ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2, 3
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ก.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 03 Nov 2010
ตอบ: 1740
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Oct 29, 2020 11:27
[RE: คณะก้าวหน้า]
Chokkz พิมพ์ว่า:
khunnongtik พิมพ์ว่า:
เห็นแย้งกันรัวเลย

เค้าไม่ได้ใช้กฎหมายฉบับเดียว อันเดียวกันตัดสินเหรอ

รัฐบาลรอด

ฝ่ายค้านก็รอดหมด มีไม่รอด แค่คนเดียว

แล้วฝ้ายค้านคนอื่นที่รอดนี่ กฎหมายคนละฉบับกันเหรอ ผมงง

ถ้าไม่เห็นด้วย ก็น่าจะไปดูก่อนว่า คนที่โดนคนนึง กับคนที่เหลือ ทั้งฝ่ายรัฐ ฝ่ายค้าน ที่ไม่โดน มีอะไรที่แตกต่างกันอยู่ เหตุผลมันคืออะไร อย่าใช้อารมณ์ หรือความคิดตัวเอง ออกมาตัดสิน  


แล้วท่านมองเคส
สส.ภาดา กับ สส.ธัญญ์วาริน ว่ายังไงครับ

เหตุผลในการร้องคือมีการถือหุ้นในบริษัทสื่อเหมือนกัน

สส.ภาดา
บริษัททาโร่ ทาเลนท์ จำกัด มีข้อมูลการทำสื่อจริง แต่ศาลมองว่าบริษัทนี้รับทำสื่อจริงแต่ไม่ทำกำไร และกำไรมาจากการทำประชุมมากกว่า เลยตัดสินว่าบริษัทไม่ได้ทำสื่อและสส.ไม่ได้ถือหุ้นสื่อ

สส.ธัญวาริน
ศาลพิสูจน์ไม่ได้ว่าบริษัทเฮล พัต ทำสื่อ ไม่มีหลักฐานการจดทะเบียนอะไรทั้งสิ้น แต่เมื่อพิจารณาจาก สข.1 ของบริษัทที่ระบุว่าว่า ทำสื่อ ศาลเลยมองว่า บริษัทนี้ทำสื่อแม้จะไม่มีหลักฐานว่าทำ

ส่วนอีกบริษัทนึงศาลเชื่อว่า การที่ไม่มีชื่อในหุ้น มีพิรุธและถูกทำขึ้นมา แม้จะไม่มีหลักฐานว่าทำขึ้นมาก็ตาม แต่เพราะ สส.ไม่มาแก้ต่าง จึงดูผิดวิสัย เลยตัดสินว่าผิด


อันนี้ท่านมองอย่างไรครับ


 


ใช่ครับ ยิ่งเอาคำพิพากษาของธร กรณีวีลัคมีเดียที่ปิดตัวไปแล้วสองปีมาเทียบกะภาดานี่ยิ่งเห็นถึงคำนิยาม
คำว่าสองมาตรฐานชัดเจนอ่ะครับ ยิ่งศาลตัดสินมาแบบนี้ก็เหมือนเทน้ำมันถังเบ้อเริ่มเข้ากองไฟอ่ะ ไฟที่แรง
อยู่แล้วก็จะยิ่งแรงเข้าไปอีกโข เผลอๆ รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ถ้าเกิดขึ้นได้จริงๆ น่าจะปฏิรูประบอบยุติธรรม
บ้านเราไปเยอะพอสมควรครับ
ออฟไลน์
นักเตะเทศบาล
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 02 Mar 2011
ตอบ: 3045
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Oct 29, 2020 11:36
[RE: คณะก้าวหน้า]
khunnongtik พิมพ์ว่า:
เห็นแย้งกันรัวเลย

เค้าไม่ได้ใช้กฎหมายฉบับเดียว อันเดียวกันตัดสินเหรอ

รัฐบาลรอด

ฝ่ายค้านก็รอดหมด มีไม่รอด แค่คนเดียว

แล้วฝ้ายค้านคนอื่นที่รอดนี่ กฎหมายคนละฉบับกันเหรอ ผมงง

ถ้าไม่เห็นด้วย ก็น่าจะไปดูก่อนว่า คนที่โดนคนนึง กับคนที่เหลือ ทั้งฝ่ายรัฐ ฝ่ายค้าน ที่ไม่โดน มีอะไรที่แตกต่างกันอยู่ เหตุผลมันคืออะไร อย่าใช้อารมณ์ หรือความคิดตัวเอง ออกมาตัดสิน  


ผมก็ว่าท่านก็รู้อยู่ในใจนะว่าทำไมเค้าถึงตัดสินให้ธนาทรผิดและตัดสินให้คนอื่นไม่ผิด
ไม่ต้องใช้เหุตผล ไม่ต้องใช้อารมณ์ มองจากดาวอังคารก็ยังดูออก

ออฟไลน์
นักเตะหมู่บ้าน
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 13 Nov 2013
ตอบ: 1680
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Oct 29, 2020 11:41
[RE: คณะก้าวหน้า]
Chokkz พิมพ์ว่า:
khunnongtik พิมพ์ว่า:
เห็นแย้งกันรัวเลย

เค้าไม่ได้ใช้กฎหมายฉบับเดียว อันเดียวกันตัดสินเหรอ

รัฐบาลรอด

ฝ่ายค้านก็รอดหมด มีไม่รอด แค่คนเดียว

แล้วฝ้ายค้านคนอื่นที่รอดนี่ กฎหมายคนละฉบับกันเหรอ ผมงง

ถ้าไม่เห็นด้วย ก็น่าจะไปดูก่อนว่า คนที่โดนคนนึง กับคนที่เหลือ ทั้งฝ่ายรัฐ ฝ่ายค้าน ที่ไม่โดน มีอะไรที่แตกต่างกันอยู่ เหตุผลมันคืออะไร อย่าใช้อารมณ์ หรือความคิดตัวเอง ออกมาตัดสิน  


