10 โลนี่นรกเลย

เราซ้อมเเบบไหน ให้วิ่งเเบบนั้น ดูร่างกายตัวเองตลอดเวลาวิ่ง อย่าฝืน

งานนี้ไม่ไหว งานหน้าก็มี

เเต่ต้องซ้อมนะครับ อย่างน้อย เคยผ่าน 15 km. ก็ยังดี