เปิดอกคุย แบมฟอร์ด เด็กทุนฮาวาร์ด: บิเอลซ่า โค้ชบ้าจอมแท็คติกส์
แพทริค แบมฟอร์ด ดาวยิงหมายเลข 9 ของลีดส์ ยูไนเต็ด ให้สัมภาษณ์กับเจมี่ เร้ดแนปป์ถึงประเด็นต่าง ๆ อาทิความสัมพันธ์ของ มาร์เซโล่ บิเอลซ่ากับเหล่านักเตะ รวมทั้งความเข้มงวดในการฝึกซ้อมของกุนซือชาวอาร์เจนไตน์
เร้ดแนปป์ เริ่มต้นด้วยการถามว่า บิเอลซ่า เป็นคนที่มีความอบอุ่นกับนักเตะ เหมือนกุนซืออย่างเยอร์เก้น คล็อปป์ หรือเปล่า ซึ่งอดีตเด็กสร้างของเชลซี ตอบว่า: "ไม่ครับ
"เขาชอบที่จะรักษาความสัมพันธ์ไว้แบบมืออาชีพ เขาต้องการความเคารพจากนักเตะ
"อาจจะมีบางครั้งสำหรับนักฟุตบอลในการไปเคาะประตูห้องออฟฟิซของผู้จัดการทีมแล้วถามว่า: 'ทำไมผมถึงไม่ได้ลงเล่น?' กับบิเอลซ่าคือไม่มีใครทำแบบนั้น หากคุณไม่ได้ลงสนามคุณก็ต้องยอมรับ คุณไม่ถามเหตุผลว่าทำไม"
ในการเล่ารายละเอียดถึงชีวิตนักฟุตบอลภายใต้โค้ชที่มีฉายาว่า El Colo หรือแปลเป็นไทยว่า คนบ้า แบมฟอร์ดอธิบายว่า "ยูงทอง" ไม่มีขีดจำกัดในด้านการพัฒนาผลงาน
หลังห่างหายจากพรีเมียร์ ลีกไป 16 ปี พวกเขาพร้อมกับมาเขย่าลีกสูงสุดของฟุตบอลอังกฤษอีกครั้ง...
เร้ดแนปป์: ผมนึกภาพบิเอลซ่ามาสวมกอดกับนักเตะไม่ออก ช่วยสรุปนิสัยเจ้านายของคุณให้ผมฟังหน่อยได้ไหม?
แบมฟอร์ด: (ยิ้ม) เขาไม่ได้เป็นคนที่โดดเดี่ยวนะแต่เขาชอบรักษาความเป็นมืออาชีพ เขาจะไม่ไปสุงสิงกับนักเตะ เขารักษาทุกคนไว้ในระดับที่แขนเอื้อมถึงได้ หากเราชนะ เขาจะไม่พูดอะไร
เขาจะเข้ามาในห้องแต่งตัว กอดหรือตีมือกับทุกคนแล้วก็เดินออกไป ถ้าเราแพ้เขาก็จะเดินมาเดินไปในห้องแต่งตัว พูดเป็นภาษาสเปนแล้ว ดิเอโก้ (ฟลอเรส ผู้ช่วยของบิเอลซ่า) ก็จะแปลเป็นภาษาอังกฤษ เขาไม่เคยหัวฟัดหัวเหวี่ยงทันทีหลังจบเกม
เร้ดแนปป์: ผมเซอไพรส์นะเนี่ยที่เขาไม่ใช่สไตล์ไดร์เป่าผมหลังจบเกม อาร์แซน เวนเกอร์ก็ไม่ทำแบบนั้น - เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องของอารมณ์มากเกินไปและอาจสร้างความเสียหายได้ คุณจะนิยาม บิเอลซ่า ในการซ้อมยังไงดี?
แบมฟอร์ด: เขาทุ่มเทโคตร แบบ 100% คือมันถึงจุดที่ถ้าสตาฟวางกรวยไม่เป๊ะแบบเซนติเมตรก็โดนด่าเลยอ่ะ เขาต้องการให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ ความคิดในหัวของเขาน่ะครับ
มีเกมหนึ่งเขาพูดกับเราก่อนเตะ: 'เดี๋ยวมันจะเป็นแบบนี้ พวกเขาจะยิงใส่พวกเราแบบนี้ แต่เดี๋ยวเราจะยิงคืนแบบนี้'
สุดท้ายเราชนะ 2-1 และทุกอย่างก็เป็นไปตามที่เขาพูดเป๊ะเลย! ถ้าคุณมีเวลานั่งคุยกับเขาสักชั่วโมงคุณจะได้เรียนรู้หลาย ๆ อย่าง
เร้ดแนปป์: ผมชอบแนวทางการเล่นของคุณแต่สภาพความฟิตของคุณคือสิ่งที่ผมชื่นชมที่สุด วิ่งบีบทีมอื่น ๆ ในพรีเมียร์ ลีกซะน่วมเลย
แบมฟอร์ด: เขาเป็นเทรนเนอร์ที่ซ้อมโหดสุดเท่าที่ผมเคยเจอ ตอนพรีซีซั่นเขาสั่งให้นักเตะวิ่ง 1 กิโลเมตรให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งมาร์เซโล่จะมีเวลาที่เขากำหนดไว้ ถ้าวิ่งเกินเวลานั้นคุณก็จะไม่ได้ลงเล่น
แต่ถ้าวิ่งทันก็คือโอเคเลย ช่วงกลางฤดูกาลนะ ถ้ามีการแข่งขันในวันเสาร์ เราจะวิ่งในวันจันทร์ วันอังคารเป็นการซ้อมด้านเทคนิค แต่พอถึงวันพุธนี่ละ...