แล้วท่านมองเคส
สส.ภาดา กับ สส.ธัญญ์วาริน ว่ายังไงครับ

เหตุผลในการร้องคือมีการถือหุ้นในบริษัทสื่อเหมือนกัน

สส.ภาดา
บริษัททาโร่ ทาเลนท์ จำกัด มีข้อมูลการทำสื่อจริง แต่ศาลมองว่าบริษัทนี้รับทำสื่อจริงแต่ไม่ทำกำไร และกำไรมาจากการทำประชุมมากกว่า เลยตัดสินว่าบริษัทไม่ได้ทำสื่อและสส.ไม่ได้ถือหุ้นสื่อ

สส.ธัญวาริน
ศาลพิสูจน์ไม่ได้ว่าบริษัทเฮล พัต ทำสื่อ ไม่มีหลักฐานการจดทะเบียนอะไรทั้งสิ้น แต่เมื่อพิจารณาจาก สข.1 ของบริษัทที่ระบุว่าว่า ทำสื่อ ศาลเลยมองว่า บริษัทนี้ทำสื่อแม้จะไม่มีหลักฐานว่าทำ

ส่วนอีกบริษัทนึงศาลเชื่อว่า การที่ไม่มีชื่อในหุ้น มีพิรุธและถูกทำขึ้นมา แม้จะไม่มีหลักฐานว่าทำขึ้นมาก็ตาม แต่เพราะ สส.ไม่มาแก้ต่าง จึงดูผิดวิสัย เลยตัดสินว่าผิด


อันนี้ท่านมองอย่างไรครับ


 


ขอแหล่งที่มาที่มีความน่าเชื่อถือ ของข้อมูลที่ท่านพูดด้วยครับ



ที่ผมหาเจอมา ตามคำพูดของศาลเลย

ในคดี ภาดา ตามนี้

https://www.thaipost.net/main/detail/82069

บริษัทจดทะเบียนทำธุรกิจครอบคลุมทุกอย่าง แต่ บริษัทมีรายได้จากธุรกิจอื่น ไม่มีรายได้จากการผลิตสื่อ


ในคดี ธัญญ์วาริน ตามนี้

https://www.thaipost.net/main/detail/82077

บริษัทจดทะเบียนทำธุรกิจครอบคลุมทุกอย่าง แต่ ใน sanook นี่เขียนว่า ธัญญ์วาริน บริษัทมีรายได้จากการผลิตสื่อ

https://www.sanook.com/news/8284830/

ล่าสุด เมื่อเวลา 16.33 น. ศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก มีมติว่า ผู้ถูกร้องที่ 2 ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ ส.ส.พรรคก้าวไกล ประกอบกิจการรับจ้างผลิตรายการโทรทัศน์ โดยมีเอกสารรายได้ระบุว่ามีรายได้จากการผลิตสื่อโทรทัศน์ สารคดี ละคร ฟังได้ว่า บริษัทฯ ตั้งขึ้นเพื่อรับจ้างผลิตรายการโทรทัศน์ ซึ่งเป็นสื่อในการส่งเนื้อหาสาระไปสู่มวลชนที่สามารถสื่อความได้เป็นการทั่วไปได้ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าประกอบกิจการสื่อมวลชน

พบว่า ธัญญ์วาริน มีการถือหุ้นในกิจการสื่อมวลชนดังกล่าวจริง และเกิดขึ้นในช่วงที่พรรคอนาคตใหม่มีการยื่นรายชื่อผู้สมัคร ขณะที่เอกสารประชุมสามัญมีพิรุธ แม้ปรากฏหนังสือโอนหุ้นไปแล้วก็ตาม แต่เป็นการจัดทำขึ้น เพื่อให้คนนอกเข้าใจว่าตนเองไม่ได้ถือหุ้น การดำเนินการดังกล่าวเกิดขึ้นหลังมีการยื่นคำร้องด้วย ขณะที่ผู้ร้องไม่ได้แสดงเอกสารหลักฐานว่ามีการประชุมสามัญจริง ไม่มาให้ศาลไต่สวน




เห็นความแตกต่างไหมครับ ว่าอะไรมันต่างกันอยู่






ออฟไลน์
นักเตะหมู่บ้าน
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 13 Nov 2013
ตอบ: 1680
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Oct 29, 2020 11:42
[RE: คณะก้าวหน้า]
พูดอะไรพูดกันตามข้อมูล ข่าวสาร ครับ ไม่นั่งเทียน คิดเอง เออเอง นะ เด็กน้อย
ออฟไลน์
นักเตะหมู่บ้าน
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 13 Nov 2013
ตอบ: 1680
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Oct 29, 2020 11:43
[RE: คณะก้าวหน้า]
sasane12 พิมพ์ว่า:
khunnongtik พิมพ์ว่า:
เห็นแย้งกันรัวเลย

เค้าไม่ได้ใช้กฎหมายฉบับเดียว อันเดียวกันตัดสินเหรอ

รัฐบาลรอด

ฝ่ายค้านก็รอดหมด มีไม่รอด แค่คนเดียว

แล้วฝ้ายค้านคนอื่นที่รอดนี่ กฎหมายคนละฉบับกันเหรอ ผมงง

ถ้าไม่เห็นด้วย ก็น่าจะไปดูก่อนว่า คนที่โดนคนนึง กับคนที่เหลือ ทั้งฝ่ายรัฐ ฝ่ายค้าน ที่ไม่โดน มีอะไรที่แตกต่างกันอยู่ เหตุผลมันคืออะไร อย่าใช้อารมณ์ หรือความคิดตัวเอง ออกมาตัดสิน  


ผมก็ว่าท่านก็รู้อยู่ในใจนะว่าทำไมเค้าถึงตัดสินให้ธนาทรผิดและตัดสินให้คนอื่นไม่ผิด
ไม่ต้องใช้เหุตผล ไม่ต้องใช้อารมณ์ มองจากดาวอังคารก็ยังดูออก
 


คุยกันเคส เมื่อวาน ธนาธร จบไปแล้ว รอลุ้น กกต ฟ้อง เรื่องให้กู้ ว่าจะติดคุกไหมแทนนะ

