“ไก่”คว่ำ “เรือ” นำจ่าฝูงด้วย “มูรินโญ่สไตล์”
หากเปรียบเปรยสกอร์ 1-0 ภายใน 5 นาทีที่ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดียม เป็นผู้หญิงซักคนในทีนี้คือ “เรือใบ” ที่กำลังออกจากบ้านแต่อยู่ในช่วงขั้นตอนรองพิ้นเพิ่งเสร็จ
จู่ๆกลายเป็นฝ่ายชายซึ่งในทีนี้คือ “ไก่เดือยทอง” อาบน้ำทีหลังและใช้เวลาชั่วพริบตาก็อยู่ในสถานะ “พร้อมออก” แบบงงๆ
และเป็นโอกาสครั้งเดียวในครึ่งแรกของเจ้าถิ่น!!
ครับ แมนฯซิตี้ และ สเปอร์ส ต่างฝ่ายต่างรู้ว่าใครจะ approch หรือเริ่มเล่นอย่างไรตั้งแต่บอลยังไม่เชี่ย
ทีมเยือนเคาะบอลจ่ายไปมาจน “ไก่เดือยทอง” ไม่เจอบอลและก่อนมีสกอร์ 1-0 ผมคิดว่าน่าจะโดนบอลกันยังไม่ถึง 3-4 คนเลยด้วยซ้ำ
ท้ายที่สุดแล้วจังหวะที่เหมือนไม่มีอะไรกลายเป็นการฉวยโอกาสตรงกลางสนามที่สร้าง 2 เหตุการณ์เหมาะเหม็งซึ่งเกิดขึ้นพร้อมๆกันคือ เบิร์กไวนจ์ เปิดบอลข้ามหัวไปยังพื้นที่ว่างหน้าเขตโทษน้ำหนักพอดิบพอดี
และ 2 แฮร์รี่ เคน เป็น “ตัวหลอก” จะมาเอาบอลจาก ตองกีย์ เอ็นดอมเบเล่ จนดึง 2 เซนเตอร์ออกมาจากพื้นที่ตัวเอง
อย่างไรก็ตามลูกนี้จะไม่ “สมบูรณ์แบบ” แน่นอนครับหากไม่ใช่นักเตะระดับ “เวิร์ลดคลาส” เพราะลูกนี้การปรี่ออกมาอย่างไวของ เอแดร์ซอน ทำให้ ซน เฮือง มิน ไม่เหลือมุมแล้ว
การเลือกยิงตรงๆลอดขาจึงเป็นการเล่นที่ชาญฉลาดวัดใจผู้รักษาประตูที่จำเป็นต้องกางแขนกางขาเพื่อให้ตัวใหญ่ที่สุดเท่าที่จะทำได้
สเปอร์ส ที่ตั้งใจจะมาเล่นสวนกลับเมื่อได้ลูกขึ้นนำเร็วแบบนี้ การสวนในครั้งต่อๆมาจึงเป็นแบบถ้าไม่ใช่จังหวะการเล่นแบบมีลุ้นหวังผลแทบไม่มีใครดันสูง
เป้าหมายตอนนี้คือการคุมพื้นที่แนวรับให้แน่นขึ้นกว่าเดิมเพราะ “เรือใบ” จะนวดหนักกว่าเดิม
แต่ผมมองว่า ซิตี้ ในยุคหลังการเข้าทำฉีกแนวรับฝ่ายตรงข้าม “ทื่อ” และ “ใสซื่อ” เข้าไปทุกวัน
กล่าวคือสมัย ดาบิด ซิลบา เราจะเห็นลูกแทงตัดหลังให้แบ็คสอดมาเปิดแล้วที่เหลือเป็นตัวในเขตโทษเช็กบิล
มองกลับมา เอาฤดูกาลนี้รวมถึงนัดนี้เราจะเห็นการวางบอลข้ามโรยๆไปมาหรือไปฝากบอลกับ แบร์นาโด้ กับ ริยาด มาห์เรซ ซึ่งทั้ง 2 ก็เป็นสาย “ยึกยัก”
กว่าบอลจะออกจากเท้าก็ใช้เวลานานเกินไปทำให้แนวรับของ สเปอร์ส รอซ้อนและดักกินได้หลายต่อหลายจังหวะ
แล้วเล่นแบบนี้ผมบอกเลยครับว่า “ขนมกรุบ” สำหรับ “น้ามู” เพราะแกเจออะไรที่ซับซ้อนและหนักกว่านี้มาเยอะ
การอยู่ในสนามเพียงแค่ 25 วินาทีและทำประตู 2-0 ของ โล เซลโล่ ตัวสำรองเป็นจังหวะสวนกลับที่ “ไก่เดือยทอง” รอฉวยโอกาสมาตลอดและทำให้เกมนี้จบตั้งแต่นาที 65
โล เซลโล่ ที่เพิ่งลงมาไปช่วยเกมรับและในจังหวะโต้กลับเป็นเจ้าตัวใช้ความสดขโยกโดยที่แนวรับของ “เรือใบ” ไปพะวงกับ ซน จนเจ้าตัวมีพื้นท่ี่มากกว่าใคร
การเล่นของ ซน และ เคน ทำให้ผมได้กลิ่นของ เฟร์นานโด ตอร์เรส และ สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด
ทั้ง 2 คู่มี “เซนส์บอล” ที่สื่อต่อกัน และ “คลิก” กันตามธรรมชาติทำให้การวางแผนของผู้จ้ดการทีมในขั้นตอน “เกมรับ” ง่ายขึ้นขอแค่ให้คู่นี้จับคู่เชื่อมต่อเพื่อสร้างความได้เปรียบให้เพื่อนร่วมทีมที่เหลือ
