ทำไมเชลซีถึงเสริมแต่เกมรุก ?

ฤดูกาลที่ผ่านมาอาจทำให้หลายคนรู้สึกภูมิใจกับผลลัพธ์สุดท้ายของทีม แม้จะเป็นเพียงการเริ่มต้นชีวิตผู้จัดการทีมมือใหม่หน้าเก่าของตำนานของสโมสรอย่างแฟรงค์ แลมพาร์ดก็ตาม

แต่ก็น่าจะมีอยู่ไม่น้อยที่หงุดหงิดกับวิธีการเล่นบางจุดหรือรายละเอียดต่างๆในสนามโดยเฉพาะในส่วนของการเล่นเกมรับที่ดูจะแสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอของทีมได้อย่างเด่นชัดที่สุดซึ่งเมื่อมาพิจารณากับกระแสข่าวของทีมตอนนี้รวมถึงการที่ทีมนำเข้านักเตะอย่างเป็นทางการไปแล้วไม่ว่าจะเป็น T.Werner หรือ H.Ziyech หลายคนก็คงยังตอบคำถามในหัวของตัวเองไม่ได้ว่า ทำไมเสริมแต่ตัวรุกวะ? วันนี้ผมจะนำข้อมูลต่างๆมาเสนอเพื่ออธิบายถึงการที่เชลซีดูจะจริงจังกับการพัฒนาต่อยอดเกมรุกในตลาดซื้อขายนักเตะรอบนี้เหลือเกิน



ในเบื้องต้นผมอาจจะสรุปให้เห็นถึงเหตุผลที่เชลซีดูจะจริงจังกับการเพิ่มมิติเกมรุกให้กับทีมไว้ได้ในประโยคเดียวเลยว่า “เกมรุกของเชลซีก็มีปัญหาไม่น้อยไปกว่าเกมรับเลย”

เชลซีจบฤดูกาลด้วยการทำไป 69 ประตู เป็นอันดับ 3 ของลีกเป็นรองแค่ลิเวอร์พูล (85ประตู),และแมนเชสเตอร์ซิตี้ (102ประตู) โดยตลอดฤดูกาลที่ผ่านมาเชลซีสร้างโอกาสที่ควรจะเป็นประตู (xG) ได้ถึง 66.6 ครั้ง เป็นรองแค่ลิเวอร์พูล (70.2ครั้ง),และแมนเชสเตอร์ซิตี้ (93ครั้ง) เช่นเดียวกัน

อาจจะพูดได้คร่าวๆว่าเชลซีสร้างโอกาสจะแจ้งตลอดฤดูกาลได้มากครั้งเป็นรองแค่ลิเวอร์พูลทีมแชมป์และแมนฯซิตี้ทีมรองแชมป์เท่านั้น โดยที่เชลซีทำประตูได้จริงมากกว่าที่ควรจะทำได้ถึง 2.4 ลูก มองดูแบบผิวเผินอาจจะดูว่าไม่มีปัญหาอะไร

แต่ถ้าเราลองนำตัวเลขสถิติมาวิเคราะห์ดูแล้วจะเห็นว่าในขณะที่เชลซีทำได้เท่านี้

- ลิเวอร์พูลทำประตูได้จริงมากกว่าที่ควรจะทำได้ถึง 12.8 ลูก (ไม่นับ Own Goals)

- ซิตี้ฯทำประตูได้จริงมากกว่าที่ควรจะทำได้ถึง 7 ลูก (ไม่นับ Own Goals)

- หรือแม้กระทั่งยูไนเต็ดฯที่มีคะแนนเท่ากันแต่จบอันดับสูงกว่าก็ทำประตูได้จริงมากกว่าที่ควรจะทำได้ถึง 5.3 ลูก (ไม่นับ Own Goals)

นอกจากตัวเลขเหล่านี้จะแสดงให้เห็นถึงความห่างชั้นในเรื่องการจบสกอร์ของเชลซีเมื่อเทียบกับทีมหัวตารางทีมอื่นๆแล้ว ตัวเลขนี้ยังแสดงให้เห็นถึงคุณภาพของการจบสกอร์ที่เชลซีจะต้องพัฒนาเพื่อให้ขยับอันดับในตารางคะแนนไปเทียบเท่าหรืออย่างน้อยก็ใกล้เคียงกับทีมเหล่านี้ด้วย