เร้ดแนปป์: วันพุธมีอะไรครับ?
แบมฟอร์ด: เราเรียกกันว่า 'บอลฆาตกรรม' (Murderball)
เร้ดนปป์: มันคืออะไรครับ?
แบมฟอร์ด: ก็เป็นการแข่งแบบ 11 ต่อ 11 ในสนามขนาดจริง นักเตะทุกคนจะมีกรวยของตัวเอง จังหวะที่บอลตายไม่ว่าคุณจะอยู่ตรงไหนคุณต้องรีบวิ่งหน้าตั้งกลับไปที่กรวยของคุณ แล้วบอลก็จะถูกส่งเข้ามาในสนามใหม่ เล่นกันอีกครั้ง
เราต้องสปริทน์เรื่อย ๆ เลย ผมได้ยินไคล์ วอล์คเกอร์ พูดว่าแนวทางการเล่นของเราเหมือนบาสเก็ตบอล 'บอลฆาตกรรม' นี่ละคือบาสเก็ตบอล มันคือการประกบตัวต่อตัว หากคนที่คุณตามประกบวิ่งไป คุณก็ต้องตามไปด้วย
เร้ดแนปป์: อันนี้เหมือนแผน 11 ต่อ 11 ที่พ่อผมเคยชอบเลย ถ้าอยู่คนละฝั่ง ผมสกัดคุณได้คนเดียวและคุณก็สกัดผมได้คนเดียว
คือแม่งโหดมาก นักเตะที่มีประสบการณ์ก็จะตกลงกัน: 'มึงไม่ต้องวิ่งนะ กูจะไม่วิ่งเหมือนกัน'
ถ้าไปจับคู่กับพวกดาวรุ่งที่พยายามสร้างความประทับใจนี่คือเกมเลย! มันดีต่อสภาพความฟิตมาก
แบมฟอร์ด: วิ่งไม่หยุดครับ พวกโค้ชไม่ได้ยืนอยู่แถวเส้นข้างสนามด้วยนะ มีอยู่ 5 คนยืนกันกลางสนามนี่ละ คุณต้องคอยหลบพวกเขาแล้วพวกเขาก็จะคอยดูทุกอย่าง ไม่มีการผ่อน แต่ว่ามาร์เซโล่ทำให้ระดับการเล่นของผมก้าวไปอีกขั้น
คือคนเราชอบมีคอมฟอร์ตโซนแล้วคิดในใจว่า 'แค่นี้โอเคแล้วละ' แค่นี้ก็ชิลแล้ว แต่เขาไม่เคยปล่อยให้คุณทำแบบนั้น เขาสอนผมเยอะมาก ผมคงไม่ได้ลงเล่นในพรีเมียร์ ลีกตอนนี้ถ้าไม่มีเขา
......................................................................
พื้นเพของแบมฟอร์ดแตกต่างจากนักฟุตบอลทั่วไป เขาได้รับการศึกษาที่น็อตติ้งแฮม เรียนไวโอลินถึงเกรด 7 และได้รับทุนแบบไม่มีข้อแม้จากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด
แต่เขาปฏิเสธโอกาสดังกล่าวเพื่อวิ่งตามฝันการเป็นนักเตะอาชีพ แบมฟอร์ดย้ายจากน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ไปอยู่กับเชลซีด้วยค่าตัว 1.5 ล้านปอนด์เมื่อปี 2012 แต่เขาไม่เคยได้ลงเล่นตัวจริงกับสิงห์บลูส์เลย
เขาโดนปล่อยยืมตัวทั้งหมด 6 ครั้ง - เอ็มเค ดอนส์, ดาร์บี้, มิดเดิลสโบรห์, คริสตัล พาเลซ, นอริช และสุดท้ายเป็นเบิร์นลี่ย์ในปี 2016
แบมฟอร์ดเผยว่ากุนซือหลายคนมองเขาว่าเป็นพวกคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด และจะไม่ทำงานหนักเพื่อพัฒนาตัวเอง
เร้ดแนปป์: คุณเป็นเด็กที่มีการศึกษาดีเลยนะ แต่เรื่องนี้กลายเป็นปัญหาของคุณใช่ไหม?
