ึคอยดูหลังเลือกตั้งดีกว่าครับ อีกไม่ถึงเดือนละ

สนิทกัน

เลยไม่ต้องเกรงใจกัน

คือตอนประยุทธ์ไปเยือนสหรัฐฯ ไปเจรจานู่นนี่ แล้วขอซื้อรถสไตรเกอร์มา

ทรัมป์บอกโอเคจัดไป แต่ขอแลกกับการให้ยูรับซื้อสินค้าต่างๆจากไอ หนึ่งในนั้นคือเนื้อหมู

ประยุทธ์ที่ฟังไม่รู้เรื่องก็เออออรับปากไว้ก่อน

สุดท้ายมันผิดข้อกำหนดของไทยที่ห้ามใช้หมูมีสารเร่งเนื้อแดง ก็เลยไม่ได้ซื้อ แต่รถสไตรกเกอร์รับมาแล้วเรียบร้อย

สหรัฐฯก็เลยมากดดันนี่ไง

อันนี้ผมไม่รู้จริงๆนะครับ
เราไปขอซื้อสไตรเกอร์ แล้วทำไมเมกาต้องยังคับให้เราซื้อหมูเขาด้วยครับ
เราก็ซื้อแต่สไตรเกอร์มาไม่ได้หรอ

อันนี้พอจะมีต้นทางไหมครับ ว่าสัญญาซื้อรถสไตเกอร์มันมีเงื่อนไขกับเรื่องเนื้อหมูตรงไหน

ผมลองย้อนหาอ่านข่าวแล้ว ก็เหมือนทำสัญญาซื้อขายกันตามปกติ ไม่ได้มีเงื่อนไขอื่นผูกมัดตรงไหน แค่เราจ่ายเงินก็จบ

ไม่ใช่หรอกครับ ประเทศที่ได้ดุลเมกาจะโดนกดดันทุกประเทศแม้แต่ญี่ปุ่นหรือเกาหลีใต้ ตอนนั้นนายกไปเยือนเค้าก็บีบให้นำเข้าสินค้าเค้า เมกามีเครื่องในหมู ถั่วเหลือง เราจะนำเข้าได้ไง เกษตกรในประเทศด่ายับเลย เหลือหนทางเดียวคืออาวุธ จึงเป็นที่มาของ สไตรเกอร์แล้วก็เฮลิคอปเตอลิตเติลเบิร์ด แต่เราจะพูดตรงๆไม่ได้ว่า เมกาบีบเมกาบีบ ของอย่างงี้คือรู้กันแต่ไม่พูดมันจะกระทบความสำพันธุ์เพราะเรายังเอียงเมกาอยู่เพราะเป็นโลกเสรีด้วยกัน

ไม่น่าใช่ เมกาแค่กดดันเราเพราะเราได้ดุลเค้ามาก ให้เราซื้อสินค้าเค้าบ้าง จะซื้อถั่วหรือหมูก็โดนด่า ซื้ออาวุธไปได้จบๆ แต่พูดมากไม่ได้เด๋วกระทบความสัมพันธ์

ปล.ญี่ปุ่นโดนF35ร้อยลำ เกาหลีก็โดนพวกระบบต่อสู้อากาศยาน

บาง comment ในนี้ไม่ต่างอะไรกับพวกสลิ่มเลย

ขอบคุณมากครับ เข้าใจกระจ่าง

ทำไมถึงมองว่ามันเอาเปรียบเรา

เอาจริงๆ คือเราเอาเปรียบมันมาตลอดหลายปี (เราเอาเข้าบ้านมันไม่เสียภาษี มันเอามาขายบ้านเราเสียภาษี)

ทีนี้พอเวลาผ่านไป มันไม่อยากให้เราเอาเปรียบแล้ว อาจจะเพราะนโยบายเปลี่ยน หรือเพราะเราดูไม่ต้องได้รับการอุดหนุนแล้ว หรือเพราะมองว่าอุดหนุนมาจนเกินพอแล้วก็ได้

ทีนี้มันเลยมาถึงข้อเสนอว่า ถ้าอยากได้เปรียบต่อ ก็ต้องยอมมันบ้าง แต่เราระบข้อเสนอนั้นไม่ได้เอง ก็ถือว่าจบๆ กันไป ไปค้าขายแบบปกติ ไม่ต้องมีใครได้เปรียบต่อ

ถ้าหลังเลือกตั้ง นโยบายมันเปลี่ยน จะมาให้เราได้เปรียบอีกก็ถือเป็นโชคดีของเรา แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องไปด่ามันนี่

พรี่ อุ๊ จะ ไป หน้า สถานทูต อีก ไม๊ จั๊บ