อย่ามองจากดาวอังคาร มองที่เหตุผล และตัวบทกฎหมาย

กฎหมายใช้ตัวเดียวกันหมดทุกคนนะ ผิดว่าไปตามผิด ถูกว่าไปตามถูก อ่านคำที่ศาลอธิบาย แล้วเอาคำอธิบายของศาลเทียบกับกฎหมาย แล้วค่อยแย้งนะ
แก้ไขล่าสุดโดย khunnongtik เมื่อ Thu Oct 29, 2020 11:47, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ออฟไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status: ห นู น ย ม ทู ต
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 03 Sep 2018
ตอบ: 15276
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Oct 29, 2020 12:27
[RE: คณะก้าวหน้า]
khunnongtik พิมพ์ว่า:
Chokkz พิมพ์ว่า:
khunnongtik พิมพ์ว่า:
เห็นแย้งกันรัวเลย

เค้าไม่ได้ใช้กฎหมายฉบับเดียว อันเดียวกันตัดสินเหรอ

รัฐบาลรอด

ฝ่ายค้านก็รอดหมด มีไม่รอด แค่คนเดียว

แล้วฝ้ายค้านคนอื่นที่รอดนี่ กฎหมายคนละฉบับกันเหรอ ผมงง

ถ้าไม่เห็นด้วย ก็น่าจะไปดูก่อนว่า คนที่โดนคนนึง กับคนที่เหลือ ทั้งฝ่ายรัฐ ฝ่ายค้าน ที่ไม่โดน มีอะไรที่แตกต่างกันอยู่ เหตุผลมันคืออะไร อย่าใช้อารมณ์ หรือความคิดตัวเอง ออกมาตัดสิน  


แล้วท่านมองเคส
สส.ภาดา กับ สส.ธัญญ์วาริน ว่ายังไงครับ

เหตุผลในการร้องคือมีการถือหุ้นในบริษัทสื่อเหมือนกัน

สส.ภาดา
บริษัททาโร่ ทาเลนท์ จำกัด มีข้อมูลการทำสื่อจริง แต่ศาลมองว่าบริษัทนี้รับทำสื่อจริงแต่ไม่ทำกำไร และกำไรมาจากการทำประชุมมากกว่า เลยตัดสินว่าบริษัทไม่ได้ทำสื่อและสส.ไม่ได้ถือหุ้นสื่อ

สส.ธัญวาริน
ศาลพิสูจน์ไม่ได้ว่าบริษัทเฮล พัต ทำสื่อ ไม่มีหลักฐานการจดทะเบียนอะไรทั้งสิ้น แต่เมื่อพิจารณาจาก สข.1 ของบริษัทที่ระบุว่าว่า ทำสื่อ ศาลเลยมองว่า บริษัทนี้ทำสื่อแม้จะไม่มีหลักฐานว่าทำ

ส่วนอีกบริษัทนึงศาลเชื่อว่า การที่ไม่มีชื่อในหุ้น มีพิรุธและถูกทำขึ้นมา แม้จะไม่มีหลักฐานว่าทำขึ้นมาก็ตาม แต่เพราะ สส.ไม่มาแก้ต่าง จึงดูผิดวิสัย เลยตัดสินว่าผิด


อันนี้ท่านมองอย่างไรครับ


 


ขอแหล่งที่มาที่มีความน่าเชื่อถือ ของข้อมูลที่ท่านพูดด้วยครับ



ที่ผมหาเจอมา ตามคำพูดของศาลเลย

ในคดี ภาดา ตามนี้

https://www.thaipost.net/main/detail/82069

บริษัทจดทะเบียนทำธุรกิจครอบคลุมทุกอย่าง แต่ บริษัทมีรายได้จากธุรกิจอื่น ไม่มีรายได้จากการผลิตสื่อ


ในคดี ธัญญ์วาริน ตามนี้

https://www.thaipost.net/main/detail/82077

บริษัทจดทะเบียนทำธุรกิจครอบคลุมทุกอย่าง แต่ ใน sanook นี่เขียนว่า ธัญญ์วาริน บริษัทมีรายได้จากการผลิตสื่อ

https://www.sanook.com/news/8284830/

ล่าสุด เมื่อเวลา 16.33 น. ศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก มีมติว่า ผู้ถูกร้องที่ 2 ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ ส.ส.พรรคก้าวไกล ประกอบกิจการรับจ้างผลิตรายการโทรทัศน์ โดยมีเอกสารรายได้ระบุว่ามีรายได้จากการผลิตสื่อโทรทัศน์ สารคดี ละคร ฟังได้ว่า บริษัทฯ ตั้งขึ้นเพื่อรับจ้างผลิตรายการโทรทัศน์ ซึ่งเป็นสื่อในการส่งเนื้อหาสาระไปสู่มวลชนที่สามารถสื่อความได้เป็นการทั่วไปได้ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าประกอบกิจการสื่อมวลชน

พบว่า ธัญญ์วาริน มีการถือหุ้นในกิจการสื่อมวลชนดังกล่าวจริง และเกิดขึ้นในช่วงที่พรรคอนาคตใหม่มีการยื่นรายชื่อผู้สมัคร ขณะที่เอกสารประชุมสามัญมีพิรุธ แม้ปรากฏหนังสือโอนหุ้นไปแล้วก็ตาม แต่เป็นการจัดทำขึ้น เพื่อให้คนนอกเข้าใจว่าตนเองไม่ได้ถือหุ้น การดำเนินการดังกล่าวเกิดขึ้นหลังมีการยื่นคำร้องด้วย ขณะที่ผู้ร้องไม่ได้แสดงเอกสารหลักฐานว่ามีการประชุมสามัญจริง ไม่มาให้ศาลไต่สวน




เห็นความแตกต่างไหมครับ ว่าอะไรมันต่างกันอยู่






 


ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ

ส่วนผมอ้างอิงจากอันนี้ครับ

https://www.bbc.com/thai/thailand-54717231

เรื่องแรก สรุปมันคือไม่ใช่เรื่องบริษัทนั้นจะเป็นสื่อหรือไม่ แต่ถ้าไม่มีรายได้จากการทำสื่อก็ไม่นับว่าเป็นกิจการสื่อใช่ไหมครับ ที่ทำให้ภาดารอด และธัญวาริน โดน