แบมฟอร์ด: โคตรใช่เลยครับ ที่แปลกคือผู้จัดการทีมต่างชาติคือคนที่ผมร่วมงานด้วยดีที่สุด อาจจะเป็นเพราะพวกเขาไม่รู้ หรือไม่เคยใส่ใจเกี่ยวกับพื้นเพของผมก็ได้ พวกเขาไม่แคร์เลย
ผู้จัดการทีมบางคนจะไม่เอาผมทันทีเลยนะ เพราะพวกเขาคิดเรื่องพื้นเพของผม ที่ผมคิดคือนักฟุตบอลไม่สามารถก้าวมาเป็นนักฟุตบอลได้หรอกถ้าไม่ทำงานหนัก
แต่ความจริงที่บางคนคิดว่าผมมีสิทธิพิเศษ เรื่องนี้กวนใจผมนะ ตอนนี้ผมไม่แคร์แล้วละ
เร้ดแนปป์: คุณเคยเป็นหนึ่งในนักเตะที่โดนเชลซีจำหน่ายยืมตัวทุกฤดูกาล ถ้าย้อนกลับไปได้จะยังเซ็นสัญญากับพวกเขาไหม? หรือจะอยู่กับฟอเรสต์และสู้เพื่อตำแหน่งต่อไป?
แบมฟอร์ด: ผมเคยคิดเรื่องนี้นะ กับฟอเรสต์เรามีสตีฟ ค็อตเตอร์อิลล์เป็นผู้จัดการทีม ทีมชุดใหญ่มีกองหน้าอยู่ 8 คน เขาเรียกผมเข้าออฟฟิซทุกวัน: 'เอ็งจะต่อสัญญาใหม่หรือเปล่า?'
ทุกอย่างที่ผมต้องการคือเส้นทางสู่ทีมชุดใหญ่ เขาให้คำมั่นตลอด: 'เอ็งได้เล่นแน่ เรากำลังพยายามขายพวกเขา (กองหน้าคนอื่น ๆ)'
สุดท้ายเขาบอกผมว่าจะส่งผมไปเล่นแบบยืมตัวกับแมนส์ฟิลด์ ผมคิดในใจ 'เฮ้ย ไม่แย่นะ จะได้หาประสบการณ์สักหน่อย'
แต่จากนั้นเชลซีติดต่อเข้ามา พวกเขาบอกว่าผมจะลดระดับไปเล่นให้แมนส์ฟิลด์ ถ้าผลงานไม่ดีคือมีปัญหาเลยนะ เพราะจะมีคนบอกว่า 'กับแมนส์ฟิลด์มึงยังแจ้งเกิดไม่ได้เลย จะทำแบบนั้นกับฟอเรสต์ได้ยังไง?'
แต่เชลซีอยู่จุดสูงสุด การลดระดับลงมาเล่นมันง่ายกว่ามาก ผมรู้สึกว่าผมตัดสินใจถูกต้องแล้วนะ ผมคงไม่เปลี่ยนการตัดสินใจครับ
เร้ดแนปป์: คุณไปคุยกับโจเซ่ มูรินโญ่ในปี 2014 เพื่อหารือเรื่องการเป็นกองหน้าเบอร์ 3 ของเชลซี แต่จากนั้นดิเอโก้ คอสต้าย้ายเข้ามา ดิดิเย่ร์ ดร็อกบากลับมา ราดาเมล ฟัลเกาถูกดึงร่วมทีมในซัมเมอร์ถัดมา คุณถูกส่งไปเล่นแบบยืมตัวเรื่อย ๆ มีจังหวะไหนไหมที่ทำให้คุณคิดว่า พอคือพอ คุณต้องเป็นกองหน้าเบอร์ 9 ให้ทีมไหนสักทีม?
แบมฟอร์ด: เบิร์นลี่ย์ครับ หลังจากประสบการณ์นั้นผมคิดเลยว่า 'ผมอยากย้ายแบบถาวรไปที่ไหนสักแห่ง' ผมไม่อยากต้องย้ายออกจากที่พักทุก ๆ 6 เดือน ผมอยากลงหลักปักฐาน
ผมอยากลองลุยดูจริง ๆ สักครั้ง ผมก็เลยเลือกมิดเดิลสโบรห์ซึ่งผมเคยย้ายไปเล่นแบบยืมตัวมาก่อน
มันไม่ได้ผลทันทีหรอก ตอนนั้นเราต้องต่อสู้หนีตกชั้นจากพรีเมียร์ ลีกแต่มันช่วยผมได้นะ กลับไปอยู่กับมิดเดิลสโบรห์ทำให้ผมมีโอกาสได้ย้ายมาอยู่กับลีดส์ในที่สุด เพราะผมได้ลงสนามสม่ำเสมอ แสดงให้เห็นว่าผมสามารถทำอะไรได้
แก้ไขล่าสุดโดย น้า เมื่อ Sat Oct 17, 2020 14:12, ทั้งหมด 2 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