ในรายของ เคน ผมจะไม่แปลกใจเลยหาก original style แกเป็นเพลย์เมคเกอร์แต่ดันเป็น striker ที่เคยเอาแต่รอบอล บ้ายิงและเห็นแก่ตัวแล้วจู่ๆกลับมี skill และ vision ในการจ่ายบอลจนตอนนี้ “ไก่เดือยทอง” เป็นทีมที่เล่นสวนกลับได้น่ากลัวที่สุดใน พรีเมียร์ลีกไปแล้ว
นี่คือการ “ค้นพบ” ครั้งสำคัญของ โจเซ่ มูรินโญ่ พอๆกับ โธมัส เอดิสัน ตำนานนักประดิษฐ์ของโลก
เป็นการกลบคำสบประมาทว่าเป็น “กุนซือตกยุค” ที่ใช้หน้าเป้าตัวใหญ่ๆพักบอลชนกับเซนเตอร์
และที่เราต้องไม่ลืมเลยคือ “น้ามู” ได้เติมเต็ม “วินัย” ในเกมรับที่เคยเป็นจุดอ่อนของ สเปอร์ส มาทุกยุคทุกสมัยตามสไตล์ที่เน้นเอ็นเตอร์เทนเป็นหลัก
เราเห็นชัดเจนเลยว่านักเตะ “ไก่เดือยทอง” ทุกคนเล่นเหมือนสะท้อนความเป็น tradmark ของ มูรินโญ่ ออกมาได้อย่างเหลือเชื่อ การที่แนวรับตั้งท่ารอฉกบอลขวางของ ซิตี้ ไม่ต่ำกว่า 4-5 ครั้งไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
การที่คนเฉื่อยๆอย่าง เคน วิ่งมาช่วยเกมรับ ความมีวินัยและไม่ก่อความผิดพลาดที่ทีมอย่างน้องไก่มักมีให้เห็นมาในอดีตถูกลบภาพไปจนหมดสิ้น
ภาพรวมและสถานการณ์ของ แมนฯซิตี้ ตอนนี้อาจจะเหนื่อยตรงที่ว่า เป๊ป ต้องยอมรับสภาพว่าทีมของแกต้องเปลี่ยนจากผู้นำในอดีตเป็นผู้ตามในปัจจุบัน
อันดับ 10 และตามหลัง “ไก่” 8 แต้ม (มี 1 นัดในมือ) นั่นหมายความว่าหากเก็บตกด้วยชัยชนะก็ยังจะตามหลังมากถึง 5 แต้มซึ่งในทางจิตวิทยาลูกทีม “น้ามู” ได้ตัดแต้มทำให้เกมตกค้างของ ซิตี้ แทบไม่มีความหมายเลย
และเป็นการตามที่ลำบากกว่าเดิมเนื่องจากแนวรุกยิงประตูน้อยมาก เล่นมา 8 นัดยิงไป 10 แถมประตูได้เสียติดลบ ไม่มีชัยชนะง่ายๆยิงกระจายเหมือนปีก่อนๆอีกแล้ว
สถิติจบเกมด้วยโอกาสยิงมากถึง 22 หนแต่เข้ากรอบเพียงแค่ 5 ฟ้องถึงคุณภาพที่ตกลงอย่างน่าใจหายของทีมที่เคยขึ้นชื่อว่าเป็นต่างดาวสาขา 2 ได้เป็นอย่างดีครับ
เฉกเช่นเดียวกันโอกาส 4 ครั้งตลอดทั้งเกมและเข้ากรอบ 2 หนเป็นประตูทั้ง 2 ลูกของ สเปอร์ส ก็แสดงความเป็น “น้ามู” ได้ชัดเจนเช่นกัน
ชัยชนะ 2-0 ทำให้ตอนนี้ สเปอร์ส ขึ้นมาเป็นจ่าฝูงและแน่นอนครับเมื่อฉายแสงขนาดนี้ก็เหมือนได้ประกาศตัวเองผ่านสื่อสาธารณะทำให้คู่ต่อสู้จะศึกษาหาวิธีหยุดการเล่นของเด็กๆ มูรินโญ่ มากขึ้นกว่าเดิมแน่นอน
เราจะได้เห็นกึ๋นและความสามารถของ สเปอร์ส เมื่อต้องเจอกับทีมที่เขาเองก็มาอุดมาตั้งรับใส่
การที่ key man เป็นตัวกำหนดชัยชนะให้ทีมด้วยอัตรา % ที่มาจาก 2 คนนี้ค่อนข้างสูงก็มีความอันตรายในตัวมันเอง
ราฟาเอล เบนิเตซ เคยเป็นเทพ จับอะไรก็เป็นทองไปหมดเมื่อ ตอร์เรส และ เจอร์ราร์ด สร้างความมหัศจรรย์แบบนอนสต็อป
แต่มันเหมือนทำให้คนอื่นๆในทีมนิสัยเสียไม่มีใครพอจะอาสาแบกแทน 2 คนนี้ในบางนัด
ต้องยอมรับอย่างนึงด้วยว่า เคน และ ซน ไม่สามารถแบกทุกอย่างเอาไว้ได้ทุกนัด
เคน และ ซน ใช่ว่าจะเจ็บไม่เป็น
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าตอนนี้เมื่อมีทั้งคู่ “ไก่เดือยทอง” เป็นทีมที่เล่นสวนกลับได้ดีที่สุดในเกาะอังกฤษไปแล้ว...
แก้ไขล่าสุดโดย เบน ฟรีคิก เมื่อ Sun Nov 22, 2020 12:31, ทั้งหมด 1 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