พื้นฐานปัจุบันคนไทยก็กึ่งเผด็การด้านความคิดอยู่แล้ว อยากได้ประชาธิไตยแท้ต้องเริ่มสอนเด็กเล็กหรือปรับการเรียนการสอนใหม่ ให้รู้จักประชาธิไตยแบบแท้จริงเช่นก็เคารพความเห็นต่างให้รู้จักสิทธิ์พลเมืองมากขึ้น อย่านึกถึงแต่สิทธิตัวเองจนเกินไปละเมิดสิทธิผู้อื่น

มันพูดยากน่ะครับ ประชาธิปไตยจริงๆก็ไม่ได้ดีไปซะหมดทุกอย่าง หรือเผด็จการมันก็เหมาะกับบางสถานการณ์ เช่น สงคราม หรือเหตุการณ์ที่โลกสุ่มเสี่ยงต่อการล่มสลาย ส่วนองค์ความรู้การปกครองของโลกเรามันก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ อนาคตอาจจะไม่ได้เป็นประชาธิปไตยแล้วก็ได้ อาจจะรูปแบบอื่น หรือแม้แต่ machine learning เรายังไม่รู้เลยว่าอนาคตจะมีบทบาทต่อการปกครองขนาดไหน เพราะงั้น 50 ปีมันพูดยาก ผมว่าปล่อยให้เป็นเรื่องของคนยุคนั้นดีกว่า เอาจริงๆ ถ้าจะเปลี่ยนการปกครอง ต่อให้เป็นเผด็จการ ยังไงมันก็ต้องการการสนับสนุนจากคนจำนวนมากอยู่ดีน่ะแหละ ตรงนี้มองว่าเป็นประชาธิปไตยได้มั้ย แต่ยังไงก็ถือว่าคนยุคนั้นเค้าเลือกแล้ว

เผ็ดกลางแบบศรัทธาตัวบุคคล ท่ากลางโซเชี่ยวเน็ตเวิคและเทคโนโลยีระดับ 50ปี ไม่มีอกีแล้วครับ ผมมั่นใจ
แต่ถ้าเผ็ดกลางแบบครอบงำสภาเจได อาจมีได้ครับ ไฮดร้าเจริญได้ทุกที่

แต่ยังมีคนไทยจำนวนมากที่ไม่มีจิตสำนึกต่อทั้งตัวเองและส่วนรวม จะทำอะไรก็ต้องบังคับหรือป้อนข้อมูลเข้าหัว เช่น เมาแล้วขับรถ ขับรถเร็ว โกงนั่นนี่ ต้องให้รัฐบังคับให้ทำ เช่น ตั้งด่าน พอบังคับใช้กฎหมายเคร่งครัดก็ว่าทำเกินกว่าเหตุ เลยเหมือนกับที่คุณ fathergods ว่าไว้ว่ายังมีคนไทยบางคนเหมาะกับการปกครองแบบเผด็จการ ถามว่าต่างประเทศมีแบบนี้มั้ย ตอบเลยว่ามี แต่น้อยกว่าเรามาก เพราะตัวประชาชนมีความรับผิดชอบ มีจิตสำนึกที่ดี ทำให้ทั้งระบบและตัวประชาชนเองขับเคลื่อนไปด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพ

ส่วนตัวคิดว่าถึงเปลี่ยนแปลงระบบแล้วยังต้องรออีก 20 ปีถึงจะสมบูรณ์ ต้องรอให้ประชากรที่มีคุณภาพมาเป็นประชากรส่วนใหญ่ในประเทศ

รัฐไทยยังดักดานกับ 2.0 ในขณะที่ม็อบใช้ AI หุ่นยนต์เป็นการ์ด พร้อมทั้งจัด Blockchain ในการจัดการกระจายข่าวสาร

เห็นด้วยครับ​ เผด็จการคือคนที่มีอำนาจครับ​ วันหน้าทหารไม่มีอำนาจ ราชาไม่มีอำนาจ​ แต่ใครสักคนที่ปกครองหลงในอำนาจเผด็จการก็กลับมาใหม่ได้​ ทุกวันนี้คนที่ได้รับสิทธิ์​เท่าเทียมคือคนชายขอบตามป่าเขาครับมีอิสระเสรีแบบไม่เบียดเบียนใคร

ใช่ ๆ ผมเข้าใจมุมนั้นด้วยความประชาธิปไตยปลอม ๆ ของไทยที่คนคิดภาพไว้สวยว่าควรได้เวลแฟร์ขั้นต่ำหรือเสรีภาพขั้นต่ำที่เหมือนประชาธิปไตย นั่นทำให้เราโกรธแค้น เมื่อถูกโกงการเลือกตั้ง กรองสื่อ เลือกปฏิบัติทางกฎหมาย