ส่วนเรื่อง 2 ถึงแม้จะไม่ได้ทำผิด แต่ถ้าไม่ยอมไปยืนยันความบริสุทธิ์ก็ถือว่าส่อพิรุธ ฟันว่าผิดได้ตามดุลพินิจศาลสินะครับ







แก้ไขล่าสุดโดย Chokkz เมื่อ Thu Oct 29, 2020 12:36, ทั้งหมด 4 ครั้ง
The Journey of new beginnings.
ออฟไลน์
นักเตะหมู่บ้าน
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 13 Nov 2013
ตอบ: 1680
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Oct 29, 2020 12:49
[RE: คณะก้าวหน้า]
Chokkz พิมพ์ว่า:
khunnongtik พิมพ์ว่า:
Chokkz พิมพ์ว่า:
khunnongtik พิมพ์ว่า:
เห็นแย้งกันรัวเลย

เค้าไม่ได้ใช้กฎหมายฉบับเดียว อันเดียวกันตัดสินเหรอ

รัฐบาลรอด

ฝ่ายค้านก็รอดหมด มีไม่รอด แค่คนเดียว

แล้วฝ้ายค้านคนอื่นที่รอดนี่ กฎหมายคนละฉบับกันเหรอ ผมงง

ถ้าไม่เห็นด้วย ก็น่าจะไปดูก่อนว่า คนที่โดนคนนึง กับคนที่เหลือ ทั้งฝ่ายรัฐ ฝ่ายค้าน ที่ไม่โดน มีอะไรที่แตกต่างกันอยู่ เหตุผลมันคืออะไร อย่าใช้อารมณ์ หรือความคิดตัวเอง ออกมาตัดสิน  


แล้วท่านมองเคส
สส.ภาดา กับ สส.ธัญญ์วาริน ว่ายังไงครับ

เหตุผลในการร้องคือมีการถือหุ้นในบริษัทสื่อเหมือนกัน

สส.ภาดา
บริษัททาโร่ ทาเลนท์ จำกัด มีข้อมูลการทำสื่อจริง แต่ศาลมองว่าบริษัทนี้รับทำสื่อจริงแต่ไม่ทำกำไร และกำไรมาจากการทำประชุมมากกว่า เลยตัดสินว่าบริษัทไม่ได้ทำสื่อและสส.ไม่ได้ถือหุ้นสื่อ

สส.ธัญวาริน
ศาลพิสูจน์ไม่ได้ว่าบริษัทเฮล พัต ทำสื่อ ไม่มีหลักฐานการจดทะเบียนอะไรทั้งสิ้น แต่เมื่อพิจารณาจาก สข.1 ของบริษัทที่ระบุว่าว่า ทำสื่อ ศาลเลยมองว่า บริษัทนี้ทำสื่อแม้จะไม่มีหลักฐานว่าทำ

ส่วนอีกบริษัทนึงศาลเชื่อว่า การที่ไม่มีชื่อในหุ้น มีพิรุธและถูกทำขึ้นมา แม้จะไม่มีหลักฐานว่าทำขึ้นมาก็ตาม แต่เพราะ สส.ไม่มาแก้ต่าง จึงดูผิดวิสัย เลยตัดสินว่าผิด


อันนี้ท่านมองอย่างไรครับ


 


ขอแหล่งที่มาที่มีความน่าเชื่อถือ ของข้อมูลที่ท่านพูดด้วยครับ



ที่ผมหาเจอมา ตามคำพูดของศาลเลย

ในคดี ภาดา ตามนี้

https://www.thaipost.net/main/detail/82069

บริษัทจดทะเบียนทำธุรกิจครอบคลุมทุกอย่าง แต่ บริษัทมีรายได้จากธุรกิจอื่น ไม่มีรายได้จากการผลิตสื่อ


ในคดี ธัญญ์วาริน ตามนี้

https://www.thaipost.net/main/detail/82077

บริษัทจดทะเบียนทำธุรกิจครอบคลุมทุกอย่าง แต่ ใน sanook นี่เขียนว่า ธัญญ์วาริน บริษัทมีรายได้จากการผลิตสื่อ

https://www.sanook.com/news/8284830/

ล่าสุด เมื่อเวลา 16.33 น. ศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก มีมติว่า ผู้ถูกร้องที่ 2 ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ ส.ส.พรรคก้าวไกล ประกอบกิจการรับจ้างผลิตรายการโทรทัศน์ โดยมีเอกสารรายได้ระบุว่ามีรายได้จากการผลิตสื่อโทรทัศน์ สารคดี ละคร ฟังได้ว่า บริษัทฯ ตั้งขึ้นเพื่อรับจ้างผลิตรายการโทรทัศน์ ซึ่งเป็นสื่อในการส่งเนื้อหาสาระไปสู่มวลชนที่สามารถสื่อความได้เป็นการทั่วไปได้ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าประกอบกิจการสื่อมวลชน

พบว่า ธัญญ์วาริน มีการถือหุ้นในกิจการสื่อมวลชนดังกล่าวจริง และเกิดขึ้นในช่วงที่พรรคอนาคตใหม่มีการยื่นรายชื่อผู้สมัคร ขณะที่เอกสารประชุมสามัญมีพิรุธ แม้ปรากฏหนังสือโอนหุ้นไปแล้วก็ตาม แต่เป็นการจัดทำขึ้น เพื่อให้คนนอกเข้าใจว่าตนเองไม่ได้ถือหุ้น การดำเนินการดังกล่าวเกิดขึ้นหลังมีการยื่นคำร้องด้วย ขณะที่ผู้ร้องไม่ได้แสดงเอกสารหลักฐานว่ามีการประชุมสามัญจริง ไม่มาให้ศาลไต่สวน




เห็นความแตกต่างไหมครับ ว่าอะไรมันต่างกันอยู่






 


ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ

ส่วนผมอ้างอิงจากอันนี้ครับ

https://www.bbc.com/thai/thailand-54717231

เรื่องแรก สรุปมันคือไม่ใช่เรื่องบริษัทนั้นจะเป็นสื่อหรือไม่ แต่ถ้าไม่มีรายได้จากการทำสื่อก็ไม่นับว่าเป็นกิจการสื่อใช่ไหมครับ ที่ทำให้ภาดารอด และธัญวาริน โดน

ส่วนเรื่อง 2 ถึงแม้จะไม่ได้ทำผิด แต่ถ้าไม่ยอมไปยืนยันความบริสุทธิ์ก็ถือว่าส่อพิรุธ ฟันว่าผิดได้ตามดุลพินิจศาลสินะครับ







 


เรื่องแรก สรุปมันคือไม่ใช่เรื่องบริษัทนั้นจะเป็นสื่อหรือไม่ แต่ถ้าไม่มีรายได้จากการทำสื่อก็ไม่นับว่าเป็นกิจการสื่อใช่ไหมครับ ที่ทำให้ภาดารอด และธัญวาริน โดน

คำตอบคือ การจดจัดตั้งบริษัท มันจะมีวัตถุุประสงค์ในการจัดตั้ง ว่าจะตั้งบริษัทมาเพื่อทำกิจการอะไร ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว ทุกบริษัทจะลงวัตถุประสงค์แบบกว้าง ๆ ทำธุรกิจได้หลายอย่าง ตั้งแต่สากกะเบือ ยันเรือรบ เผื่อไว้

ทำให้เกือบทั้งหมดของบริษัทที่ไปจดทะเบียน จะสามารถทำธุรกิจอะไรก็ได้ รวมทั้งสื่อ

แต่พอเอาเข้าจริง ๆ ทุกบริษัทที่ไปจดทะเบียน เค้าก็จะมีธุรกิจของเค้า ขายยา ผลิตอุปกรณ์ ขายเคมี โรงงาน โกดัง อะไรก็แล้วแต่

ซึ่งทำให้ พรรครัฐบาล และฝ่ายค้าย ต่างฟ้อง สส คนโน้นคนนี้ว่า จดทะเบียนสื่อเหมือนกัน ทำไมไม่ผิด

แต่ศาลมองลึกลงไปกว่านั้น คือ การจดทะเบียนนั้น เกือบทุกบริษัทเค้าจดเพื่อให้ครอบคลุมไว้ก่อน เผื่อวันหน้าอยากทำธุรกิจอื่น ก็จะได้ไม่ต้องไปจดใหม่ ใช้บริษัทเดิมทำได้เลย

ดังนั้น บางบริษัทก็จะทำธุรกิจอื่น และบางบริษัทก็ทำธุรกิจสื่อ

ศาล ไม่ได้มองที่ว่าจดทะเบียนเป็นอะไรอย่างเดียว ต้องมองด้วยว่า เค้าทำธุรกิจสื่อจริงไหม

ความแตกต่างระหว่าง 2 สส ก็คือ

2 สส จดทะเบียนบริษัทสามารถทำธุรกิจสื่อได้และทำธุรกิจอะไรก็ได้ตามหนังสือจดทะเบียนบริษัทกำหนดไว้
แต่
1 สส เค้าไม่ได้ทำธุรกิจสื่อ เค้าทำธุรกิจอย่างอื่น และชัดเจน รายได้ มาจากการทำธุรกิจอื่น ที่ไม่ใช่สื่อ

1 สส เค้าทำธุรกิจสื่อ และได้รายการจากการทำธุรกิจสื่อชัดเจน



ส่วนเรื่อง 2 ถึงแม้จะไม่ได้ทำผิด แต่ถ้าไม่ยอมไปยืนยันความบริสุทธิ์ก็ถือว่าส่อพิรุธ ฟันว่าผิดได้ตามดุลพินิจศาลสินะครับ

ข้อ 2 ในกรณีนี้ ศาลแค่กล่าวถึงเฉย ๆ ประกอบเนื้อหา แต่เหตุผลที่ให้ตัดสินว่าผิดนั้น อยู่ตามข้อ 1 ครับ คือมีการถือหุ้นสื่ออยู่จริงในขณะนั้น


ออฟไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status: ห นู น ย ม ทู ต
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 03 Sep 2018
ตอบ: 15276
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Oct 29, 2020 12:59
[RE: คณะก้าวหน้า]
khunnongtik พิมพ์ว่า:
Chokkz พิมพ์ว่า:
khunnongtik พิมพ์ว่า:
Chokkz พิมพ์ว่า:
khunnongtik พิมพ์ว่า:
เห็นแย้งกันรัวเลย

เค้าไม่ได้ใช้กฎหมายฉบับเดียว อันเดียวกันตัดสินเหรอ

รัฐบาลรอด

ฝ่ายค้านก็รอดหมด มีไม่รอด แค่คนเดียว

แล้วฝ้ายค้านคนอื่นที่รอดนี่ กฎหมายคนละฉบับกันเหรอ ผมงง

ถ้าไม่เห็นด้วย ก็น่าจะไปดูก่อนว่า คนที่โดนคนนึง กับคนที่เหลือ ทั้งฝ่ายรัฐ ฝ่ายค้าน ที่ไม่โดน มีอะไรที่แตกต่างกันอยู่ เหตุผลมันคืออะไร อย่าใช้อารมณ์ หรือความคิดตัวเอง ออกมาตัดสิน  


แล้วท่านมองเคส
สส.ภาดา กับ สส.ธัญญ์วาริน ว่ายังไงครับ

เหตุผลในการร้องคือมีการถือหุ้นในบริษัทสื่อเหมือนกัน

สส.ภาดา
บริษัททาโร่ ทาเลนท์ จำกัด มีข้อมูลการทำสื่อจริง แต่ศาลมองว่าบริษัทนี้รับทำสื่อจริงแต่ไม่ทำกำไร และกำไรมาจากการทำประชุมมากกว่า เลยตัดสินว่าบริษัทไม่ได้ทำสื่อและสส.ไม่ได้ถือหุ้นสื่อ