ผมยังมีตัวเลขอีกชุดนึงที่จะมาแสดงให้เห็นถึงปัญหาการจบสกอร์ของทีมด้วย คือการที่เชลซีในฤดูกาลที่ผ่านมามีโอกาสยิงถึง 619 ครั้ง โดยมีเพียงซิตี้เพียงทีมเดียวเท่านั้นที่มีโอกาสยิงมากกว่า คือ 730 ครั้ง แต่ใน 619 ครั้งนั้นเชลซีกลับยิงตรงกรอบไปแค่ 210 ครั้งเท่านั้น คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ที่การยิง 1 ครั้งจะเป็นการยิงตรงกรอบคือ 33.9% เป็นสถิติที่เป็นอันดับ 8 ของลีก

นอกจากนี้เชลซียังมีสถิติ G/Sh (สถิติที่บอกว่าการยิง 1 ครั้งจะมีโอกาสเป็นประตูกี่เปอร์เซ็นต์) อยู่ที่ 10% โดยเป็นสถิติที่เป็นอับดับที่ 4 ร่วมของลีก



จากชุดตัวเลขทั้งหลายที่ยกมาให้พิจารณาข้างต้นน่าจะพอให้คำจำกัดความเกมรุกของเชลซีได้ว่าเป็นทีมที่ “สร้างโอกาสพอใช้ได้แต่การจบสกอร์สะเปะสะปะ” ซึ่งการแก้ปัญหานี้อาจจะทำได้โดยหลายวิธี แต่ 2 วิธีในหลายวิธีนั้นอาจจะเป็น
1.เพิ่มนักเตะที่มีความสามารถในการจบสกอร์ได้อย่างแม่นยำ
2.เพิ่มนักเตะที่มีความสามารถพิเศษโดยเฉพาะในการสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อนร่วมทีมเพื่อเพิ่มโอกาสที่ความสะเปะสะปะนั้นจะเปลี่ยนเป็นสกอร์ได้มากขึ้น

นี่อาจจะเป็นที่มาและเหตุผลของการนำเข้าซึ่ง Timo Werner และ Hakim Ziyech

เพราะ Ziyech มีชื่อเสียงเป็นพิเศษอย่างมากในเรื่องการสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อนร่วมทีมที่ Ajax โดยเฉพาะใน 2-3 ปีหลังมานี้

ส่วน Timo นั้นย้ายมาเชลซีพร้อมกับพกเอาตำแหน่งรองดาวซัลโวของ Bundesliga มาด้วยพร้อมกับสถิติการยิงตรงกรอบเป็นเปอร์เซ็นต์ที่ 50.4% และโอกาสการเป็นประตูต่อการยิง 1 ครั้งเป็นเปอร์เซ็นต์อยู่ที่ 21%



ท้ายที่สุดแล้ว Ziyech หรือ Werner จะประสบความสำเร็จกับเชลซีมั้ย คงจะเป็นเรื่องที่จะพูดได้ยากในตอนนี้เพราะในลีกขึ้นชื่อได้ว่าโหดที่สุดในโลกนี้มีหลายปัจจัยนักที่จะทำให้นักเตะคนหนึ่งๆทำผลงานได้ตามที่แฟนบอลคาดหวังไว้ เราในฐานะแฟนบอลก็คงจะต้องทำสิ่งที่ดีที่สุดที่แฟนบอลมีหน้าที่ที่จะทำคือจะต้องใจเย็นและเอาใจช่วย

ดูบอลให้สนุกและรักษาสุขภาพด้วยนะครับ :)

เพราะว่าจะปิดตลาดด้วย คูลิบารี่

ตอนนี้ซื้อตัวรุก ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ซื้อตัวรับอีก....