แต่ความคิดของผมที่หลาย ๆ ท่านมองว่าน่ารังเกียจ ผมกลับคิดว่ามันมองจากสิ่งที่ท่าน ๆ รู้สึกถูกคุกคามจากเผด็จการ จากคอมเม้นผม ในขณะที่มุมมองผมผมมองจาก best case ของแต่ละรูปแบบการปกครอง ถ้าประชาธิปไตยในอุดมคติประชาชนสามารถออกเสียงเพื่อแสดงความต้องการได้ เผด็จการในอุดมคติผู้นำก็ปกครองประเทศตามความต้องการของประชาชนได้ สิ่งที่ต้องแลกมันคือสิทธิเสรีภาพกับแนวทางการปกครองที่จะพาประเทศและคุณภาพขีวิตคนไปข้างหน้าได้มากที่สุด ทุกวันนี้พอพูดถึงเผด็จการคนยี้ก่อนเพราะสิ่งที่เรากำลังเจอกับคนพยายามเทียบกับเกาหลีเหนือ แต่ไม่ได้มองจีน รัสเซีย หรือเพื่อน ๆ ที่ร่ำรวยแถบตะวันออกกลาง

ตัวแปร 1 อย่างที่ยังอยู่ในสมการนั้นครับ
ตอนนี้ ตัวแปรนั้นไม่มีแล้ว

ในประวัติศาสตร์ เส้นทางประชาธิปไตย ไม่เคยชนะ ศักดินา แม้แต่ครั้งเดียวครับ
แม้กระทั่งตอนนี้ ก็โดนระบอบศักดินา +เผด็จการ ย้ำยี

อีก 50 ปี ระบบโหวตญัตติจะเปลี่ยนไปครับ ทุกคนมี ID โหวตได้ รัฐจัดสรรงบประมาณ
งบกรุงเทพ คนทั้งกรุงเทพโหวต
งบประเทศ คนทั้งประเทศโหวต ผ่านเครือข่ายสื่อสาร

จนกว่าคนจะเห็นข้อเสียของประชาธิปไตย หรือเกิดเหตุการณ์แบบที่ต้องการผู้นำเดี่ยวๆในการตัดสินใจอย่างสงครามอะไรประมาณนั้น เดาเอาล้วนๆ

ปชต มันเป็นระบบตัวแทนอ่ะ ยังไงก็ต้องถูกบีบให้เลือกคนเป็นตัวแทนไปโวตแทนอยู่แล้ว

มันขึ้นอยู่กับตำราเรียนล้วนๆเลย ถ้าการศึกษาประวัติศาสตร์ไทยเราไม่กลวงแบบตอนนี้ เผด็จการก็กลับมาไม่ได้

กลับมาแน่แต่มาในรูปแบบไหนอีกเรื่อง

ถูกครับ คำว่า”ไม่มีใครเหมาะกับเผด็จการ”นี่ออกจะสุดโต่งไปนะครับ ท่านจะเรียกความคิดนี้ว่าหัวก้าวหน้าก็ได้ว่าทุกคนต้องมีสิทธิเสรีภาพ แต่มันคืออุดมคติหรือมันเป็นความจริงสำหรับบุคคลบางกลุ่มเท่านั้นครับ แปลว่าคำว่า”ไม่มีใครเหมาะกับเผด็จการ”เป็นประโยคที่ขัดแย้งกับความเป็นจริงของสังคมไทยครับ เราชอบมองไปที่ฟินแลนด์ สวีเดน แคนาดา ประเทศประชาธิปไตยในอุดมคติแต่นั่นประชากรเค้าความหลากหลายน้อยพื้นฐานต่างกันไม่มากและจำนวนประชากรต่ำมากเมื่อเทียบกับเรา ผมไม่ได้บอกว่าผมไม่ต้องการประชาธิปไตย ผมต้องการอยู่แล้วเพราะผมเชื่อว่าผมมีคุณภาพที่จะตัดสินใจทางเลือกที่มีความถูกต้องมีศีลธรรมได้มากกว่าเลือกเพราะความพอใจเป็นที่ตั้ง แต่ถามกลับไปว่าส่วนใหญ่แล้วตัดสินใจได้แบบผมหรือไม่ คนส่วนใหญ่จะตัดสินใจจาก preference หรือ morality หรือ righteousness หรือที่แย่คือ grudge ล้วนแล้วแต่ส่งผลถึงความเหมาะสมของรูปแบบการปกครองทั้งนั้น ทั้งนี้ทั้งนั้นผมพูดในมุมประเทศที่อยากแก้ปัญหาในปัจจุบัน แต่หลาย ๆ ท่านกำลังมองจากตนเองได้รับผลกระทบอะไร หลาย ๆ ท่านกำลังมองแบบ collective individualism หรือ individual collectivism มันไม่มีถูกผิดในอุดมคติ ทุกอย่างถึงขึ้นอยู่กับ “คุณภาพประชากร”