สส.ธัญวาริน
ศาลพิสูจน์ไม่ได้ว่าบริษัทเฮล พัต ทำสื่อ ไม่มีหลักฐานการจดทะเบียนอะไรทั้งสิ้น แต่เมื่อพิจารณาจาก สข.1 ของบริษัทที่ระบุว่าว่า ทำสื่อ ศาลเลยมองว่า บริษัทนี้ทำสื่อแม้จะไม่มีหลักฐานว่าทำ

ส่วนอีกบริษัทนึงศาลเชื่อว่า การที่ไม่มีชื่อในหุ้น มีพิรุธและถูกทำขึ้นมา แม้จะไม่มีหลักฐานว่าทำขึ้นมาก็ตาม แต่เพราะ สส.ไม่มาแก้ต่าง จึงดูผิดวิสัย เลยตัดสินว่าผิด


อันนี้ท่านมองอย่างไรครับ


 


ขอแหล่งที่มาที่มีความน่าเชื่อถือ ของข้อมูลที่ท่านพูดด้วยครับ



ที่ผมหาเจอมา ตามคำพูดของศาลเลย

ในคดี ภาดา ตามนี้

https://www.thaipost.net/main/detail/82069

บริษัทจดทะเบียนทำธุรกิจครอบคลุมทุกอย่าง แต่ บริษัทมีรายได้จากธุรกิจอื่น ไม่มีรายได้จากการผลิตสื่อ


ในคดี ธัญญ์วาริน ตามนี้

https://www.thaipost.net/main/detail/82077

บริษัทจดทะเบียนทำธุรกิจครอบคลุมทุกอย่าง แต่ ใน sanook นี่เขียนว่า ธัญญ์วาริน บริษัทมีรายได้จากการผลิตสื่อ

https://www.sanook.com/news/8284830/

ล่าสุด เมื่อเวลา 16.33 น. ศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก มีมติว่า ผู้ถูกร้องที่ 2 ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ ส.ส.พรรคก้าวไกล ประกอบกิจการรับจ้างผลิตรายการโทรทัศน์ โดยมีเอกสารรายได้ระบุว่ามีรายได้จากการผลิตสื่อโทรทัศน์ สารคดี ละคร ฟังได้ว่า บริษัทฯ ตั้งขึ้นเพื่อรับจ้างผลิตรายการโทรทัศน์ ซึ่งเป็นสื่อในการส่งเนื้อหาสาระไปสู่มวลชนที่สามารถสื่อความได้เป็นการทั่วไปได้ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าประกอบกิจการสื่อมวลชน

พบว่า ธัญญ์วาริน มีการถือหุ้นในกิจการสื่อมวลชนดังกล่าวจริง และเกิดขึ้นในช่วงที่พรรคอนาคตใหม่มีการยื่นรายชื่อผู้สมัคร ขณะที่เอกสารประชุมสามัญมีพิรุธ แม้ปรากฏหนังสือโอนหุ้นไปแล้วก็ตาม แต่เป็นการจัดทำขึ้น เพื่อให้คนนอกเข้าใจว่าตนเองไม่ได้ถือหุ้น การดำเนินการดังกล่าวเกิดขึ้นหลังมีการยื่นคำร้องด้วย ขณะที่ผู้ร้องไม่ได้แสดงเอกสารหลักฐานว่ามีการประชุมสามัญจริง ไม่มาให้ศาลไต่สวน




เห็นความแตกต่างไหมครับ ว่าอะไรมันต่างกันอยู่






 


ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ

ส่วนผมอ้างอิงจากอันนี้ครับ

https://www.bbc.com/thai/thailand-54717231

เรื่องแรก สรุปมันคือไม่ใช่เรื่องบริษัทนั้นจะเป็นสื่อหรือไม่ แต่ถ้าไม่มีรายได้จากการทำสื่อก็ไม่นับว่าเป็นกิจการสื่อใช่ไหมครับ ที่ทำให้ภาดารอด และธัญวาริน โดน

ส่วนเรื่อง 2 ถึงแม้จะไม่ได้ทำผิด แต่ถ้าไม่ยอมไปยืนยันความบริสุทธิ์ก็ถือว่าส่อพิรุธ ฟันว่าผิดได้ตามดุลพินิจศาลสินะครับ







 


เรื่องแรก สรุปมันคือไม่ใช่เรื่องบริษัทนั้นจะเป็นสื่อหรือไม่ แต่ถ้าไม่มีรายได้จากการทำสื่อก็ไม่นับว่าเป็นกิจการสื่อใช่ไหมครับ ที่ทำให้ภาดารอด และธัญวาริน โดน

คำตอบคือ การจดจัดตั้งบริษัท มันจะมีวัตถุุประสงค์ในการจัดตั้ง ว่าจะตั้งบริษัทมาเพื่อทำกิจการอะไร ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว ทุกบริษัทจะลงวัตถุประสงค์แบบกว้าง ๆ ทำธุรกิจได้หลายอย่าง ตั้งแต่สากกะเบือ ยันเรือรบ เผื่อไว้

ทำให้เกือบทั้งหมดของบริษัทที่ไปจดทะเบียน จะสามารถทำธุรกิจอะไรก็ได้ รวมทั้งสื่อ

แต่พอเอาเข้าจริง ๆ ทุกบริษัทที่ไปจดทะเบียน เค้าก็จะมีธุรกิจของเค้า ขายยา ผลิตอุปกรณ์ ขายเคมี โรงงาน โกดัง อะไรก็แล้วแต่

ซึ่งทำให้ พรรครัฐบาล และฝ่ายค้าย ต่างฟ้อง สส คนโน้นคนนี้ว่า จดทะเบียนสื่อเหมือนกัน ทำไมไม่ผิด

แต่ศาลมองลึกลงไปกว่านั้น คือ การจดทะเบียนนั้น เกือบทุกบริษัทเค้าจดเพื่อให้ครอบคลุมไว้ก่อน เผื่อวันหน้าอยากทำธุรกิจอื่น ก็จะได้ไม่ต้องไปจดใหม่ ใช้บริษัทเดิมทำได้เลย

ดังนั้น บางบริษัทก็จะทำธุรกิจอื่น และบางบริษัทก็ทำธุรกิจสื่อ

ศาล ไม่ได้มองที่ว่าจดทะเบียนเป็นอะไรอย่างเดียว ต้องมองด้วยว่า เค้าทำธุรกิจสื่อจริงไหม