ซื้อตัวรุกเอามาเล่นหลัง ที่จะได้กองหลังที่เล่นเกมส์รุก

ผมว่าประตูละที่จะไม่ได้ นอกนั้นได้หมด ไค ไรซ์

ก็ผลัดใบไง คลังก็พร้อมระเบิด

รับก็เสริมนะ รอก่อนปิดตลาดอ่ะ ก่อนตลาดปิด 3 ดีลก็เคยทำมาแล้ว

นักเตะเป้าหมายหลักราคาแพงมาก

เลยต้องรอดู เป้าหมายรอง

ซึ่งส่วนใหญ่ อยู่ในทีมที่ กำลังแข่งบอลยุโรปกันอยู่

เลยต้องรอให้จบก่อน

ส่วนเป้าหมายอันดับสุดท้าย ค่อยบิดเมื่อวืดทั้ง 2 อันดับแรก

ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ ในช่วงนี้ด้วยนะครับ

ส่วนตัวสำหรับผมควรระเบิดงบกองหลังก่อน ในมุมมองของผม เกมรุกอาจจะไม่สุดแบบที่ เจ้ากระทู้ว่า แต่เกมรับคือห่วยแตกทุกคน คือ สำหรับผมทุกคนไม่ดีพอจะเล่นในทีมที่จะลุ้นแชมป์เลยด้วยซ้ำ

อย่าง กวยต้า อลอนโซ่ เลยจุคพีคของอาชีพมาแล้ว นั้นคือยุคของคอนเต้ กวยต้า สำหรับผมสมควรจะเป็นอะไหล่ได้แล้ว อลอนโซ่คือมีดีที่ยิงประตู แต่สิ่งจำเป็นที่สุดของแบค อย่างความเร็วคือไม่มีเลย

แล้ว คริส ซูม่า รูดิเกอร์ พวกนี้ฝากความหวังอะไรไม่ได้เลย ไม่มีใครที่เหมาะจะเป็นตัวยืนเลย

ไม่ว่าจะเอาใครมาจับคู่ใครก็เอาแน่เอานอนไม่ได้ทั้งนั้น

เพราะจะเล่นบอลเกมรุกเต็มสูบ
อย่างบาร์ซ่ายุคเป๊บ ถอยเอามาสเชราโน่มาเล่น cb เพื่อให้ขึ้นเกมได้ดี เลยเดาว่าที่อยากได้ Rice เพราะจะเอามาเล่นสไตล์นี้ด้วยแน่ ละสลับเป็น dmc ได้ด้วย
ยิงเยอะก็ดี ปัญหาคือประตูกากเกิ๊น ตรงเป็นตุง 50%

เสียตัวรุกไปเยอะ ไม่เสริมจะพอหรอ

แต่กองหลังชุดนี้ ทำให้ทีมจบ top4 ได้ก็แจ่มเหมือนกันนะครับ

ผมว่าแทคติกแลมพาร์ดมีPotentialในการบุกมากกว่าปัจจุบันนี้ แต่ด้วยนักเตะแนวรุกที่คลาสไม่ถึง การเล่นเกมรุกถึงยังไม่สุด ผมว่าอัจฉริยะอย่างแลมพ์วาดภาพในหัวไว้หมดแล้วละว่าอยากให้ทีมเล่นเกมรุกยังไง แต่แค่ตอนนี้วัตถุดิบมันยังไม่พร้อม บางทีที่แลมพ์เสริมแต่ตัวรุกอาจจะเพราะแลมพ์รู้วิธีแก้ไขกองหลังอยู่แล้วก็ได้ ดูเกมบุกเชลซีฤดูกาลนี้หลายครั้งไปตันที่แบ็คแล้วก็โยนเข้ามา บางเกมทำให้เกมบุกมีแค่มิติเดียว แต่พอพูลิซิสมาท็อปฟอร์มเกมรุกเราก็ดูจะมีมิติมากขึ้น เราต้องการนักเตะแนวรุกแบบพูลิซิสเพิ่มเข้า แลมพ์ถึงเสริมแต่แนวรุก ส่วนแนวรับผมไม่พูดถึงละกันส่วนตัวก็คิดว่าต้องเปลียนตัวเทพๆ1ตัว

เสริมไปเถอะตัวรุก ขายตัวรุกไปกี่ตัวแล้ว อาซาร์ โมราต้า ปล่อยอีก2 วิลเลี่ยน เปรโด เข้ามา แวเนอร์ พูลิซิส ซีเยค ขาดไป1คนแหนะจะซื้อตัวรุกอีกตัว(ไค)ไม่แปลกเลย โอดอยไม่ต้องนับหรอกกระดูกยังไม่ถึง

รอแบบปาปี้ บาบ้า มิอัสก้า แล้วก็เซ็นเตอร์เรดดิ้ง