ความแตกต่างระหว่าง 2 สส ก็คือ

2 สส จดทะเบียนบริษัทสามารถทำธุรกิจสื่อได้และทำธุรกิจอะไรก็ได้ตามหนังสือจดทะเบียนบริษัทกำหนดไว้
แต่
1 สส เค้าไม่ได้ทำธุรกิจสื่อ เค้าทำธุรกิจอย่างอื่น และชัดเจน รายได้ มาจากการทำธุรกิจอื่น ที่ไม่ใช่สื่อ

1 สส เค้าทำธุรกิจสื่อ และได้รายการจากการทำธุรกิจสื่อชัดเจน



ส่วนเรื่อง 2 ถึงแม้จะไม่ได้ทำผิด แต่ถ้าไม่ยอมไปยืนยันความบริสุทธิ์ก็ถือว่าส่อพิรุธ ฟันว่าผิดได้ตามดุลพินิจศาลสินะครับ

ข้อ 2 ในกรณีนี้ ศาลแค่กล่าวถึงเฉย ๆ ประกอบเนื้อหา แต่เหตุผลที่ให้ตัดสินว่าผิดนั้น อยู่ตามข้อ 1 ครับ คือมีการถือหุ้นสื่ออยู่จริงในขณะนั้น


 


ขอบคุณท่านมากครับ ที่ช่วยสรุปอีกครั้ง พอมาอ่านแบบนี้ก็เข้าใจว่าทำไมถึงโดน/ไม่โดนละครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Chokkz เมื่อ Thu Oct 29, 2020 13:02, ทั้งหมด 1 ครั้ง
The Journey of new beginnings.
ออฟไลน์
นักเตะหมู่บ้าน
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 13 Nov 2013
ตอบ: 1680
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Oct 29, 2020 13:41
[RE: คณะก้าวหน้า]
Chokkz พิมพ์ว่า:
khunnongtik พิมพ์ว่า:
Chokkz พิมพ์ว่า:
khunnongtik พิมพ์ว่า:
Chokkz พิมพ์ว่า:
khunnongtik พิมพ์ว่า:
เห็นแย้งกันรัวเลย

เค้าไม่ได้ใช้กฎหมายฉบับเดียว อันเดียวกันตัดสินเหรอ

รัฐบาลรอด

ฝ่ายค้านก็รอดหมด มีไม่รอด แค่คนเดียว

แล้วฝ้ายค้านคนอื่นที่รอดนี่ กฎหมายคนละฉบับกันเหรอ ผมงง

ถ้าไม่เห็นด้วย ก็น่าจะไปดูก่อนว่า คนที่โดนคนนึง กับคนที่เหลือ ทั้งฝ่ายรัฐ ฝ่ายค้าน ที่ไม่โดน มีอะไรที่แตกต่างกันอยู่ เหตุผลมันคืออะไร อย่าใช้อารมณ์ หรือความคิดตัวเอง ออกมาตัดสิน  


แล้วท่านมองเคส
สส.ภาดา กับ สส.ธัญญ์วาริน ว่ายังไงครับ

เหตุผลในการร้องคือมีการถือหุ้นในบริษัทสื่อเหมือนกัน

สส.ภาดา
บริษัททาโร่ ทาเลนท์ จำกัด มีข้อมูลการทำสื่อจริง แต่ศาลมองว่าบริษัทนี้รับทำสื่อจริงแต่ไม่ทำกำไร และกำไรมาจากการทำประชุมมากกว่า เลยตัดสินว่าบริษัทไม่ได้ทำสื่อและสส.ไม่ได้ถือหุ้นสื่อ

สส.ธัญวาริน
ศาลพิสูจน์ไม่ได้ว่าบริษัทเฮล พัต ทำสื่อ ไม่มีหลักฐานการจดทะเบียนอะไรทั้งสิ้น แต่เมื่อพิจารณาจาก สข.1 ของบริษัทที่ระบุว่าว่า ทำสื่อ ศาลเลยมองว่า บริษัทนี้ทำสื่อแม้จะไม่มีหลักฐานว่าทำ

ส่วนอีกบริษัทนึงศาลเชื่อว่า การที่ไม่มีชื่อในหุ้น มีพิรุธและถูกทำขึ้นมา แม้จะไม่มีหลักฐานว่าทำขึ้นมาก็ตาม แต่เพราะ สส.ไม่มาแก้ต่าง จึงดูผิดวิสัย เลยตัดสินว่าผิด


อันนี้ท่านมองอย่างไรครับ


 


ขอแหล่งที่มาที่มีความน่าเชื่อถือ ของข้อมูลที่ท่านพูดด้วยครับ



ที่ผมหาเจอมา ตามคำพูดของศาลเลย

ในคดี ภาดา ตามนี้

https://www.thaipost.net/main/detail/82069

บริษัทจดทะเบียนทำธุรกิจครอบคลุมทุกอย่าง แต่ บริษัทมีรายได้จากธุรกิจอื่น ไม่มีรายได้จากการผลิตสื่อ


ในคดี ธัญญ์วาริน ตามนี้

https://www.thaipost.net/main/detail/82077

บริษัทจดทะเบียนทำธุรกิจครอบคลุมทุกอย่าง แต่ ใน sanook นี่เขียนว่า ธัญญ์วาริน บริษัทมีรายได้จากการผลิตสื่อ

https://www.sanook.com/news/8284830/

ล่าสุด เมื่อเวลา 16.33 น. ศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก มีมติว่า ผู้ถูกร้องที่ 2 ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ ส.ส.พรรคก้าวไกล ประกอบกิจการรับจ้างผลิตรายการโทรทัศน์ โดยมีเอกสารรายได้ระบุว่ามีรายได้จากการผลิตสื่อโทรทัศน์ สารคดี ละคร ฟังได้ว่า บริษัทฯ ตั้งขึ้นเพื่อรับจ้างผลิตรายการโทรทัศน์ ซึ่งเป็นสื่อในการส่งเนื้อหาสาระไปสู่มวลชนที่สามารถสื่อความได้เป็นการทั่วไปได้ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าประกอบกิจการสื่อมวลชน

พบว่า ธัญญ์วาริน มีการถือหุ้นในกิจการสื่อมวลชนดังกล่าวจริง และเกิดขึ้นในช่วงที่พรรคอนาคตใหม่มีการยื่นรายชื่อผู้สมัคร ขณะที่เอกสารประชุมสามัญมีพิรุธ แม้ปรากฏหนังสือโอนหุ้นไปแล้วก็ตาม แต่เป็นการจัดทำขึ้น เพื่อให้คนนอกเข้าใจว่าตนเองไม่ได้ถือหุ้น การดำเนินการดังกล่าวเกิดขึ้นหลังมีการยื่นคำร้องด้วย ขณะที่ผู้ร้องไม่ได้แสดงเอกสารหลักฐานว่ามีการประชุมสามัญจริง ไม่มาให้ศาลไต่สวน




เห็นความแตกต่างไหมครับ ว่าอะไรมันต่างกันอยู่






 


ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ

ส่วนผมอ้างอิงจากอันนี้ครับ

https://www.bbc.com/thai/thailand-54717231

เรื่องแรก สรุปมันคือไม่ใช่เรื่องบริษัทนั้นจะเป็นสื่อหรือไม่ แต่ถ้าไม่มีรายได้จากการทำสื่อก็ไม่นับว่าเป็นกิจการสื่อใช่ไหมครับ ที่ทำให้ภาดารอด และธัญวาริน โดน

ส่วนเรื่อง 2 ถึงแม้จะไม่ได้ทำผิด แต่ถ้าไม่ยอมไปยืนยันความบริสุทธิ์ก็ถือว่าส่อพิรุธ ฟันว่าผิดได้ตามดุลพินิจศาลสินะครับ







 


เรื่องแรก สรุปมันคือไม่ใช่เรื่องบริษัทนั้นจะเป็นสื่อหรือไม่ แต่ถ้าไม่มีรายได้จากการทำสื่อก็ไม่นับว่าเป็นกิจการสื่อใช่ไหมครับ ที่ทำให้ภาดารอด และธัญวาริน โดน

คำตอบคือ การจดจัดตั้งบริษัท มันจะมีวัตถุุประสงค์ในการจัดตั้ง ว่าจะตั้งบริษัทมาเพื่อทำกิจการอะไร ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว ทุกบริษัทจะลงวัตถุประสงค์แบบกว้าง ๆ ทำธุรกิจได้หลายอย่าง ตั้งแต่สากกะเบือ ยันเรือรบ เผื่อไว้

ทำให้เกือบทั้งหมดของบริษัทที่ไปจดทะเบียน จะสามารถทำธุรกิจอะไรก็ได้ รวมทั้งสื่อ

แต่พอเอาเข้าจริง ๆ ทุกบริษัทที่ไปจดทะเบียน เค้าก็จะมีธุรกิจของเค้า ขายยา ผลิตอุปกรณ์ ขายเคมี โรงงาน โกดัง อะไรก็แล้วแต่

ซึ่งทำให้ พรรครัฐบาล และฝ่ายค้าย ต่างฟ้อง สส คนโน้นคนนี้ว่า จดทะเบียนสื่อเหมือนกัน ทำไมไม่ผิด

แต่ศาลมองลึกลงไปกว่านั้น คือ การจดทะเบียนนั้น เกือบทุกบริษัทเค้าจดเพื่อให้ครอบคลุมไว้ก่อน เผื่อวันหน้าอยากทำธุรกิจอื่น ก็จะได้ไม่ต้องไปจดใหม่ ใช้บริษัทเดิมทำได้เลย

ดังนั้น บางบริษัทก็จะทำธุรกิจอื่น และบางบริษัทก็ทำธุรกิจสื่อ

ศาล ไม่ได้มองที่ว่าจดทะเบียนเป็นอะไรอย่างเดียว ต้องมองด้วยว่า เค้าทำธุรกิจสื่อจริงไหม

ความแตกต่างระหว่าง 2 สส ก็คือ

2 สส จดทะเบียนบริษัทสามารถทำธุรกิจสื่อได้และทำธุรกิจอะไรก็ได้ตามหนังสือจดทะเบียนบริษัทกำหนดไว้
แต่
1 สส เค้าไม่ได้ทำธุรกิจสื่อ เค้าทำธุรกิจอย่างอื่น และชัดเจน รายได้ มาจากการทำธุรกิจอื่น ที่ไม่ใช่สื่อ

1 สส เค้าทำธุรกิจสื่อ และได้รายการจากการทำธุรกิจสื่อชัดเจน



ส่วนเรื่อง 2 ถึงแม้จะไม่ได้ทำผิด แต่ถ้าไม่ยอมไปยืนยันความบริสุทธิ์ก็ถือว่าส่อพิรุธ ฟันว่าผิดได้ตามดุลพินิจศาลสินะครับ

ข้อ 2 ในกรณีนี้ ศาลแค่กล่าวถึงเฉย ๆ ประกอบเนื้อหา แต่เหตุผลที่ให้ตัดสินว่าผิดนั้น อยู่ตามข้อ 1 ครับ คือมีการถือหุ้นสื่ออยู่จริงในขณะนั้น


 


ขอบคุณท่านมากครับ ที่ช่วยสรุปอีกครั้ง พอมาอ่านแบบนี้ก็เข้าใจว่าทำไมถึงโดน/ไม่โดนละครับ  


อยากให้คนรุ่นใหม่ ศึกษารายละเอียด ความชัดเจน จากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ เป็นกลาง นะครับ

หาดูถึง สาเหตุ หลักการ เหตุผล ทำไมถึงเป็นแบบนี้ เพราะอะไรยังไง

อย่าไปฝั่งสื่อเลือกข้าง ไม่ว่าจะข้างไหนก็ตาม ฟังแล้ว ต้องมาหาข้อมูลเพิ่ม ว่าอะไรจริง ไม่จริงนะครับ
ไปหน้าที่ 1, 2, 3
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel