ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
นักเตะอบจ.
Status: Please Wait..
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 31 Jan 2008
ตอบ: 2250
ที่อยู่: LEO STADIUM
โพสเมื่อ: Wed Aug 12, 2020 00:15
มธ.แถลงเสียใจ-ขอโทษกรณีเวที 10 ส.ค.
Silence พิมพ์ว่า:
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
Silence พิมพ์ว่า:
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
Silence พิมพ์ว่า:
Spoil
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
Silence พิมพ์ว่า:
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
Silence พิมพ์ว่า:
Spoil
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
ถ้าใครคิดว่าการที่ มธ. ออกมามันไม่ถูกใจ

ทำไมไม่ลองโพสสิ่งที่ตัวเองต้องการตรงๆ ในเฟส

เปิดสาธารณะให้คนเข้ามาคุยเรื่องนั้น

ลองทำในพื้นที่ตัวเองก็จะรู้เอง


ฝ่ายบริหาร มธ. เค้าก็คนปกติทั่วไป

ยัวต้องกินต้องใช้ ยังมีครอบครัวให้เลี้ยง

แต่ต้องเป็นคนรับหน้าเพราะเป็นเจ้าของสถานที่

กับคนชุมนุมที่หลายคนปิดหน้าไม่ต้องรับผลกระทบอะไร

ชุมนุมจบกลับบ้านนอนสบายใจ ในขณะที่อีกคนแทบเท้าก่ายหน้าฝาก


ผมว่าการชุมนุมแบบใช้สถานที่แบบมหาลัยพวกนี้

ถ้าทำได้ก็อย่าไปยุ่งเรื่องที่ตอนนี้มันยังผิดกฎหมายเลย

ถ้าอยากยุ่งไปพวกอนุเสาวรีย์อะไรพวกนี้ดีกว่า











 


มาอีกละตรรกกะเอาไปโพสหน้าเฟส โคตรน่ารำคาญ ตัวเองขี้ขลาดอย่าคิดว่าคนอื่นเขาจะขี้ขลาดเหมือนกัน

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นของผู้บริหารหรอ?
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ตั้งขึ้นมาเพื่ออะไร?
ใครเป็นคนตั้ง? ตั้งเพื่ออะไร?
อาจารย์ปรีดี อาจารย์ป๋วย รู้จักไหม?
จิตวิญญาณธรรมศาสตร์คืออะไร?
รายได้หลักของมหาวิทยาลัยได้จากใคร?
ชื่อก่อนเปลี่ยนเป็นมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชื่ออะไร?

ตอบ  


ก็เชิญไปโพสเลยสิ โพสเต็มๆ เลยอย่ากั้กไว้

มธ. อาจไม่ใช่ของผู้บริหาร

แต่สิ่งที่พวกคุณทำมันเสี่ยงต่อหน้าที่การงานเค้า

อยากทำอะไรทำเลยสิทธิ์พวกคุณ

แต่มันต้องไม่กระทบกับคนอื่น

ไม่ต้องมาถามหรอกประวัติพวกนั้น

ถามตัวคุณเองดีกว่า

ว่าสิ่งที่ทำมันทำให้คนอื่นเดือดร้อนมั้ย

ผมไม่ได้ห้ามให้คุณทำ แต่ถ้าอยากทำมันต้องไม่มี

คนที่มันไม่รู้เรื่องมาเดือดร้อนด้วย

เรื่องง่ายๆ แค่นี้ยังแยกแยะไม่ได้ยังกว่ามาว่าตรรกะคนอื่น

จักวาลหมุนรอบตัวเองสินะคนแบบคุณ  


โพสอยู่แล้วครับ แสดงออกทุกที่นั้นแหละ ปากไม่ได้โดนเย็บติดไว้

แล้วที่บอกกระทบกับคนอื่นนี้กระทบกับใครครับ
กับผู้บริหาร?
กระทบยังไง?
ผู้บริหารจะโดนคุกคาม?
ผู้บริหารจะโดนไล่ออก?
ด้วยอำนาจอะไรครับ?
อำนาจนอกเหนือกฏหมายใช่หรือไม่?

ถ้างั้นใครกันแน่ที่ละเมิดสิทธิ์คนอื่นจนเคยตัว
ใครกันที่คุกคามสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของคนอื่น

ตอบได้ไหมครับ

แล้วอย่าเลี่ยงคำถามครับ ตอบไม่ได้ก็บอก ไม่รู้ก็บอก จะได้ตอบให้ ไม่ต้องแถไปเรื่องอื่น ทำตัวเป็นผู้นำเหล่าทัพไปได้  

 

ผมพูดกับคนที่ห้าวๆเรื่องที่อยากให้ปรับเปลี่ยนเกี่ยวกับกษัตริย์ตลอดนะ ว่าช่วยเปิดหน้าลุยเลยครับ

ลองล่าลายชื่อให้ตัวเองเป็นแกนนำ ส่งเลขบัตรประชาชนตัวเองเพื่อขอแก้กฏหมายเลยครับ อันนี้คือทำตามระบบ และไม่เดือดร้อนใคร

ไม่เอาแบบล่ารายชื่อทางทวิตเตอร์หรือ Change.org ที่ไม่เกิดผลอะไรนะครับ

เอาแบบล่ารายชื่อ 50,000 รายชื่อแก้กฏหมายเลยครับ เอาตัวเองเป็นแกนนำเลย แล้วจะถูกอุ้มหายทั้งบ้านรึเปล่าก็ไม่รู้นะ แต่ถ้าผู้บริหาร มธ หรือเจ้าของเว็บปล่อยไป แล้วเค้าไม่อยากเสี่ยง เค้าเลยต้องทำแบบนี้ ก็อยากให้เจ้าใจเค้ามากกว่า

ถ้าตัวเองอยากเสี่ยง เปิดหน้าแลก เป็นแกนนำล่ารายชื่อขอเปลี่ยนกฏหมายเลยครับ เปิดหน้าเลย

แต่ถ้าิดว่าตัวเองยังกลัวโดนอุ้มอยู่ ก็ให้เข้าใจคนที่กลัวด้วยครับ การเปิดหน้าแลกกับคนที่มีอำนาจสูงสุดในประเทศ ต้องอาศัยความกล้าอย่างมาก อยากรู้เหมือนกันว่าคุณจะกล้าทำมั้ย  


ผมก็พูดกับคนที่เหยียบเรือสองแคมแบบคุณตลอดว่า ถ้างั้นก็รับคำวิจารณ์ให้ได้ว่า สู้ไปกราบไป

แล้วไอ้นิสัยท้าทายคนอื่นไปเสี่ยงอันตรายเนี่ย เลิกซะ มันสะท้อนตรรกะที่ยอมรับความอยุติธรรมในสังคม

แล้วก็บอกไว้ก่อนว่าที่ผมเดือดตอนนี้ไม่ใช่เพราะแถลงการณ์ของ มธ. ไปดูกระทู้อื่น ผมก็ปกป้องอาจารย์ปริญญา ไม่ใช่ว่าผมไม่เข้าใจ

แต่ที่เดือดเพราะมันมีไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้ มาคอมเม้นให้นักศึกษาออกไปชุมนุมข้างนอกมหาวิทยาลัย

ที่บอกว่าผู้บริหารต้องรับผิดชอบแทนนักศึกษาคือยังไง? แบบไหน?
ข้อกฏหมายมันมีอยู่ แล้วสิ่งที่ปราศรัยมันผิดกฏหมายอาญาข้อไหน?
แล้วผู้บริหารก็ออกมาชี้แจงแล้วว่าผู้ชุมนุมต้องรับผิดชอบเนื้อหาการปราศรัยที่นอกเหนือขอบเขตกฏหมายเอาเอง แล้วผู้บริหารจะเดือดร้อนไปด้วยได้ยังไง?  


เห็นโพสว่าตัวเองกล้าอย่างนู้นกล้าอย่างงี้ ก็เสนอแนวทางคนกล้าที่แท้จริงให้ สุดท้ายก็รักตัวกลัวตาย

ถ้าทำแบบนี้ไอ้ที่ด่าผู้บริหาร มธ ก็ถมน้ำลายใส่หน้าตัวเองนี่หว่า

ถ้าท่านชุมนุมในมหาลัยแล้วผู้บริหารมหาลัยไม่เดือดร้อน ก็ไม่มีแถลงการณ์ฉบับนี้ออกมาหรอก

ท่านทำแบบนี้คือท่านกำลังซุกข้างหลังผู้บริหารมหาลัยที่ท่านด่าว่าขี้ขลาดอยู่

ส่วนคุณคนกล้าบนคีย์บอร์ด ก็หลบอยู่หลังผู้บริหารที่คุณด่าว่าขี้ขลาดนั่นแหละ

สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นยังชี้หน้าด่าเค้าขี้ขลาดอีกเนอะ คุณคนกล้า  


ผมถามไปตั้งเยอะว่าสรุปว่า ผู้บริหาร มธ. เดือดร้อนยังไง เห็นมีแต่คำตอบเลี่ยงว่าถ้าไม่เดือดร้อนก็ไม่มีแถลงการณ์ แล้วสรุปเดือดร้อนยังไง

แล้วที่บอกว่าหลบหลังผู้บริหารอะ ถ้าเกิดการปราศรัยผิดกฏหมายจริง ใครจะโดนหมายเรียกหรือหมายจับระหว่าง

1. ผู้ปราศรัย
2. ผู้บริหาร

ผมถามไปกี่รอบแล้ว มีใครตอบคำถามตรงๆ ได้มั้งยัง เห็นมีแต่เลี่ยงแถไปประเด็นนู้นประเด็นนี้

ตอนแรกผมขี้เกียจอธิบายนะ เพราะมันนอกประเด็นผม แต่การจะ "แก้ไข" รัฐธรรมนูญ มันไม่ได้เริ่มจากการล่ารายชื่อประชาชน การล่ารายชื่อประชาชนทำในการเสนอ "ข้อกฏหมายเพิ่มเติม" ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฏหมาย

ถ้าจะ "แก้ไข" รัฐธรรมนูญ ต้องกระทำผ่านสภา โดยเสนอญัตตเข้าชื่อ สส. จำนวนหนึ่ง (จำจำนวนไม่ได้) และมาตราที่จะแก้ไขต้องไม่เกี่ยวกับระบอบการปกครองและอำนาจของพระมหากษัตริย์

เพราะฉะนั้นไอ้ข้อเสนอที่คุณเสนอมามันไม่ได้ถูกต้องตามอำนาจรัฐธรรมนูญ ซึ่งจริงๆ ก็น่าจะเข้าใจเพราะว่าถ้าแค่ล่ารายชื่อ 50,000 ชื่อ แล้วมาเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติของคน 60 ล้านคนมันสมเหตุสมผลไหม

เพราะงั้นมันถึงต้องทำผ่านกระบวนการทางรัฐสภา ที่เป็นตัวแทนเสียงของคนทั้งประเทศ แต่มันมี สส. หน้าไหนกล้าเสนอไหม

ดังนั้นสิ่งที่อาจารย์ปวิน และ สสจ. พยายามเรียกร้องให้ทำมาตลอดคือการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์อย่างตรงไปตรงมาด้วยความเคารพ บนพื้นที่สาธารณะ เพื่อที่จะเริ่มต้นจากภาคประชาชน

ถามว่าผมกล้าขนาดให้ใส่เสื้อ "เราหมดศรัทธาในสถาบันฯ" แบบพี่คนนั้นไหม ผมไม่กล้า แต่ผมก็ไม่ได้เรียกร้องสิ่งนั้นจากคนอื่น สิ่งที่ผมเรียกร้องไม่ต่างจากที่ปวินและ สสจ. เสนอ คือเราต้องกล้าที่จะยืนยันว่าประชาชนมีสิทธิ์ที่จะวิพากษ์วิจารณ์สถาบันอย่างเคารพได้ ซึ่งผมยืนยัน นอนยัน อยู่ตลอด ผมวิพากษ์วิจารณ์อย่างตรงไปตรงมาเหมือนที่ทำอยู่ตอนนี้ ไปดูประวัติการตอบ ผมแทบไม่เคยเล่นมุขสองแง่สองง่าม ผมวิจารณ์โดยสุจริต แม้จะเลี่ยงการเอ่ยถึงตรงเพื่อเพราะเกรงใจ WM ซึ่งไม่ต่างอะไรกับที่ผมทำในพื้นที่สาธารณะทั้งในโซเชียลมิเดียและชีวิตจริง สิ่งที่ผมพูดไม่ได้ต่างอะไรมากกับสิ่งที่ อาจารย์ธงชัยพูด อาจารย์ศิวลักษณ์พูด อาจารย์นิธิพูด ซึ่งทุกคนก็พูดตามปกติในสังคมไทย

ซึ่งตอนนี้มันเกิดขึ้นแล้วด้วยความกล้าหาญของเด็กรุ่นนี้ อยู่ที่ว่า สส. จะรับลูกไปในสภาต่อหรือไม่

ผมยกที่ผม edit มาอีกรอบ เผื่อคุณไม่เห็น
จากมุมมองผม อธิการบดี มธ. ไม่เห็นจะเดือดร้อนจนถึงขนาดห้ามนักศึกษาจัดกิจกรรมต่อ แต่ทำไมพวกคุณดูเดือดร้อนยิ่งกว่าตัวอธิการบดีเองอีก

คล้ายกับปัญหาของกฏหมาย 112 คนที่โดนที่วิพากษ์วิจารณ์กลับไม่ใช่คนที่ใช้กฏหมายนี้ แต่คนที่ใช้กฏหมายนี้กลับเป็นคนที่ไม่ได้ถูกวิจารณ์ ทำไมคนที่เป็นเดือนเป็นร้อนจากการวิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ใช่พระมหากษัตริย์ แต่กลับเป็นคนที่พยายามโหนสถาบันลงมาโจมตีผู้คิดต่างทางการเมือง

พวกคุณเป็นห่วง อธิการบดี มธ. จริงๆ หรือแค่กำลังพยายามโหนอธิการบดี มธ. มาเพื่อสร้างความชอบธรรมในการปิดปากนักศึกษาไม่ให้พูดถึงเรื่องสถาบันฯ โดยตรง

อยากจะอธิบายในประเด็นนี้ไหม?  
 


เดี๋ยวปล่อยไว้ซักพัก มีข่าวอธิการโดนย้ายด้วยเหตุผลอื่นๆ

ท่านก็น่าจะรุ้ว่าเค้าคุมราชการด้วยวิธีการนี้อยู่ ซึ่งข้าราชการก็กลืนไม่เข้า คายไม่ออกกับเรื่องนี้

สังคมเรามันไม่ได้ยุติธรรมแบบที่พวกเราก็รู้ๆกันอยู่

แค่โดนย้ายก็เดือดร้อนแล้ว ไม่ต้องยกเรื่องหมายจับอะไรหรอก

จำที่อาจารย์ป๋วยได้มั้ยครับ โดนด่ามันจากทั้ง 2 ฝั่ง ทั้งหาว่าหนุนนักศึกษา หาว่าขัดขวางนักศึกษา

ผมเขียนไว้ชัดเจนนะ ว่าผู้บริหารมหาลัยมีแต่จะลำบากใจเพราะยังไงก็เอาใจทั้ง 2 ฝ่ายไม่ได้อยู่แล้ว และยังไงก็โดนบีบจากทั้ง 2 ทาง

ผมไม่ได้สนใจเรื่องการปิดปากนักศึกษาหรอก ผมรู้อยู่แล้วว่ามันปิดปากไม่ได้ ถ้าคิดว่าปิดปากได้ เข้าทวิตเตอร์ 20 นาทีก็รู้เรื่องหมดแล้ว แค่นักศึกษาบรรลุนิติภาวะแล้ว ก็น่าจะแยกแยะได้ว่าอะไรทำให้คนอื่นเดือดร้อน ซึ่งเป็นเรื่องพื้นฐานของเสรีภาพ  


ผมถึงบอกไงครับว่าไม่ใช่ว่าผมไม่เข้าใจ แต่ถ้าเลือกที่จะอยู่เป็นแล้วก็ต้องยอมรับคำวิจารณ์ให้ได้ ท่านด่าผมขี้ขลาด ผมเถียงสักคำไหมว่าผมกล้าหาญชาญชัย แต่ผมมีจุดยืน ผมมีเส้นว่าผมถอยได้แค่ไหน แค่ไหนผมจะไม่ยอมถอยอีก ผมยืนยันว่าการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันอย่างสุจริตและเคารพ ไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง เป็นสิ่งที่ควรกระทำได้อย่างเปิดเผยในที่สาธารณะ และที่ผมกล้ายืนยันเพราะผมก็ทำสิ่งนั้นเช่นกัน

ผมเคยตอบกระทู้หนึ่งไปแล้วว่า ผมมีคนรู้จักเป็นข้าราชการอยู่แทบทุกกระทรวง (โดยเฉพาะทหาร) ผมเข้าใจดีถึงความกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก แต่ถึงจุดหนึ่งคุณต้องกล้าที่จะออกมายืนข้างประชาชน เพราะข้าราขการคือข้ารับใช้ประชาชน ไม่ใช่เผด็จการหรือสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เงินเดือนข้าราชการมาจากประชาชน นั้นคือคุณธรรมที่ควรรักษา นั้นคือจริยธรรมทางอาชีพของข้าราชการ

อาจารย์ป๋วยปฏิเสธรับปฏิเสธรับดุษฎีบัณฑิต จาก มธ. เพราะสังคมไทยยังไม่มีความกระจ่างในเหตุการณ์ 6 ตุลาและถูกครอบงำโดยเผด็จการ ณ ขณะนั้น เพราะฉะนั้นสำหรับอาจารย์ป๋วยการโดดวิจารณ์ต่างๆ นาๆ ไม่ได้กวนใจท่านเท่ากับการเห็นเผด็จการครองบ้านครองเมือง (อ่านได้ในจดหมายของอาจารย์จอนถึงอาจารย์ธงชัย)

ถ้าอาจารย์ปริญญาและอาจารย์เกศสินีมีจิตวิญญาณและอุดมการณ์ได้สักครึ่งของอาจารย์ป๋วย (ซึ่งผมไม่เคยสงสัยในตัวอาจารย์ทั้ง 2 เลย) ท่านคงยินดีที่จะโดยไล่ออกหรือลาออกเองมากกว่าที่จะเห็นนักศึกษาของตัวเองโดยล้อมปราบหรือก้มหัวให้เผด็จการ

บ้านเมืองเราจะมีขื่อมีแปรได้ ไม่ใช่ด้วยการเชิดชูคนที่มีจริยธรรมและอุดมการณ์ ยอมหักแต่ไม่ยอมงอ และไม่ปล่อยให้คนคดโกง เห็นแก่ตัวได้ตั้งตัวเป็นใหญ่ ไม่ใช่หรือครับ?  


ใช่ครับ ผมไม่ได้เถียงเลยนะว่าเรื่องไหนมันควรจะเป็นหรือไม่ควรจะเป็น

แต่อธิการบดี ก็มีสิทธิ์ที่จะขี้ขลาด มีสิทธิ์ที่จะรักษาตำแหน่งหน้าที่การงานของตัวเอง ไม่ได้จำเป็นต้องตายไปตามอุดมการณ์ของท่าน

ท่านมีสิทธิ์ที่จะขี้ขลาด มีสิทธิ์ที่จะรักตัวเอง ทำไมอธิการบดีถึงไม่มีสิทธิ์นั้นล่ะครับ

ข้าราชการต้องรับใช้ประชาชน นั่นหมายถึงในฐานะหน้าที่การงานครับ เช่น อาจารย์มหาลัย สอนให้เต็มที่ ไม่จำเป็นต้องเลือกว่าจะต้องสนับสนุนประชาชนเรื่องแนวคิดทางการเมืองแบบใดแบบหนึ่ง ประชาชนที่มีแนวคิดทางการเมืองตรงข้ามกับท่านก็มีครับ การใช้ตำแหน่งข้าราชการรับใช้ประชาชนทางการเมืองแค่ฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ยิ่งผิดจริยธรรมทางอาชีพของข้าราชการ ผมไม่เถียงนะว่าตอนนี้มันเหมือนเผด็จการ แต่...ฝั่งตรงข้ามเค้าอ้างได้นะว่าได้มาจากการเลือกตั้ง(แบบไหนก็รู้ๆกันเนอะ)

ทุกวันนี้ผมก็เป็นข้าราชการ หน้าที่ผม ผมก็ทำไป ผมไม่ได้ใช้ความเป็นข้าราชการไปเพื่อเอื้อประโยชน์ทางการเมืองฝั่งใดฝั่งหนึ่งเลยครับ อันนี้ผมว่าเป็นสิ่งที่ข้าราชการควรทำมากกว่า คุณเคยเห็นข้าราชการออกมาเล่นการเมืองริมถนนแล้ว คุณไม่รู้สึกทุเรศเลยเหรอ ผมคิดว่าคุณน่าจะรู้สึกแบบเดียวกันนะ ถ้าข้าราชการใช้อำนาจของตัวเองเล่นการเมืองเพื่อผลประโยชน์ในฝั่งที่คุณสนับสนุน

ผมไม่ได้สนับสนุนประยุทธ์นะ ผมก็เห็นหลายๆอย่างคล้ายๆกับท่านนั่นแหละ เพียงแค่ผมรู้สึกว่าวิธีนี้มันเหมือนทำให้อีกฝ่ายชนะง่ายขึ้นมากกว่าแค่นั้นเอง  


มีสิทธิ์ครับ ทุกคนมีทางเลือก แต่เลือกแล้วก็ต้องน้อมรับคำวิจารณ์ให้ได้ ถ้าคำวิจารณ์ไหนไม่จริง ก็มีสิทธิ์อธิบาย แค่นั้นเอง

อย่างที่ผมบอก ผมไม่ได้เดือดกับแถลงการณ์ของ มธ. ถึงจะผิดหวังแต่ไม่ได้น่าประหลาดใจ

แต่สิ่งที่รับไม่ได้คือถ้า มธ. จะปิดปากนักศึกษา ห้ามจัดกิจกรรมในมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะของนักศึกษา แล้วไล่ให้นักศึกษาไปเสี่ยงข้างนอก ซึ่งก็ไม่ใช่สิ่งที่ มธ. จะทำตามแถลงการณ์ แต่กลับมีเพื่อนสมาชิกบางคนคอมเม้นสนับสนุนให้ มธ. ทำเช่นนั้น โดยอ้างถึงความเดือดร้อนของอธิการบดี

ถ้า มธ. จะทำเช่นนั้นจริง ก็ต้องยอมรับการโจมตีจากนักศึกษาและผู้ฝักใฝ่ประชาธิปไตยให้ได้

ในเรื่องข้าราชการ ตามที่ท่านกล่าว ข้าราชการไม่ควรใช้อำนาจในการเอื้อผลประโยชน์ให้ฝั่งการเมืองใด

เพราะฉะนั้นอธิการบดีก็ไม่ควรใช้อำนาจของตนในการเอื้อประโยชน์ให้แก่ฝ่ายรัฐบาล เพียงเพราะกลัวผลกระทบต่อหน้าที่การงานตัวเอง ไม่ใช่หรือ?

เพราะการชุมนุมในสถานศึกษาเป็นไปตามอำนาจที่รับรองโดยรัฐธรรมนูญ นักศึกษาไม่ได้ใช้อำนาจนอกเหนือจากรัฐธรรมนูญ แต่ถ้ารัฐบาลจะแทรกแทรงผ่านทางอำนาจของอธิการบดึ นั้นถึงจะเรียกว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ ใช่หรือไม่?  


ปัญหาคือเนื้อหาในการชุมนุมนั้นชอบด้วยกฏหมายรึเปล่า

ถ้าแค่เรียกร้องสิทธิ์ 3 ข้อที่เขียนในแถลงการณ์ของมหาลัยอ่ะมันไม่ผิดตามรัฐธรรมนูญ

แต่ถึงแม้ผมจะไม่ชอบ 112 แต่มันก็ยังคงเป็นกฎหมายที่ทางนักศึกษาได้ทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะผิดกฏหมายอยู่นะครับ ซึ่งไม่อยู่ใน 3 ข้อที่ตกลงกับทางมหาลัยเอาไว้ แค่สัญญาที่ให้ไว้กับทางมหาลัยยังให้ไว้ไม่ได้ ก็ไม่แปลกใจหรอกครับว่าทำไมเด็กๆถึงซื้อใจผู้ใหญ่หลายๆคนให้สนับสนุนให้เค้ามีเวทีไม่ได้

บอกตรงๆว่าผิดหวังกับความคิดที่สนใจแต่สิทธิของตัวเอง โดยไม่สนใจว่าจะสร้างความเดือดร้อนหรือไม่พอสมควรเลยครับจากการแลกเปลี่ยนในครั้งนี้  

ค่อนข้างเห็นด้วยกับท่านนะครับ แต่มาสะดุดอย่างนึง ที่ว่านักศึกษาทำสุ่มเสี่ยงต่อ 112

พอแบบนี้ทำให้ยิ่งรู้สึกเลยว่ามันไม่ควรมีมาตรานี้เลย เพราะมันไม่ได้เอามาใช้ปกป้องสถาบันอย่างที่มันควรจะเป็น

แต่มันยิ่งตอกย้ำว่าเอามาใช้ข่มขู่ให้เกิดความกลัวต่อหรือเป็นเครื่องมือสร้างความชอบธรรมเท่านั้น

ทั้งๆที่ข้อเรียกร้องของกลุ่มนักศึกษาเหล่านั้นเป็นเพียงข้อเสนอปรับเปลี่ยนรูปแบบของสถาบันให้ใกล้เคียงกับระบอบประชาธิปไตย
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
คอมเมนเตเตอร์
Status: ^_^
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 01 Dec 2005
ตอบ: 15058
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Aug 12, 2020 00:21
[RE: มธ.แถลงเสียใจ-ขอโทษกรณีเวที 10 ส.ค.]
nutda พิมพ์ว่า:
Silence พิมพ์ว่า:
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
Silence พิมพ์ว่า:
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
Silence พิมพ์ว่า:
Spoil
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
Silence พิมพ์ว่า:
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
Silence พิมพ์ว่า:
Spoil
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
ถ้าใครคิดว่าการที่ มธ. ออกมามันไม่ถูกใจ

ทำไมไม่ลองโพสสิ่งที่ตัวเองต้องการตรงๆ ในเฟส

เปิดสาธารณะให้คนเข้ามาคุยเรื่องนั้น

ลองทำในพื้นที่ตัวเองก็จะรู้เอง


ฝ่ายบริหาร มธ. เค้าก็คนปกติทั่วไป

ยัวต้องกินต้องใช้ ยังมีครอบครัวให้เลี้ยง

แต่ต้องเป็นคนรับหน้าเพราะเป็นเจ้าของสถานที่

กับคนชุมนุมที่หลายคนปิดหน้าไม่ต้องรับผลกระทบอะไร

ชุมนุมจบกลับบ้านนอนสบายใจ ในขณะที่อีกคนแทบเท้าก่ายหน้าฝาก


ผมว่าการชุมนุมแบบใช้สถานที่แบบมหาลัยพวกนี้

ถ้าทำได้ก็อย่าไปยุ่งเรื่องที่ตอนนี้มันยังผิดกฎหมายเลย

ถ้าอยากยุ่งไปพวกอนุเสาวรีย์อะไรพวกนี้ดีกว่า











 


มาอีกละตรรกกะเอาไปโพสหน้าเฟส โคตรน่ารำคาญ ตัวเองขี้ขลาดอย่าคิดว่าคนอื่นเขาจะขี้ขลาดเหมือนกัน

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นของผู้บริหารหรอ?
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ตั้งขึ้นมาเพื่ออะไร?
ใครเป็นคนตั้ง? ตั้งเพื่ออะไร?
อาจารย์ปรีดี อาจารย์ป๋วย รู้จักไหม?
จิตวิญญาณธรรมศาสตร์คืออะไร?
รายได้หลักของมหาวิทยาลัยได้จากใคร?
ชื่อก่อนเปลี่ยนเป็นมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชื่ออะไร?

ตอบ  


ก็เชิญไปโพสเลยสิ โพสเต็มๆ เลยอย่ากั้กไว้

มธ. อาจไม่ใช่ของผู้บริหาร

แต่สิ่งที่พวกคุณทำมันเสี่ยงต่อหน้าที่การงานเค้า

อยากทำอะไรทำเลยสิทธิ์พวกคุณ

แต่มันต้องไม่กระทบกับคนอื่น

ไม่ต้องมาถามหรอกประวัติพวกนั้น

ถามตัวคุณเองดีกว่า

ว่าสิ่งที่ทำมันทำให้คนอื่นเดือดร้อนมั้ย

ผมไม่ได้ห้ามให้คุณทำ แต่ถ้าอยากทำมันต้องไม่มี

คนที่มันไม่รู้เรื่องมาเดือดร้อนด้วย

เรื่องง่ายๆ แค่นี้ยังแยกแยะไม่ได้ยังกว่ามาว่าตรรกะคนอื่น

จักวาลหมุนรอบตัวเองสินะคนแบบคุณ  


โพสอยู่แล้วครับ แสดงออกทุกที่นั้นแหละ ปากไม่ได้โดนเย็บติดไว้

แล้วที่บอกกระทบกับคนอื่นนี้กระทบกับใครครับ
กับผู้บริหาร?
กระทบยังไง?
ผู้บริหารจะโดนคุกคาม?
ผู้บริหารจะโดนไล่ออก?
ด้วยอำนาจอะไรครับ?
อำนาจนอกเหนือกฏหมายใช่หรือไม่?

ถ้างั้นใครกันแน่ที่ละเมิดสิทธิ์คนอื่นจนเคยตัว
ใครกันที่คุกคามสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของคนอื่น

ตอบได้ไหมครับ

แล้วอย่าเลี่ยงคำถามครับ ตอบไม่ได้ก็บอก ไม่รู้ก็บอก จะได้ตอบให้ ไม่ต้องแถไปเรื่องอื่น ทำตัวเป็นผู้นำเหล่าทัพไปได้  

 

ผมพูดกับคนที่ห้าวๆเรื่องที่อยากให้ปรับเปลี่ยนเกี่ยวกับกษัตริย์ตลอดนะ ว่าช่วยเปิดหน้าลุยเลยครับ

ลองล่าลายชื่อให้ตัวเองเป็นแกนนำ ส่งเลขบัตรประชาชนตัวเองเพื่อขอแก้กฏหมายเลยครับ อันนี้คือทำตามระบบ และไม่เดือดร้อนใคร

ไม่เอาแบบล่ารายชื่อทางทวิตเตอร์หรือ Change.org ที่ไม่เกิดผลอะไรนะครับ

เอาแบบล่ารายชื่อ 50,000 รายชื่อแก้กฏหมายเลยครับ เอาตัวเองเป็นแกนนำเลย แล้วจะถูกอุ้มหายทั้งบ้านรึเปล่าก็ไม่รู้นะ แต่ถ้าผู้บริหาร มธ หรือเจ้าของเว็บปล่อยไป แล้วเค้าไม่อยากเสี่ยง เค้าเลยต้องทำแบบนี้ ก็อยากให้เจ้าใจเค้ามากกว่า

ถ้าตัวเองอยากเสี่ยง เปิดหน้าแลก เป็นแกนนำล่ารายชื่อขอเปลี่ยนกฏหมายเลยครับ เปิดหน้าเลย

แต่ถ้าิดว่าตัวเองยังกลัวโดนอุ้มอยู่ ก็ให้เข้าใจคนที่กลัวด้วยครับ การเปิดหน้าแลกกับคนที่มีอำนาจสูงสุดในประเทศ ต้องอาศัยความกล้าอย่างมาก อยากรู้เหมือนกันว่าคุณจะกล้าทำมั้ย  


ผมก็พูดกับคนที่เหยียบเรือสองแคมแบบคุณตลอดว่า ถ้างั้นก็รับคำวิจารณ์ให้ได้ว่า สู้ไปกราบไป

แล้วไอ้นิสัยท้าทายคนอื่นไปเสี่ยงอันตรายเนี่ย เลิกซะ มันสะท้อนตรรกะที่ยอมรับความอยุติธรรมในสังคม

แล้วก็บอกไว้ก่อนว่าที่ผมเดือดตอนนี้ไม่ใช่เพราะแถลงการณ์ของ มธ. ไปดูกระทู้อื่น ผมก็ปกป้องอาจารย์ปริญญา ไม่ใช่ว่าผมไม่เข้าใจ

แต่ที่เดือดเพราะมันมีไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้ มาคอมเม้นให้นักศึกษาออกไปชุมนุมข้างนอกมหาวิทยาลัย

ที่บอกว่าผู้บริหารต้องรับผิดชอบแทนนักศึกษาคือยังไง? แบบไหน?
ข้อกฏหมายมันมีอยู่ แล้วสิ่งที่ปราศรัยมันผิดกฏหมายอาญาข้อไหน?
แล้วผู้บริหารก็ออกมาชี้แจงแล้วว่าผู้ชุมนุมต้องรับผิดชอบเนื้อหาการปราศรัยที่นอกเหนือขอบเขตกฏหมายเอาเอง แล้วผู้บริหารจะเดือดร้อนไปด้วยได้ยังไง?  


เห็นโพสว่าตัวเองกล้าอย่างนู้นกล้าอย่างงี้ ก็เสนอแนวทางคนกล้าที่แท้จริงให้ สุดท้ายก็รักตัวกลัวตาย

ถ้าทำแบบนี้ไอ้ที่ด่าผู้บริหาร มธ ก็ถมน้ำลายใส่หน้าตัวเองนี่หว่า

ถ้าท่านชุมนุมในมหาลัยแล้วผู้บริหารมหาลัยไม่เดือดร้อน ก็ไม่มีแถลงการณ์ฉบับนี้ออกมาหรอก

ท่านทำแบบนี้คือท่านกำลังซุกข้างหลังผู้บริหารมหาลัยที่ท่านด่าว่าขี้ขลาดอยู่

ส่วนคุณคนกล้าบนคีย์บอร์ด ก็หลบอยู่หลังผู้บริหารที่คุณด่าว่าขี้ขลาดนั่นแหละ

สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นยังชี้หน้าด่าเค้าขี้ขลาดอีกเนอะ คุณคนกล้า  


ผมถามไปตั้งเยอะว่าสรุปว่า ผู้บริหาร มธ. เดือดร้อนยังไง เห็นมีแต่คำตอบเลี่ยงว่าถ้าไม่เดือดร้อนก็ไม่มีแถลงการณ์ แล้วสรุปเดือดร้อนยังไง

แล้วที่บอกว่าหลบหลังผู้บริหารอะ ถ้าเกิดการปราศรัยผิดกฏหมายจริง ใครจะโดนหมายเรียกหรือหมายจับระหว่าง

1. ผู้ปราศรัย
2. ผู้บริหาร

ผมถามไปกี่รอบแล้ว มีใครตอบคำถามตรงๆ ได้มั้งยัง เห็นมีแต่เลี่ยงแถไปประเด็นนู้นประเด็นนี้

ตอนแรกผมขี้เกียจอธิบายนะ เพราะมันนอกประเด็นผม แต่การจะ "แก้ไข" รัฐธรรมนูญ มันไม่ได้เริ่มจากการล่ารายชื่อประชาชน การล่ารายชื่อประชาชนทำในการเสนอ "ข้อกฏหมายเพิ่มเติม" ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฏหมาย

ถ้าจะ "แก้ไข" รัฐธรรมนูญ ต้องกระทำผ่านสภา โดยเสนอญัตตเข้าชื่อ สส. จำนวนหนึ่ง (จำจำนวนไม่ได้) และมาตราที่จะแก้ไขต้องไม่เกี่ยวกับระบอบการปกครองและอำนาจของพระมหากษัตริย์

เพราะฉะนั้นไอ้ข้อเสนอที่คุณเสนอมามันไม่ได้ถูกต้องตามอำนาจรัฐธรรมนูญ ซึ่งจริงๆ ก็น่าจะเข้าใจเพราะว่าถ้าแค่ล่ารายชื่อ 50,000 ชื่อ แล้วมาเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติของคน 60 ล้านคนมันสมเหตุสมผลไหม

เพราะงั้นมันถึงต้องทำผ่านกระบวนการทางรัฐสภา ที่เป็นตัวแทนเสียงของคนทั้งประเทศ แต่มันมี สส. หน้าไหนกล้าเสนอไหม

ดังนั้นสิ่งที่อาจารย์ปวิน และ สสจ. พยายามเรียกร้องให้ทำมาตลอดคือการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์อย่างตรงไปตรงมาด้วยความเคารพ บนพื้นที่สาธารณะ เพื่อที่จะเริ่มต้นจากภาคประชาชน

ถามว่าผมกล้าขนาดให้ใส่เสื้อ "เราหมดศรัทธาในสถาบันฯ" แบบพี่คนนั้นไหม ผมไม่กล้า แต่ผมก็ไม่ได้เรียกร้องสิ่งนั้นจากคนอื่น สิ่งที่ผมเรียกร้องไม่ต่างจากที่ปวินและ สสจ. เสนอ คือเราต้องกล้าที่จะยืนยันว่าประชาชนมีสิทธิ์ที่จะวิพากษ์วิจารณ์สถาบันอย่างเคารพได้ ซึ่งผมยืนยัน นอนยัน อยู่ตลอด ผมวิพากษ์วิจารณ์อย่างตรงไปตรงมาเหมือนที่ทำอยู่ตอนนี้ ไปดูประวัติการตอบ ผมแทบไม่เคยเล่นมุขสองแง่สองง่าม ผมวิจารณ์โดยสุจริต แม้จะเลี่ยงการเอ่ยถึงตรงเพื่อเพราะเกรงใจ WM ซึ่งไม่ต่างอะไรกับที่ผมทำในพื้นที่สาธารณะทั้งในโซเชียลมิเดียและชีวิตจริง สิ่งที่ผมพูดไม่ได้ต่างอะไรมากกับสิ่งที่ อาจารย์ธงชัยพูด อาจารย์ศิวลักษณ์พูด อาจารย์นิธิพูด ซึ่งทุกคนก็พูดตามปกติในสังคมไทย

ซึ่งตอนนี้มันเกิดขึ้นแล้วด้วยความกล้าหาญของเด็กรุ่นนี้ อยู่ที่ว่า สส. จะรับลูกไปในสภาต่อหรือไม่

ผมยกที่ผม edit มาอีกรอบ เผื่อคุณไม่เห็น
จากมุมมองผม อธิการบดี มธ. ไม่เห็นจะเดือดร้อนจนถึงขนาดห้ามนักศึกษาจัดกิจกรรมต่อ แต่ทำไมพวกคุณดูเดือดร้อนยิ่งกว่าตัวอธิการบดีเองอีก

คล้ายกับปัญหาของกฏหมาย 112 คนที่โดนที่วิพากษ์วิจารณ์กลับไม่ใช่คนที่ใช้กฏหมายนี้ แต่คนที่ใช้กฏหมายนี้กลับเป็นคนที่ไม่ได้ถูกวิจารณ์ ทำไมคนที่เป็นเดือนเป็นร้อนจากการวิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ใช่พระมหากษัตริย์ แต่กลับเป็นคนที่พยายามโหนสถาบันลงมาโจมตีผู้คิดต่างทางการเมือง

พวกคุณเป็นห่วง อธิการบดี มธ. จริงๆ หรือแค่กำลังพยายามโหนอธิการบดี มธ. มาเพื่อสร้างความชอบธรรมในการปิดปากนักศึกษาไม่ให้พูดถึงเรื่องสถาบันฯ โดยตรง

อยากจะอธิบายในประเด็นนี้ไหม?  
 


เดี๋ยวปล่อยไว้ซักพัก มีข่าวอธิการโดนย้ายด้วยเหตุผลอื่นๆ

ท่านก็น่าจะรุ้ว่าเค้าคุมราชการด้วยวิธีการนี้อยู่ ซึ่งข้าราชการก็กลืนไม่เข้า คายไม่ออกกับเรื่องนี้

สังคมเรามันไม่ได้ยุติธรรมแบบที่พวกเราก็รู้ๆกันอยู่

แค่โดนย้ายก็เดือดร้อนแล้ว ไม่ต้องยกเรื่องหมายจับอะไรหรอก

จำที่อาจารย์ป๋วยได้มั้ยครับ โดนด่ามันจากทั้ง 2 ฝั่ง ทั้งหาว่าหนุนนักศึกษา หาว่าขัดขวางนักศึกษา

ผมเขียนไว้ชัดเจนนะ ว่าผู้บริหารมหาลัยมีแต่จะลำบากใจเพราะยังไงก็เอาใจทั้ง 2 ฝ่ายไม่ได้อยู่แล้ว และยังไงก็โดนบีบจากทั้ง 2 ทาง

ผมไม่ได้สนใจเรื่องการปิดปากนักศึกษาหรอก ผมรู้อยู่แล้วว่ามันปิดปากไม่ได้ ถ้าคิดว่าปิดปากได้ เข้าทวิตเตอร์ 20 นาทีก็รู้เรื่องหมดแล้ว แค่นักศึกษาบรรลุนิติภาวะแล้ว ก็น่าจะแยกแยะได้ว่าอะไรทำให้คนอื่นเดือดร้อน ซึ่งเป็นเรื่องพื้นฐานของเสรีภาพ  


ผมถึงบอกไงครับว่าไม่ใช่ว่าผมไม่เข้าใจ แต่ถ้าเลือกที่จะอยู่เป็นแล้วก็ต้องยอมรับคำวิจารณ์ให้ได้ ท่านด่าผมขี้ขลาด ผมเถียงสักคำไหมว่าผมกล้าหาญชาญชัย แต่ผมมีจุดยืน ผมมีเส้นว่าผมถอยได้แค่ไหน แค่ไหนผมจะไม่ยอมถอยอีก ผมยืนยันว่าการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันอย่างสุจริตและเคารพ ไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง เป็นสิ่งที่ควรกระทำได้อย่างเปิดเผยในที่สาธารณะ และที่ผมกล้ายืนยันเพราะผมก็ทำสิ่งนั้นเช่นกัน

ผมเคยตอบกระทู้หนึ่งไปแล้วว่า ผมมีคนรู้จักเป็นข้าราชการอยู่แทบทุกกระทรวง (โดยเฉพาะทหาร) ผมเข้าใจดีถึงความกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก แต่ถึงจุดหนึ่งคุณต้องกล้าที่จะออกมายืนข้างประชาชน เพราะข้าราขการคือข้ารับใช้ประชาชน ไม่ใช่เผด็จการหรือสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เงินเดือนข้าราชการมาจากประชาชน นั้นคือคุณธรรมที่ควรรักษา นั้นคือจริยธรรมทางอาชีพของข้าราชการ

อาจารย์ป๋วยปฏิเสธรับปฏิเสธรับดุษฎีบัณฑิต จาก มธ. เพราะสังคมไทยยังไม่มีความกระจ่างในเหตุการณ์ 6 ตุลาและถูกครอบงำโดยเผด็จการ ณ ขณะนั้น เพราะฉะนั้นสำหรับอาจารย์ป๋วยการโดดวิจารณ์ต่างๆ นาๆ ไม่ได้กวนใจท่านเท่ากับการเห็นเผด็จการครองบ้านครองเมือง (อ่านได้ในจดหมายของอาจารย์จอนถึงอาจารย์ธงชัย)

ถ้าอาจารย์ปริญญาและอาจารย์เกศสินีมีจิตวิญญาณและอุดมการณ์ได้สักครึ่งของอาจารย์ป๋วย (ซึ่งผมไม่เคยสงสัยในตัวอาจารย์ทั้ง 2 เลย) ท่านคงยินดีที่จะโดยไล่ออกหรือลาออกเองมากกว่าที่จะเห็นนักศึกษาของตัวเองโดยล้อมปราบหรือก้มหัวให้เผด็จการ

บ้านเมืองเราจะมีขื่อมีแปรได้ ไม่ใช่ด้วยการเชิดชูคนที่มีจริยธรรมและอุดมการณ์ ยอมหักแต่ไม่ยอมงอ และไม่ปล่อยให้คนคดโกง เห็นแก่ตัวได้ตั้งตัวเป็นใหญ่ ไม่ใช่หรือครับ?  


ใช่ครับ ผมไม่ได้เถียงเลยนะว่าเรื่องไหนมันควรจะเป็นหรือไม่ควรจะเป็น

แต่อธิการบดี ก็มีสิทธิ์ที่จะขี้ขลาด มีสิทธิ์ที่จะรักษาตำแหน่งหน้าที่การงานของตัวเอง ไม่ได้จำเป็นต้องตายไปตามอุดมการณ์ของท่าน

ท่านมีสิทธิ์ที่จะขี้ขลาด มีสิทธิ์ที่จะรักตัวเอง ทำไมอธิการบดีถึงไม่มีสิทธิ์นั้นล่ะครับ

ข้าราชการต้องรับใช้ประชาชน นั่นหมายถึงในฐานะหน้าที่การงานครับ เช่น อาจารย์มหาลัย สอนให้เต็มที่ ไม่จำเป็นต้องเลือกว่าจะต้องสนับสนุนประชาชนเรื่องแนวคิดทางการเมืองแบบใดแบบหนึ่ง ประชาชนที่มีแนวคิดทางการเมืองตรงข้ามกับท่านก็มีครับ การใช้ตำแหน่งข้าราชการรับใช้ประชาชนทางการเมืองแค่ฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ยิ่งผิดจริยธรรมทางอาชีพของข้าราชการ ผมไม่เถียงนะว่าตอนนี้มันเหมือนเผด็จการ แต่...ฝั่งตรงข้ามเค้าอ้างได้นะว่าได้มาจากการเลือกตั้ง(แบบไหนก็รู้ๆกันเนอะ)

ทุกวันนี้ผมก็เป็นข้าราชการ หน้าที่ผม ผมก็ทำไป ผมไม่ได้ใช้ความเป็นข้าราชการไปเพื่อเอื้อประโยชน์ทางการเมืองฝั่งใดฝั่งหนึ่งเลยครับ อันนี้ผมว่าเป็นสิ่งที่ข้าราชการควรทำมากกว่า คุณเคยเห็นข้าราชการออกมาเล่นการเมืองริมถนนแล้ว คุณไม่รู้สึกทุเรศเลยเหรอ ผมคิดว่าคุณน่าจะรู้สึกแบบเดียวกันนะ ถ้าข้าราชการใช้อำนาจของตัวเองเล่นการเมืองเพื่อผลประโยชน์ในฝั่งที่คุณสนับสนุน

ผมไม่ได้สนับสนุนประยุทธ์นะ ผมก็เห็นหลายๆอย่างคล้ายๆกับท่านนั่นแหละ เพียงแค่ผมรู้สึกว่าวิธีนี้มันเหมือนทำให้อีกฝ่ายชนะง่ายขึ้นมากกว่าแค่นั้นเอง  


มีสิทธิ์ครับ ทุกคนมีทางเลือก แต่เลือกแล้วก็ต้องน้อมรับคำวิจารณ์ให้ได้ ถ้าคำวิจารณ์ไหนไม่จริง ก็มีสิทธิ์อธิบาย แค่นั้นเอง

อย่างที่ผมบอก ผมไม่ได้เดือดกับแถลงการณ์ของ มธ. ถึงจะผิดหวังแต่ไม่ได้น่าประหลาดใจ

แต่สิ่งที่รับไม่ได้คือถ้า มธ. จะปิดปากนักศึกษา ห้ามจัดกิจกรรมในมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะของนักศึกษา แล้วไล่ให้นักศึกษาไปเสี่ยงข้างนอก ซึ่งก็ไม่ใช่สิ่งที่ มธ. จะทำตามแถลงการณ์ แต่กลับมีเพื่อนสมาชิกบางคนคอมเม้นสนับสนุนให้ มธ. ทำเช่นนั้น โดยอ้างถึงความเดือดร้อนของอธิการบดี

ถ้า มธ. จะทำเช่นนั้นจริง ก็ต้องยอมรับการโจมตีจากนักศึกษาและผู้ฝักใฝ่ประชาธิปไตยให้ได้

ในเรื่องข้าราชการ ตามที่ท่านกล่าว ข้าราชการไม่ควรใช้อำนาจในการเอื้อผลประโยชน์ให้ฝั่งการเมืองใด

เพราะฉะนั้นอธิการบดีก็ไม่ควรใช้อำนาจของตนในการเอื้อประโยชน์ให้แก่ฝ่ายรัฐบาล เพียงเพราะกลัวผลกระทบต่อหน้าที่การงานตัวเอง ไม่ใช่หรือ?

เพราะการชุมนุมในสถานศึกษาเป็นไปตามอำนาจที่รับรองโดยรัฐธรรมนูญ นักศึกษาไม่ได้ใช้อำนาจนอกเหนือจากรัฐธรรมนูญ แต่ถ้ารัฐบาลจะแทรกแทรงผ่านทางอำนาจของอธิการบดึ นั้นถึงจะเรียกว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ ใช่หรือไม่?  


ปัญหาคือเนื้อหาในการชุมนุมนั้นชอบด้วยกฏหมายรึเปล่า

ถ้าแค่เรียกร้องสิทธิ์ 3 ข้อที่เขียนในแถลงการณ์ของมหาลัยอ่ะมันไม่ผิดตามรัฐธรรมนูญ

แต่ถึงแม้ผมจะไม่ชอบ 112 แต่มันก็ยังคงเป็นกฎหมายที่ทางนักศึกษาได้ทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะผิดกฏหมายอยู่นะครับ ซึ่งไม่อยู่ใน 3 ข้อที่ตกลงกับทางมหาลัยเอาไว้ แค่สัญญาที่ให้ไว้กับทางมหาลัยยังให้ไว้ไม่ได้ ก็ไม่แปลกใจหรอกครับว่าทำไมเด็กๆถึงซื้อใจผู้ใหญ่หลายๆคนให้สนับสนุนให้เค้ามีเวทีไม่ได้

บอกตรงๆว่าผิดหวังกับความคิดที่สนใจแต่สิทธิของตัวเอง โดยไม่สนใจว่าจะสร้างความเดือดร้อนหรือไม่พอสมควรเลยครับจากการแลกเปลี่ยนในครั้งนี้  

ค่อนข้างเห็นด้วยกับท่านนะครับ แต่มาสะดุดอย่างนึง ที่ว่านักศึกษาทำสุ่มเสี่ยงต่อ 112

พอแบบนี้ทำให้ยิ่งรู้สึกเลยว่ามันไม่ควรมีมาตรานี้เลย เพราะมันไม่ได้เอามาใช้ปกป้องสถาบันอย่างที่มันควรจะเป็น

แต่มันยิ่งตอกย้ำว่าเอามาใช้ข่มขู่ให้เกิดความกลัวต่อหรือเป็นเครื่องมือสร้างความชอบธรรมเท่านั้น

ทั้งๆที่ข้อเรียกร้องของกลุ่มนักศึกษาเหล่านั้นเป็นเพียงข้อเสนอปรับเปลี่ยนรูปแบบของสถาบันให้ใกล้เคียงกับระบอบประชาธิปไตย  


ใช่ครับ ผมก็ไม่ได้ชอบมาตรานี้หรอก แต่ตราบใดที่กฏหมายยังเป็นแบบนี้อยู่ ที่ควรทำคือหาทางแก้ให้มันได้ครับ ซึ่งต้องใจเย็นมากๆๆๆๆ ผมครับ

เปลี่ยนตัว 112 ไม่ได้ นะต้องหาไพ่ในมือเพิ่มครับ ไพ่ที่เพิ่มความเป็นไปได้ในการเปลี่ยนกฏหมาย ซึ่งยุบสภาก็เป็น 1 ในไพ่นั้น ริดรอนอำนาจ สว. ก็เป็น 1 ในนั้น

การจะให้ สส สว ชุดปัจจุบันเปลี่ยนกฏหมายพวกนี้ ผมบอกเลย เป็นไปไม่ได้
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
Never argue with an idiot. They will drag you down to their level and beat you with experience
ออฟไลน์
ผู้ช่วยแมวมอง
Status: Would you rather die a hero?
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 24 Jun 2019
ตอบ: 8343
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Aug 12, 2020 00:28
[RE: มธ.แถลงเสียใจ-ขอโทษกรณีเวที 10 ส.ค.]
Silence พิมพ์ว่า:
Spoil
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
Silence พิมพ์ว่า:
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
Silence พิมพ์ว่า:
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
Silence พิมพ์ว่า:
Spoil
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
Silence พิมพ์ว่า:
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
Silence พิมพ์ว่า:
Spoil
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
ถ้าใครคิดว่าการที่ มธ. ออกมามันไม่ถูกใจ

ทำไมไม่ลองโพสสิ่งที่ตัวเองต้องการตรงๆ ในเฟส

เปิดสาธารณะให้คนเข้ามาคุยเรื่องนั้น

ลองทำในพื้นที่ตัวเองก็จะรู้เอง


ฝ่ายบริหาร มธ. เค้าก็คนปกติทั่วไป

ยัวต้องกินต้องใช้ ยังมีครอบครัวให้เลี้ยง

แต่ต้องเป็นคนรับหน้าเพราะเป็นเจ้าของสถานที่

กับคนชุมนุมที่หลายคนปิดหน้าไม่ต้องรับผลกระทบอะไร

ชุมนุมจบกลับบ้านนอนสบายใจ ในขณะที่อีกคนแทบเท้าก่ายหน้าฝาก


ผมว่าการชุมนุมแบบใช้สถานที่แบบมหาลัยพวกนี้

ถ้าทำได้ก็อย่าไปยุ่งเรื่องที่ตอนนี้มันยังผิดกฎหมายเลย

ถ้าอยากยุ่งไปพวกอนุเสาวรีย์อะไรพวกนี้ดีกว่า











 


มาอีกละตรรกกะเอาไปโพสหน้าเฟส โคตรน่ารำคาญ ตัวเองขี้ขลาดอย่าคิดว่าคนอื่นเขาจะขี้ขลาดเหมือนกัน

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นของผู้บริหารหรอ?
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ตั้งขึ้นมาเพื่ออะไร?
ใครเป็นคนตั้ง? ตั้งเพื่ออะไร?
อาจารย์ปรีดี อาจารย์ป๋วย รู้จักไหม?
จิตวิญญาณธรรมศาสตร์คืออะไร?
รายได้หลักของมหาวิทยาลัยได้จากใคร?
ชื่อก่อนเปลี่ยนเป็นมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชื่ออะไร?

ตอบ  


ก็เชิญไปโพสเลยสิ โพสเต็มๆ เลยอย่ากั้กไว้

มธ. อาจไม่ใช่ของผู้บริหาร

แต่สิ่งที่พวกคุณทำมันเสี่ยงต่อหน้าที่การงานเค้า

อยากทำอะไรทำเลยสิทธิ์พวกคุณ

แต่มันต้องไม่กระทบกับคนอื่น

ไม่ต้องมาถามหรอกประวัติพวกนั้น

ถามตัวคุณเองดีกว่า

ว่าสิ่งที่ทำมันทำให้คนอื่นเดือดร้อนมั้ย

ผมไม่ได้ห้ามให้คุณทำ แต่ถ้าอยากทำมันต้องไม่มี

คนที่มันไม่รู้เรื่องมาเดือดร้อนด้วย

เรื่องง่ายๆ แค่นี้ยังแยกแยะไม่ได้ยังกว่ามาว่าตรรกะคนอื่น

จักวาลหมุนรอบตัวเองสินะคนแบบคุณ  


โพสอยู่แล้วครับ แสดงออกทุกที่นั้นแหละ ปากไม่ได้โดนเย็บติดไว้

แล้วที่บอกกระทบกับคนอื่นนี้กระทบกับใครครับ
กับผู้บริหาร?
กระทบยังไง?
ผู้บริหารจะโดนคุกคาม?
ผู้บริหารจะโดนไล่ออก?
ด้วยอำนาจอะไรครับ?
อำนาจนอกเหนือกฏหมายใช่หรือไม่?

ถ้างั้นใครกันแน่ที่ละเมิดสิทธิ์คนอื่นจนเคยตัว
ใครกันที่คุกคามสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของคนอื่น

ตอบได้ไหมครับ

แล้วอย่าเลี่ยงคำถามครับ ตอบไม่ได้ก็บอก ไม่รู้ก็บอก จะได้ตอบให้ ไม่ต้องแถไปเรื่องอื่น ทำตัวเป็นผู้นำเหล่าทัพไปได้  

 

ผมพูดกับคนที่ห้าวๆเรื่องที่อยากให้ปรับเปลี่ยนเกี่ยวกับกษัตริย์ตลอดนะ ว่าช่วยเปิดหน้าลุยเลยครับ

ลองล่าลายชื่อให้ตัวเองเป็นแกนนำ ส่งเลขบัตรประชาชนตัวเองเพื่อขอแก้กฏหมายเลยครับ อันนี้คือทำตามระบบ และไม่เดือดร้อนใคร

ไม่เอาแบบล่ารายชื่อทางทวิตเตอร์หรือ Change.org ที่ไม่เกิดผลอะไรนะครับ

เอาแบบล่ารายชื่อ 50,000 รายชื่อแก้กฏหมายเลยครับ เอาตัวเองเป็นแกนนำเลย แล้วจะถูกอุ้มหายทั้งบ้านรึเปล่าก็ไม่รู้นะ แต่ถ้าผู้บริหาร มธ หรือเจ้าของเว็บปล่อยไป แล้วเค้าไม่อยากเสี่ยง เค้าเลยต้องทำแบบนี้ ก็อยากให้เจ้าใจเค้ามากกว่า

ถ้าตัวเองอยากเสี่ยง เปิดหน้าแลก เป็นแกนนำล่ารายชื่อขอเปลี่ยนกฏหมายเลยครับ เปิดหน้าเลย

แต่ถ้าิดว่าตัวเองยังกลัวโดนอุ้มอยู่ ก็ให้เข้าใจคนที่กลัวด้วยครับ การเปิดหน้าแลกกับคนที่มีอำนาจสูงสุดในประเทศ ต้องอาศัยความกล้าอย่างมาก อยากรู้เหมือนกันว่าคุณจะกล้าทำมั้ย  


ผมก็พูดกับคนที่เหยียบเรือสองแคมแบบคุณตลอดว่า ถ้างั้นก็รับคำวิจารณ์ให้ได้ว่า สู้ไปกราบไป

แล้วไอ้นิสัยท้าทายคนอื่นไปเสี่ยงอันตรายเนี่ย เลิกซะ มันสะท้อนตรรกะที่ยอมรับความอยุติธรรมในสังคม

แล้วก็บอกไว้ก่อนว่าที่ผมเดือดตอนนี้ไม่ใช่เพราะแถลงการณ์ของ มธ. ไปดูกระทู้อื่น ผมก็ปกป้องอาจารย์ปริญญา ไม่ใช่ว่าผมไม่เข้าใจ

แต่ที่เดือดเพราะมันมีไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้ มาคอมเม้นให้นักศึกษาออกไปชุมนุมข้างนอกมหาวิทยาลัย

ที่บอกว่าผู้บริหารต้องรับผิดชอบแทนนักศึกษาคือยังไง? แบบไหน?
ข้อกฏหมายมันมีอยู่ แล้วสิ่งที่ปราศรัยมันผิดกฏหมายอาญาข้อไหน?
แล้วผู้บริหารก็ออกมาชี้แจงแล้วว่าผู้ชุมนุมต้องรับผิดชอบเนื้อหาการปราศรัยที่นอกเหนือขอบเขตกฏหมายเอาเอง แล้วผู้บริหารจะเดือดร้อนไปด้วยได้ยังไง?  


เห็นโพสว่าตัวเองกล้าอย่างนู้นกล้าอย่างงี้ ก็เสนอแนวทางคนกล้าที่แท้จริงให้ สุดท้ายก็รักตัวกลัวตาย

ถ้าทำแบบนี้ไอ้ที่ด่าผู้บริหาร มธ ก็ถมน้ำลายใส่หน้าตัวเองนี่หว่า

ถ้าท่านชุมนุมในมหาลัยแล้วผู้บริหารมหาลัยไม่เดือดร้อน ก็ไม่มีแถลงการณ์ฉบับนี้ออกมาหรอก

ท่านทำแบบนี้คือท่านกำลังซุกข้างหลังผู้บริหารมหาลัยที่ท่านด่าว่าขี้ขลาดอยู่

ส่วนคุณคนกล้าบนคีย์บอร์ด ก็หลบอยู่หลังผู้บริหารที่คุณด่าว่าขี้ขลาดนั่นแหละ

สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นยังชี้หน้าด่าเค้าขี้ขลาดอีกเนอะ คุณคนกล้า  


ผมถามไปตั้งเยอะว่าสรุปว่า ผู้บริหาร มธ. เดือดร้อนยังไง เห็นมีแต่คำตอบเลี่ยงว่าถ้าไม่เดือดร้อนก็ไม่มีแถลงการณ์ แล้วสรุปเดือดร้อนยังไง

แล้วที่บอกว่าหลบหลังผู้บริหารอะ ถ้าเกิดการปราศรัยผิดกฏหมายจริง ใครจะโดนหมายเรียกหรือหมายจับระหว่าง

1. ผู้ปราศรัย
2. ผู้บริหาร

ผมถามไปกี่รอบแล้ว มีใครตอบคำถามตรงๆ ได้มั้งยัง เห็นมีแต่เลี่ยงแถไปประเด็นนู้นประเด็นนี้

ตอนแรกผมขี้เกียจอธิบายนะ เพราะมันนอกประเด็นผม แต่การจะ "แก้ไข" รัฐธรรมนูญ มันไม่ได้เริ่มจากการล่ารายชื่อประชาชน การล่ารายชื่อประชาชนทำในการเสนอ "ข้อกฏหมายเพิ่มเติม" ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฏหมาย

ถ้าจะ "แก้ไข" รัฐธรรมนูญ ต้องกระทำผ่านสภา โดยเสนอญัตตเข้าชื่อ สส. จำนวนหนึ่ง (จำจำนวนไม่ได้) และมาตราที่จะแก้ไขต้องไม่เกี่ยวกับระบอบการปกครองและอำนาจของพระมหากษัตริย์

เพราะฉะนั้นไอ้ข้อเสนอที่คุณเสนอมามันไม่ได้ถูกต้องตามอำนาจรัฐธรรมนูญ ซึ่งจริงๆ ก็น่าจะเข้าใจเพราะว่าถ้าแค่ล่ารายชื่อ 50,000 ชื่อ แล้วมาเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติของคน 60 ล้านคนมันสมเหตุสมผลไหม

เพราะงั้นมันถึงต้องทำผ่านกระบวนการทางรัฐสภา ที่เป็นตัวแทนเสียงของคนทั้งประเทศ แต่มันมี สส. หน้าไหนกล้าเสนอไหม

ดังนั้นสิ่งที่อาจารย์ปวิน และ สสจ. พยายามเรียกร้องให้ทำมาตลอดคือการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์อย่างตรงไปตรงมาด้วยความเคารพ บนพื้นที่สาธารณะ เพื่อที่จะเริ่มต้นจากภาคประชาชน

ถามว่าผมกล้าขนาดให้ใส่เสื้อ "เราหมดศรัทธาในสถาบันฯ" แบบพี่คนนั้นไหม ผมไม่กล้า แต่ผมก็ไม่ได้เรียกร้องสิ่งนั้นจากคนอื่น สิ่งที่ผมเรียกร้องไม่ต่างจากที่ปวินและ สสจ. เสนอ คือเราต้องกล้าที่จะยืนยันว่าประชาชนมีสิทธิ์ที่จะวิพากษ์วิจารณ์สถาบันอย่างเคารพได้ ซึ่งผมยืนยัน นอนยัน อยู่ตลอด ผมวิพากษ์วิจารณ์อย่างตรงไปตรงมาเหมือนที่ทำอยู่ตอนนี้ ไปดูประวัติการตอบ ผมแทบไม่เคยเล่นมุขสองแง่สองง่าม ผมวิจารณ์โดยสุจริต แม้จะเลี่ยงการเอ่ยถึงตรงเพื่อเพราะเกรงใจ WM ซึ่งไม่ต่างอะไรกับที่ผมทำในพื้นที่สาธารณะทั้งในโซเชียลมิเดียและชีวิตจริง สิ่งที่ผมพูดไม่ได้ต่างอะไรมากกับสิ่งที่ อาจารย์ธงชัยพูด อาจารย์ศิวลักษณ์พูด อาจารย์นิธิพูด ซึ่งทุกคนก็พูดตามปกติในสังคมไทย

ซึ่งตอนนี้มันเกิดขึ้นแล้วด้วยความกล้าหาญของเด็กรุ่นนี้ อยู่ที่ว่า สส. จะรับลูกไปในสภาต่อหรือไม่

ผมยกที่ผม edit มาอีกรอบ เผื่อคุณไม่เห็น
จากมุมมองผม อธิการบดี มธ. ไม่เห็นจะเดือดร้อนจนถึงขนาดห้ามนักศึกษาจัดกิจกรรมต่อ แต่ทำไมพวกคุณดูเดือดร้อนยิ่งกว่าตัวอธิการบดีเองอีก

คล้ายกับปัญหาของกฏหมาย 112 คนที่โดนที่วิพากษ์วิจารณ์กลับไม่ใช่คนที่ใช้กฏหมายนี้ แต่คนที่ใช้กฏหมายนี้กลับเป็นคนที่ไม่ได้ถูกวิจารณ์ ทำไมคนที่เป็นเดือนเป็นร้อนจากการวิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ใช่พระมหากษัตริย์ แต่กลับเป็นคนที่พยายามโหนสถาบันลงมาโจมตีผู้คิดต่างทางการเมือง

พวกคุณเป็นห่วง อธิการบดี มธ. จริงๆ หรือแค่กำลังพยายามโหนอธิการบดี มธ. มาเพื่อสร้างความชอบธรรมในการปิดปากนักศึกษาไม่ให้พูดถึงเรื่องสถาบันฯ โดยตรง

อยากจะอธิบายในประเด็นนี้ไหม?  
 


เดี๋ยวปล่อยไว้ซักพัก มีข่าวอธิการโดนย้ายด้วยเหตุผลอื่นๆ

ท่านก็น่าจะรุ้ว่าเค้าคุมราชการด้วยวิธีการนี้อยู่ ซึ่งข้าราชการก็กลืนไม่เข้า คายไม่ออกกับเรื่องนี้

สังคมเรามันไม่ได้ยุติธรรมแบบที่พวกเราก็รู้ๆกันอยู่

แค่โดนย้ายก็เดือดร้อนแล้ว ไม่ต้องยกเรื่องหมายจับอะไรหรอก

จำที่อาจารย์ป๋วยได้มั้ยครับ โดนด่ามันจากทั้ง 2 ฝั่ง ทั้งหาว่าหนุนนักศึกษา หาว่าขัดขวางนักศึกษา

ผมเขียนไว้ชัดเจนนะ ว่าผู้บริหารมหาลัยมีแต่จะลำบากใจเพราะยังไงก็เอาใจทั้ง 2 ฝ่ายไม่ได้อยู่แล้ว และยังไงก็โดนบีบจากทั้ง 2 ทาง

ผมไม่ได้สนใจเรื่องการปิดปากนักศึกษาหรอก ผมรู้อยู่แล้วว่ามันปิดปากไม่ได้ ถ้าคิดว่าปิดปากได้ เข้าทวิตเตอร์ 20 นาทีก็รู้เรื่องหมดแล้ว แค่นักศึกษาบรรลุนิติภาวะแล้ว ก็น่าจะแยกแยะได้ว่าอะไรทำให้คนอื่นเดือดร้อน ซึ่งเป็นเรื่องพื้นฐานของเสรีภาพ  


ผมถึงบอกไงครับว่าไม่ใช่ว่าผมไม่เข้าใจ แต่ถ้าเลือกที่จะอยู่เป็นแล้วก็ต้องยอมรับคำวิจารณ์ให้ได้ ท่านด่าผมขี้ขลาด ผมเถียงสักคำไหมว่าผมกล้าหาญชาญชัย แต่ผมมีจุดยืน ผมมีเส้นว่าผมถอยได้แค่ไหน แค่ไหนผมจะไม่ยอมถอยอีก ผมยืนยันว่าการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันอย่างสุจริตและเคารพ ไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง เป็นสิ่งที่ควรกระทำได้อย่างเปิดเผยในที่สาธารณะ และที่ผมกล้ายืนยันเพราะผมก็ทำสิ่งนั้นเช่นกัน

ผมเคยตอบกระทู้หนึ่งไปแล้วว่า ผมมีคนรู้จักเป็นข้าราชการอยู่แทบทุกกระทรวง (โดยเฉพาะทหาร) ผมเข้าใจดีถึงความกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก แต่ถึงจุดหนึ่งคุณต้องกล้าที่จะออกมายืนข้างประชาชน เพราะข้าราขการคือข้ารับใช้ประชาชน ไม่ใช่เผด็จการหรือสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เงินเดือนข้าราชการมาจากประชาชน นั้นคือคุณธรรมที่ควรรักษา นั้นคือจริยธรรมทางอาชีพของข้าราชการ

อาจารย์ป๋วยปฏิเสธรับปฏิเสธรับดุษฎีบัณฑิต จาก มธ. เพราะสังคมไทยยังไม่มีความกระจ่างในเหตุการณ์ 6 ตุลาและถูกครอบงำโดยเผด็จการ ณ ขณะนั้น เพราะฉะนั้นสำหรับอาจารย์ป๋วยการโดดวิจารณ์ต่างๆ นาๆ ไม่ได้กวนใจท่านเท่ากับการเห็นเผด็จการครองบ้านครองเมือง (อ่านได้ในจดหมายของอาจารย์จอนถึงอาจารย์ธงชัย)

ถ้าอาจารย์ปริญญาและอาจารย์เกศสินีมีจิตวิญญาณและอุดมการณ์ได้สักครึ่งของอาจารย์ป๋วย (ซึ่งผมไม่เคยสงสัยในตัวอาจารย์ทั้ง 2 เลย) ท่านคงยินดีที่จะโดยไล่ออกหรือลาออกเองมากกว่าที่จะเห็นนักศึกษาของตัวเองโดยล้อมปราบหรือก้มหัวให้เผด็จการ

บ้านเมืองเราจะมีขื่อมีแปรได้ ไม่ใช่ด้วยการเชิดชูคนที่มีจริยธรรมและอุดมการณ์ ยอมหักแต่ไม่ยอมงอ และไม่ปล่อยให้คนคดโกง เห็นแก่ตัวได้ตั้งตัวเป็นใหญ่ ไม่ใช่หรือครับ?  


ใช่ครับ ผมไม่ได้เถียงเลยนะว่าเรื่องไหนมันควรจะเป็นหรือไม่ควรจะเป็น

แต่อธิการบดี ก็มีสิทธิ์ที่จะขี้ขลาด มีสิทธิ์ที่จะรักษาตำแหน่งหน้าที่การงานของตัวเอง ไม่ได้จำเป็นต้องตายไปตามอุดมการณ์ของท่าน

ท่านมีสิทธิ์ที่จะขี้ขลาด มีสิทธิ์ที่จะรักตัวเอง ทำไมอธิการบดีถึงไม่มีสิทธิ์นั้นล่ะครับ

ข้าราชการต้องรับใช้ประชาชน นั่นหมายถึงในฐานะหน้าที่การงานครับ เช่น อาจารย์มหาลัย สอนให้เต็มที่ ไม่จำเป็นต้องเลือกว่าจะต้องสนับสนุนประชาชนเรื่องแนวคิดทางการเมืองแบบใดแบบหนึ่ง ประชาชนที่มีแนวคิดทางการเมืองตรงข้ามกับท่านก็มีครับ การใช้ตำแหน่งข้าราชการรับใช้ประชาชนทางการเมืองแค่ฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ยิ่งผิดจริยธรรมทางอาชีพของข้าราชการ ผมไม่เถียงนะว่าตอนนี้มันเหมือนเผด็จการ แต่...ฝั่งตรงข้ามเค้าอ้างได้นะว่าได้มาจากการเลือกตั้ง(แบบไหนก็รู้ๆกันเนอะ)

ทุกวันนี้ผมก็เป็นข้าราชการ หน้าที่ผม ผมก็ทำไป ผมไม่ได้ใช้ความเป็นข้าราชการไปเพื่อเอื้อประโยชน์ทางการเมืองฝั่งใดฝั่งหนึ่งเลยครับ อันนี้ผมว่าเป็นสิ่งที่ข้าราชการควรทำมากกว่า คุณเคยเห็นข้าราชการออกมาเล่นการเมืองริมถนนแล้ว คุณไม่รู้สึกทุเรศเลยเหรอ ผมคิดว่าคุณน่าจะรู้สึกแบบเดียวกันนะ ถ้าข้าราชการใช้อำนาจของตัวเองเล่นการเมืองเพื่อผลประโยชน์ในฝั่งที่คุณสนับสนุน

ผมไม่ได้สนับสนุนประยุทธ์นะ ผมก็เห็นหลายๆอย่างคล้ายๆกับท่านนั่นแหละ เพียงแค่ผมรู้สึกว่าวิธีนี้มันเหมือนทำให้อีกฝ่ายชนะง่ายขึ้นมากกว่าแค่นั้นเอง  


มีสิทธิ์ครับ ทุกคนมีทางเลือก แต่เลือกแล้วก็ต้องน้อมรับคำวิจารณ์ให้ได้ ถ้าคำวิจารณ์ไหนไม่จริง ก็มีสิทธิ์อธิบาย แค่นั้นเอง

อย่างที่ผมบอก ผมไม่ได้เดือดกับแถลงการณ์ของ มธ. ถึงจะผิดหวังแต่ไม่ได้น่าประหลาดใจ

แต่สิ่งที่รับไม่ได้คือถ้า มธ. จะปิดปากนักศึกษา ห้ามจัดกิจกรรมในมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะของนักศึกษา แล้วไล่ให้นักศึกษาไปเสี่ยงข้างนอก ซึ่งก็ไม่ใช่สิ่งที่ มธ. จะทำตามแถลงการณ์ แต่กลับมีเพื่อนสมาชิกบางคนคอมเม้นสนับสนุนให้ มธ. ทำเช่นนั้น โดยอ้างถึงความเดือดร้อนของอธิการบดี

ถ้า มธ. จะทำเช่นนั้นจริง ก็ต้องยอมรับการโจมตีจากนักศึกษาและผู้ฝักใฝ่ประชาธิปไตยให้ได้

ในเรื่องข้าราชการ ตามที่ท่านกล่าว ข้าราชการไม่ควรใช้อำนาจในการเอื้อผลประโยชน์ให้ฝั่งการเมืองใด

เพราะฉะนั้นอธิการบดีก็ไม่ควรใช้อำนาจของตนในการเอื้อประโยชน์ให้แก่ฝ่ายรัฐบาล เพียงเพราะกลัวผลกระทบต่อหน้าที่การงานตัวเอง ไม่ใช่หรือ?

เพราะการชุมนุมในสถานศึกษาเป็นไปตามอำนาจที่รับรองโดยรัฐธรรมนูญ นักศึกษาไม่ได้ใช้อำนาจนอกเหนือจากรัฐธรรมนูญ แต่ถ้ารัฐบาลจะแทรกแทรงผ่านทางอำนาจของอธิการบดึ นั้นถึงจะเรียกว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ ใช่หรือไม่?  


ปัญหาคือเนื้อหาในการชุมนุมนั้นชอบด้วยกฏหมายรึเปล่า

ถ้าแค่เรียกร้องสิทธิ์ 3 ข้อที่เขียนในแถลงการณ์ของมหาลัยอ่ะมันไม่ผิดตามรัฐธรรมนูญ

แต่ถึงแม้ผมจะไม่ชอบ 112 แต่มันก็ยังคงเป็นกฎหมายที่ทางนักศึกษาได้ทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะผิดกฏหมายอยู่นะครับ ซึ่งไม่อยู่ใน 3 ข้อที่ตกลงกับทางมหาลัยเอาไว้ แค่สัญญาที่ให้ไว้กับทางมหาลัยยังให้ไว้ไม่ได้ ก็ไม่แปลกใจหรอกครับว่าทำไมเด็กๆถึงซื้อใจผู้ใหญ่หลายๆคนให้สนับสนุนให้เค้ามีเวทีไม่ได้

บอกตรงๆว่าผิดหวังกับความคิดที่สนใจแต่สิทธิของตัวเอง โดยไม่สนใจว่าจะสร้างความเดือดร้อนหรือไม่พอสมควรเลยครับจากการแลกเปลี่ยนในครั้งนี้  


นั้นแหละครับ จนถึงตอนนี้แม้แต่ทนายอานนท์ที่เปิดก่อนก็ยังไม่โดนข้อหาที่เกี่ยวข้องกับการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพใดๆ มีแต่ผิด พรบ. กับ พรก. ซึ่งน่าสนใจว่าเขาไม่สามารถโยงให้ผิดได้ (เพราะโดยเนื้อหามันไม่ผิด) หรือมีคำสั่งมาว่าไม่ให้ใช้

และถึงจะโดนจริงๆ ผมคิดว่าคนที่จะเดือดร้อนก็คือคนปราศรัยไม่ใช่อธิการบดี ไม่มีประสิทธิภาพอะไรที่จะต้องไปยุ่งกับอธิการบดีให้เกิดปัญหาตามมาทีหลัง การไปเล่นอธิการบดีแทนที่จะเล่นนักศึกษาตรงๆ มีแต่จะยิ่งเพิ่มแนวร่วมให้ฝ่ายนักศึกษา

คุณมีสิทธิ์ที่จะผิดหวังครับ ผมปฏิเสธสิทธิ์ของคุณไม่ได้ แต่ผมยืนยันว่า การที่ตัวเองโดนกดหัวแล้วไปกดหัวคนอื่นต่อ มันมีแต่จะทำให้วงจรอุบาทนี้ดำเนินไปไม่จบสิ้น และถึงผมจะเข้าใจแต่ผมก็ต้องยืนยันว่ามันผิด มันเป็นเรื่องของหลักการ

ในมุมของปัจเจคการจะเลือกทำอะไรด้วยเหตุจำเป็นอะไรก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่อะไรที่ผิดก็ต้องบอกว่าผิด อย่าพูดให้สิ่งที่ผิดกลายเป็นถูก ไม่งั้นหลักการมันจะผิดเพี้ยนไปหมด

ตำรวจเองก็คงอยากให้ผู้ชุมนุมเลิกประท้วง เพราะมันทำให้เขาเดือดร้อนเช่นกัน สารวัตรอาจจะโดนสั่งย้ายที่อนุญาตให้มีการชุมนุมเกิดขึ้นได้ในท้องที่ของตัวเอง ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญของประชาชน ถ้าเรายอมรับหลักการนี้ สิทธิในการชุมนุมก็จะหายไปเช่นกัน
 
 


ครับ แต่ผมก็เชื่อในสัจจะของคนครับ

คนที่ไม่ทำตามสัญญา ยังไงก็ไม่มีทางที่จะทำให้คนอื่นเขื่อต่อไปในอนาคตครับ

จะอ้างว่าโดนกดหัวก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่เหมาะสมอยู่ดีครับ การที่เราไปสัญญากับใครว่าจะจัดชุมนุมพูดเรื่องนึง พอได้ชุมนุมจริงแล้วพูดอีกเรื่องนึง ยังไงมันก็ไม่มีทางที่จะเป็นสิ่งที่ซื้อใจคนได้หรอก

ส่วนการตัดวงจรที่กดหัวคนต่อๆกันเป็นทอดๆ มีที่สาธารณะมากมาย มีช่องทางมากมายที่คุณสามารถจะใช้สิทธิ์ของคุณได้ โดยไม่เดือดร้อนคนอื่น ถ้าจะใช้สิทธิ์โดยยืนยันให้คนอื่นเดือดร้อนไปยังไงผมก็ไม่เห็นด้วยครับ

ถ้าขุมนุมกันในกรอบตามกรอบของประชาธิปไตยจริงๆ ชุมนุมในเนื้อหาที่สัญญาไว้จริงๆ ผมว่ามันไม่มีประเด็นอะไรกับอธิการบดีหรอกครับ

อธิการบดีเค้าอยู่ในสปอทไลท์ ส่วนนักศึกษาอยู่ในที่มืด พูดไปก็คงไม่มีทางเข้าใจกันได้ เพราะคุณคิดไปเองว่าอธิการบดีน่าจะพร้อมที่จะโดนไล่ออก พร้อมที่จะลาออก จากตำแหน่ว... ผมถามจริงๆ คุณกล้าไปลาออกจากงานเลยมั้ยพรุ่งนี้ ถ้ากล้าได้ขนาดนั้นค่อยเอามาพูดเถอะ ผมไม่เข้าใจความคิดของคุณเลยจริงๆ เค้าทำงานมากี่ปีกว่าจะได้ตำแหน่งสูงขนาดนี้เงินเดือนสูงขนาดนี้ คุณกลับกล้าให้เค้าทิ้งเงินตรงนี้เพื่อสนองตัณหาทางการเมืองของคุณ

ผมงงใจคุณจริงๆนะ เงินเดือนอธิการบดี อย่างต่ำเดือนละแสน คุณกล้าทิ้งเงินตรงนี้จริงๆเหรอครับ อันนี้ถามจริงๆนะ

ผมไม่รู้นะว่าคุณทำงานได้เงินเดือนเท่าไร แต่เงินปีละล้าน ให้คุณทิ้งไปเฉยๆ คุณรับได้จริงๆเหรอ ถ้ารับได้ลองเอามาบริจาคผมก็ได้นะ 555

หรือถ้าเค้าลาออกมาจริงๆ ม็อบนักศึกษารับดูแลรับเลี้ยงครอบครัวเค้ามั้ย...ก็ไม่  


คนที่อยู่ในรายชื่อเฝ้าระวังของรัฐบาลคือเหล่าคนที่ขึ้นปราศรัยในวันนั้นต่างหากครับ ถามจริงถ้าไม่ discuss กับผมจะรู้ไหมว่าอาจารย์้เกศสินีเป็นใคร คนที่อยู่ในสปอร์ตไลท์คือพวกเด็กที่ขึ้นไปปราศรัยต่างหาก

ถ้าผมถูกสั่งไม่ให้ไปชุมนุม ผมลาออกครับ ไม่ต้องใช้เวลาตัดสินใจนานเลย ยิ่งถ้ามีพื้นฐานดี เงินเดือนสูง ยิ่งตัดสินใจง่าย เพราะต้นทุนทางสังคมดี คนที่มีความสามารถในระดับนี้ หางานใหม่ไม่ได้ยากเลยครับ แม้จะได้ค่าตอบแทนไม่เท่าเดิม ก็ไม่ได้ลดลงจนน่าใจหาย คนที่น่าเห็นใจกว่าคือข้าราชการชั้นผู้น้อยที่ต้องโดนบีบด้วยภาระต่างๆ ด้วยซ้ำ

อีกอย่างผมไม่ได้มโนว่าอาจารย์ทั้ง 2 ท่านพร้อมจะลาออก แต่ผม "คาดหวัง" ให้เขายึดมั่นในอุดมการณ์มากกว่าผลประโยชน์ส่วนตน อันนี้ต้องอ่านตีความใหม่นะครับ ซึ่งถ้าไม่เป็นตามที่ผมคาดหวัง ผมก็บอกอยู่ว่าน่าผิดหวังมาก เพราะคนที่เป็นระดับอธิการบดีของมหาวิทยาลัยที่อยู่เคียงข้างการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมาทุกยุคทุกสมัย กลับเลือกกอดเงินเดือนและตำแหน่งมากกว่าอุดมการณ์ คงจะน่าผิดหวังในทุกมิติมากๆ โดยเฉพาะอาจารย์ปริญญาที่เป็นแกนนำนักศึกษาตอนพฤษภาทมิฬ 53 ทั้งสาขาวิชาที่เหล่าเรียนมา ทั้งวิชาที่ตัวเองสอน น่าผิดหวังแต่ก็ไม่ได้น่าประหลาดใจ เพราะคนที่เห็นแก่เงินเดือนและตำแหน่งก็มีอยู่เต็มไปหมดในสังคมไทยอยู่แล้ว เราถึงไม่เคยเห็นจิตสำนึกในความรับผิดชอบโดยการประกาศลาออกจากตำแหน่งในสังคมไทย

ถ้าอาจารย์ปริญญาลาออกแล้วสิ้นเนื้อประดาตัวจริง มาหาผมได้เลยครับ ถึงจะไม่ได้สุขสบายเท่าเก่า แต่ครอบครัวผม support ได้แน่ แต่มันไม่มีทางเกินขึ้นจริง เพราะเราต่างรู้ดีอยู่แก่ใจว่าทั้งอาจารย์ปริญญาและอาจารย์เกศมีทรัพสินในครอบครองและมีความสามารถทางเศรษฐกิจมากกว่าผมเยอะมากๆ ไม่มีความจำเป็นอะไรเลยที่อาจารย์ทั้งสองท่านจะต้องมาพึงพาผมหรือนักศึกษาคนไหนๆ

ผมก็เห็นด้วยว่าคุยกันไปคงไม่เข้าใจกัน เพราะสำหรับคุณเงินเดือน ตำแหน่ง สำคัญกว่าอุดมการณ์

แต่สำหรับผมอุดมการณ์ทางการเมือง และจิตสำนึกต่ออนาคตของลูกหลานในประเทศนี้สำคัญกว่ามาก

เราสามารถยอมรับในความต่างนี้ได้ และปล่อยให้สังคมตัดสินเอาเอง (agree in disagree)

โอเคไหมครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Wolvesgangster เมื่อ Wed Aug 12, 2020 00:47, ทั้งหมด 7 ครั้ง
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
คอมเมนเตเตอร์
Status: ^_^
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 01 Dec 2005
ตอบ: 15058
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Aug 12, 2020 01:00
[RE: มธ.แถลงเสียใจ-ขอโทษกรณีเวที 10 ส.ค.]
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
Silence พิมพ์ว่า:
Spoil
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
Silence พิมพ์ว่า:
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
Silence พิมพ์ว่า:
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
Silence พิมพ์ว่า:
Spoil
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
Silence พิมพ์ว่า:
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
Silence พิมพ์ว่า:
Spoil
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
Wolvesgangster พิมพ์ว่า:
SerpentZ พิมพ์ว่า:
ถ้าใครคิดว่าการที่ มธ. ออกมามันไม่ถูกใจ

ทำไมไม่ลองโพสสิ่งที่ตัวเองต้องการตรงๆ ในเฟส

เปิดสาธารณะให้คนเข้ามาคุยเรื่องนั้น

ลองทำในพื้นที่ตัวเองก็จะรู้เอง


ฝ่ายบริหาร มธ. เค้าก็คนปกติทั่วไป

ยัวต้องกินต้องใช้ ยังมีครอบครัวให้เลี้ยง

แต่ต้องเป็นคนรับหน้าเพราะเป็นเจ้าของสถานที่

กับคนชุมนุมที่หลายคนปิดหน้าไม่ต้องรับผลกระทบอะไร

ชุมนุมจบกลับบ้านนอนสบายใจ ในขณะที่อีกคนแทบเท้าก่ายหน้าฝาก


ผมว่าการชุมนุมแบบใช้สถานที่แบบมหาลัยพวกนี้

ถ้าทำได้ก็อย่าไปยุ่งเรื่องที่ตอนนี้มันยังผิดกฎหมายเลย

ถ้าอยากยุ่งไปพวกอนุเสาวรีย์อะไรพวกนี้ดีกว่า











 


มาอีกละตรรกกะเอาไปโพสหน้าเฟส โคตรน่ารำคาญ ตัวเองขี้ขลาดอย่าคิดว่าคนอื่นเขาจะขี้ขลาดเหมือนกัน

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นของผู้บริหารหรอ?
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ตั้งขึ้นมาเพื่ออะไร?
ใครเป็นคนตั้ง? ตั้งเพื่ออะไร?
อาจารย์ปรีดี อาจารย์ป๋วย รู้จักไหม?
จิตวิญญาณธรรมศาสตร์คืออะไร?
รายได้หลักของมหาวิทยาลัยได้จากใคร?
ชื่อก่อนเปลี่ยนเป็นมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชื่ออะไร?

ตอบ  


ก็เชิญไปโพสเลยสิ โพสเต็มๆ เลยอย่ากั้กไว้

มธ. อาจไม่ใช่ของผู้บริหาร

แต่สิ่งที่พวกคุณทำมันเสี่ยงต่อหน้าที่การงานเค้า

อยากทำอะไรทำเลยสิทธิ์พวกคุณ

แต่มันต้องไม่กระทบกับคนอื่น

ไม่ต้องมาถามหรอกประวัติพวกนั้น

ถามตัวคุณเองดีกว่า

ว่าสิ่งที่ทำมันทำให้คนอื่นเดือดร้อนมั้ย

ผมไม่ได้ห้ามให้คุณทำ แต่ถ้าอยากทำมันต้องไม่มี

คนที่มันไม่รู้เรื่องมาเดือดร้อนด้วย

เรื่องง่ายๆ แค่นี้ยังแยกแยะไม่ได้ยังกว่ามาว่าตรรกะคนอื่น

จักวาลหมุนรอบตัวเองสินะคนแบบคุณ  


โพสอยู่แล้วครับ แสดงออกทุกที่นั้นแหละ ปากไม่ได้โดนเย็บติดไว้

แล้วที่บอกกระทบกับคนอื่นนี้กระทบกับใครครับ
กับผู้บริหาร?
กระทบยังไง?
ผู้บริหารจะโดนคุกคาม?
ผู้บริหารจะโดนไล่ออก?
ด้วยอำนาจอะไรครับ?
อำนาจนอกเหนือกฏหมายใช่หรือไม่?

ถ้างั้นใครกันแน่ที่ละเมิดสิทธิ์คนอื่นจนเคยตัว
ใครกันที่คุกคามสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของคนอื่น

ตอบได้ไหมครับ

แล้วอย่าเลี่ยงคำถามครับ ตอบไม่ได้ก็บอก ไม่รู้ก็บอก จะได้ตอบให้ ไม่ต้องแถไปเรื่องอื่น ทำตัวเป็นผู้นำเหล่าทัพไปได้  

 

ผมพูดกับคนที่ห้าวๆเรื่องที่อยากให้ปรับเปลี่ยนเกี่ยวกับกษัตริย์ตลอดนะ ว่าช่วยเปิดหน้าลุยเลยครับ

ลองล่าลายชื่อให้ตัวเองเป็นแกนนำ ส่งเลขบัตรประชาชนตัวเองเพื่อขอแก้กฏหมายเลยครับ อันนี้คือทำตามระบบ และไม่เดือดร้อนใคร

ไม่เอาแบบล่ารายชื่อทางทวิตเตอร์หรือ Change.org ที่ไม่เกิดผลอะไรนะครับ

เอาแบบล่ารายชื่อ 50,000 รายชื่อแก้กฏหมายเลยครับ เอาตัวเองเป็นแกนนำเลย แล้วจะถูกอุ้มหายทั้งบ้านรึเปล่าก็ไม่รู้นะ แต่ถ้าผู้บริหาร มธ หรือเจ้าของเว็บปล่อยไป แล้วเค้าไม่อยากเสี่ยง เค้าเลยต้องทำแบบนี้ ก็อยากให้เจ้าใจเค้ามากกว่า

ถ้าตัวเองอยากเสี่ยง เปิดหน้าแลก เป็นแกนนำล่ารายชื่อขอเปลี่ยนกฏหมายเลยครับ เปิดหน้าเลย

แต่ถ้าิดว่าตัวเองยังกลัวโดนอุ้มอยู่ ก็ให้เข้าใจคนที่กลัวด้วยครับ การเปิดหน้าแลกกับคนที่มีอำนาจสูงสุดในประเทศ ต้องอาศัยความกล้าอย่างมาก อยากรู้เหมือนกันว่าคุณจะกล้าทำมั้ย  


ผมก็พูดกับคนที่เหยียบเรือสองแคมแบบคุณตลอดว่า ถ้างั้นก็รับคำวิจารณ์ให้ได้ว่า สู้ไปกราบไป

แล้วไอ้นิสัยท้าทายคนอื่นไปเสี่ยงอันตรายเนี่ย เลิกซะ มันสะท้อนตรรกะที่ยอมรับความอยุติธรรมในสังคม

แล้วก็บอกไว้ก่อนว่าที่ผมเดือดตอนนี้ไม่ใช่เพราะแถลงการณ์ของ มธ. ไปดูกระทู้อื่น ผมก็ปกป้องอาจารย์ปริญญา ไม่ใช่ว่าผมไม่เข้าใจ

แต่ที่เดือดเพราะมันมีไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้ มาคอมเม้นให้นักศึกษาออกไปชุมนุมข้างนอกมหาวิทยาลัย

ที่บอกว่าผู้บริหารต้องรับผิดชอบแทนนักศึกษาคือยังไง? แบบไหน?
ข้อกฏหมายมันมีอยู่ แล้วสิ่งที่ปราศรัยมันผิดกฏหมายอาญาข้อไหน?
แล้วผู้บริหารก็ออกมาชี้แจงแล้วว่าผู้ชุมนุมต้องรับผิดชอบเนื้อหาการปราศรัยที่นอกเหนือขอบเขตกฏหมายเอาเอง แล้วผู้บริหารจะเดือดร้อนไปด้วยได้ยังไง?  


เห็นโพสว่าตัวเองกล้าอย่างนู้นกล้าอย่างงี้ ก็เสนอแนวทางคนกล้าที่แท้จริงให้ สุดท้ายก็รักตัวกลัวตาย

ถ้าทำแบบนี้ไอ้ที่ด่าผู้บริหาร มธ ก็ถมน้ำลายใส่หน้าตัวเองนี่หว่า

ถ้าท่านชุมนุมในมหาลัยแล้วผู้บริหารมหาลัยไม่เดือดร้อน ก็ไม่มีแถลงการณ์ฉบับนี้ออกมาหรอก

ท่านทำแบบนี้คือท่านกำลังซุกข้างหลังผู้บริหารมหาลัยที่ท่านด่าว่าขี้ขลาดอยู่

ส่วนคุณคนกล้าบนคีย์บอร์ด ก็หลบอยู่หลังผู้บริหารที่คุณด่าว่าขี้ขลาดนั่นแหละ

สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นยังชี้หน้าด่าเค้าขี้ขลาดอีกเนอะ คุณคนกล้า  


ผมถามไปตั้งเยอะว่าสรุปว่า ผู้บริหาร มธ. เดือดร้อนยังไง เห็นมีแต่คำตอบเลี่ยงว่าถ้าไม่เดือดร้อนก็ไม่มีแถลงการณ์ แล้วสรุปเดือดร้อนยังไง

แล้วที่บอกว่าหลบหลังผู้บริหารอะ ถ้าเกิดการปราศรัยผิดกฏหมายจริง ใครจะโดนหมายเรียกหรือหมายจับระหว่าง

1. ผู้ปราศรัย
2. ผู้บริหาร

ผมถามไปกี่รอบแล้ว มีใครตอบคำถามตรงๆ ได้มั้งยัง เห็นมีแต่เลี่ยงแถไปประเด็นนู้นประเด็นนี้

ตอนแรกผมขี้เกียจอธิบายนะ เพราะมันนอกประเด็นผม แต่การจะ "แก้ไข" รัฐธรรมนูญ มันไม่ได้เริ่มจากการล่ารายชื่อประชาชน การล่ารายชื่อประชาชนทำในการเสนอ "ข้อกฏหมายเพิ่มเติม" ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฏหมาย

ถ้าจะ "แก้ไข" รัฐธรรมนูญ ต้องกระทำผ่านสภา โดยเสนอญัตตเข้าชื่อ สส. จำนวนหนึ่ง (จำจำนวนไม่ได้) และมาตราที่จะแก้ไขต้องไม่เกี่ยวกับระบอบการปกครองและอำนาจของพระมหากษัตริย์

เพราะฉะนั้นไอ้ข้อเสนอที่คุณเสนอมามันไม่ได้ถูกต้องตามอำนาจรัฐธรรมนูญ ซึ่งจริงๆ ก็น่าจะเข้าใจเพราะว่าถ้าแค่ล่ารายชื่อ 50,000 ชื่อ แล้วมาเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติของคน 60 ล้านคนมันสมเหตุสมผลไหม

เพราะงั้นมันถึงต้องทำผ่านกระบวนการทางรัฐสภา ที่เป็นตัวแทนเสียงของคนทั้งประเทศ แต่มันมี สส. หน้าไหนกล้าเสนอไหม

ดังนั้นสิ่งที่อาจารย์ปวิน และ สสจ. พยายามเรียกร้องให้ทำมาตลอดคือการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์อย่างตรงไปตรงมาด้วยความเคารพ บนพื้นที่สาธารณะ เพื่อที่จะเริ่มต้นจากภาคประชาชน

ถามว่าผมกล้าขนาดให้ใส่เสื้อ "เราหมดศรัทธาในสถาบันฯ" แบบพี่คนนั้นไหม ผมไม่กล้า แต่ผมก็ไม่ได้เรียกร้องสิ่งนั้นจากคนอื่น สิ่งที่ผมเรียกร้องไม่ต่างจากที่ปวินและ สสจ. เสนอ คือเราต้องกล้าที่จะยืนยันว่าประชาชนมีสิทธิ์ที่จะวิพากษ์วิจารณ์สถาบันอย่างเคารพได้ ซึ่งผมยืนยัน นอนยัน อยู่ตลอด ผมวิพากษ์วิจารณ์อย่างตรงไปตรงมาเหมือนที่ทำอยู่ตอนนี้ ไปดูประวัติการตอบ ผมแทบไม่เคยเล่นมุขสองแง่สองง่าม ผมวิจารณ์โดยสุจริต แม้จะเลี่ยงการเอ่ยถึงตรงเพื่อเพราะเกรงใจ WM ซึ่งไม่ต่างอะไรกับที่ผมทำในพื้นที่สาธารณะทั้งในโซเชียลมิเดียและชีวิตจริง สิ่งที่ผมพูดไม่ได้ต่างอะไรมากกับสิ่งที่ อาจารย์ธงชัยพูด อาจารย์ศิวลักษณ์พูด อาจารย์นิธิพูด ซึ่งทุกคนก็พูดตามปกติในสังคมไทย

ซึ่งตอนนี้มันเกิดขึ้นแล้วด้วยความกล้าหาญของเด็กรุ่นนี้ อยู่ที่ว่า สส. จะรับลูกไปในสภาต่อหรือไม่

ผมยกที่ผม edit มาอีกรอบ เผื่อคุณไม่เห็น
จากมุมมองผม อธิการบดี มธ. ไม่เห็นจะเดือดร้อนจนถึงขนาดห้ามนักศึกษาจัดกิจกรรมต่อ แต่ทำไมพวกคุณดูเดือดร้อนยิ่งกว่าตัวอธิการบดีเองอีก

คล้ายกับปัญหาของกฏหมาย 112 คนที่โดนที่วิพากษ์วิจารณ์กลับไม่ใช่คนที่ใช้กฏหมายนี้ แต่คนที่ใช้กฏหมายนี้กลับเป็นคนที่ไม่ได้ถูกวิจารณ์ ทำไมคนที่เป็นเดือนเป็นร้อนจากการวิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ใช่พระมหากษัตริย์ แต่กลับเป็นคนที่พยายามโหนสถาบันลงมาโจมตีผู้คิดต่างทางการเมือง

พวกคุณเป็นห่วง อธิการบดี มธ. จริงๆ หรือแค่กำลังพยายามโหนอธิการบดี มธ. มาเพื่อสร้างความชอบธรรมในการปิดปากนักศึกษาไม่ให้พูดถึงเรื่องสถาบันฯ โดยตรง

อยากจะอธิบายในประเด็นนี้ไหม?  
 


เดี๋ยวปล่อยไว้ซักพัก มีข่าวอธิการโดนย้ายด้วยเหตุผลอื่นๆ

ท่านก็น่าจะรุ้ว่าเค้าคุมราชการด้วยวิธีการนี้อยู่ ซึ่งข้าราชการก็กลืนไม่เข้า คายไม่ออกกับเรื่องนี้

สังคมเรามันไม่ได้ยุติธรรมแบบที่พวกเราก็รู้ๆกันอยู่

แค่โดนย้ายก็เดือดร้อนแล้ว ไม่ต้องยกเรื่องหมายจับอะไรหรอก

จำที่อาจารย์ป๋วยได้มั้ยครับ โดนด่ามันจากทั้ง 2 ฝั่ง ทั้งหาว่าหนุนนักศึกษา หาว่าขัดขวางนักศึกษา

ผมเขียนไว้ชัดเจนนะ ว่าผู้บริหารมหาลัยมีแต่จะลำบากใจเพราะยังไงก็เอาใจทั้ง 2 ฝ่ายไม่ได้อยู่แล้ว และยังไงก็โดนบีบจากทั้ง 2 ทาง

ผมไม่ได้สนใจเรื่องการปิดปากนักศึกษาหรอก ผมรู้อยู่แล้วว่ามันปิดปากไม่ได้ ถ้าคิดว่าปิดปากได้ เข้าทวิตเตอร์ 20 นาทีก็รู้เรื่องหมดแล้ว แค่นักศึกษาบรรลุนิติภาวะแล้ว ก็น่าจะแยกแยะได้ว่าอะไรทำให้คนอื่นเดือดร้อน ซึ่งเป็นเรื่องพื้นฐานของเสรีภาพ  


ผมถึงบอกไงครับว่าไม่ใช่ว่าผมไม่เข้าใจ แต่ถ้าเลือกที่จะอยู่เป็นแล้วก็ต้องยอมรับคำวิจารณ์ให้ได้ ท่านด่าผมขี้ขลาด ผมเถียงสักคำไหมว่าผมกล้าหาญชาญชัย แต่ผมมีจุดยืน ผมมีเส้นว่าผมถอยได้แค่ไหน แค่ไหนผมจะไม่ยอมถอยอีก ผมยืนยันว่าการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันอย่างสุจริตและเคารพ ไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง เป็นสิ่งที่ควรกระทำได้อย่างเปิดเผยในที่สาธารณะ และที่ผมกล้ายืนยันเพราะผมก็ทำสิ่งนั้นเช่นกัน

ผมเคยตอบกระทู้หนึ่งไปแล้วว่า ผมมีคนรู้จักเป็นข้าราชการอยู่แทบทุกกระทรวง (โดยเฉพาะทหาร) ผมเข้าใจดีถึงความกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก แต่ถึงจุดหนึ่งคุณต้องกล้าที่จะออกมายืนข้างประชาชน เพราะข้าราขการคือข้ารับใช้ประชาชน ไม่ใช่เผด็จการหรือสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เงินเดือนข้าราชการมาจากประชาชน นั้นคือคุณธรรมที่ควรรักษา นั้นคือจริยธรรมทางอาชีพของข้าราชการ

อาจารย์ป๋วยปฏิเสธรับปฏิเสธรับดุษฎีบัณฑิต จาก มธ. เพราะสังคมไทยยังไม่มีความกระจ่างในเหตุการณ์ 6 ตุลาและถูกครอบงำโดยเผด็จการ ณ ขณะนั้น เพราะฉะนั้นสำหรับอาจารย์ป๋วยการโดดวิจารณ์ต่างๆ นาๆ ไม่ได้กวนใจท่านเท่ากับการเห็นเผด็จการครองบ้านครองเมือง (อ่านได้ในจดหมายของอาจารย์จอนถึงอาจารย์ธงชัย)

ถ้าอาจารย์ปริญญาและอาจารย์เกศสินีมีจิตวิญญาณและอุดมการณ์ได้สักครึ่งของอาจารย์ป๋วย (ซึ่งผมไม่เคยสงสัยในตัวอาจารย์ทั้ง 2 เลย) ท่านคงยินดีที่จะโดยไล่ออกหรือลาออกเองมากกว่าที่จะเห็นนักศึกษาของตัวเองโดยล้อมปราบหรือก้มหัวให้เผด็จการ

บ้านเมืองเราจะมีขื่อมีแปรได้ ไม่ใช่ด้วยการเชิดชูคนที่มีจริยธรรมและอุดมการณ์ ยอมหักแต่ไม่ยอมงอ และไม่ปล่อยให้คนคดโกง เห็นแก่ตัวได้ตั้งตัวเป็นใหญ่ ไม่ใช่หรือครับ?  


ใช่ครับ ผมไม่ได้เถียงเลยนะว่าเรื่องไหนมันควรจะเป็นหรือไม่ควรจะเป็น

แต่อธิการบดี ก็มีสิทธิ์ที่จะขี้ขลาด มีสิทธิ์ที่จะรักษาตำแหน่งหน้าที่การงานของตัวเอง ไม่ได้จำเป็นต้องตายไปตามอุดมการณ์ของท่าน

ท่านมีสิทธิ์ที่จะขี้ขลาด มีสิทธิ์ที่จะรักตัวเอง ทำไมอธิการบดีถึงไม่มีสิทธิ์นั้นล่ะครับ

ข้าราชการต้องรับใช้ประชาชน นั่นหมายถึงในฐานะหน้าที่การงานครับ เช่น อาจารย์มหาลัย สอนให้เต็มที่ ไม่จำเป็นต้องเลือกว่าจะต้องสนับสนุนประชาชนเรื่องแนวคิดทางการเมืองแบบใดแบบหนึ่ง ประชาชนที่มีแนวคิดทางการเมืองตรงข้ามกับท่านก็มีครับ การใช้ตำแหน่งข้าราชการรับใช้ประชาชนทางการเมืองแค่ฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ยิ่งผิดจริยธรรมทางอาชีพของข้าราชการ ผมไม่เถียงนะว่าตอนนี้มันเหมือนเผด็จการ แต่...ฝั่งตรงข้ามเค้าอ้างได้นะว่าได้มาจากการเลือกตั้ง(แบบไหนก็รู้ๆกันเนอะ)

ทุกวันนี้ผมก็เป็นข้าราชการ หน้าที่ผม ผมก็ทำไป ผมไม่ได้ใช้ความเป็นข้าราชการไปเพื่อเอื้อประโยชน์ทางการเมืองฝั่งใดฝั่งหนึ่งเลยครับ อันนี้ผมว่าเป็นสิ่งที่ข้าราชการควรทำมากกว่า คุณเคยเห็นข้าราชการออกมาเล่นการเมืองริมถนนแล้ว คุณไม่รู้สึกทุเรศเลยเหรอ ผมคิดว่าคุณน่าจะรู้สึกแบบเดียวกันนะ ถ้าข้าราชการใช้อำนาจของตัวเองเล่นการเมืองเพื่อผลประโยชน์ในฝั่งที่คุณสนับสนุน

ผมไม่ได้สนับสนุนประยุทธ์นะ ผมก็เห็นหลายๆอย่างคล้ายๆกับท่านนั่นแหละ เพียงแค่ผมรู้สึกว่าวิธีนี้มันเหมือนทำให้อีกฝ่ายชนะง่ายขึ้นมากกว่าแค่นั้นเอง  


มีสิทธิ์ครับ ทุกคนมีทางเลือก แต่เลือกแล้วก็ต้องน้อมรับคำวิจารณ์ให้ได้ ถ้าคำวิจารณ์ไหนไม่จริง ก็มีสิทธิ์อธิบาย แค่นั้นเอง

อย่างที่ผมบอก ผมไม่ได้เดือดกับแถลงการณ์ของ มธ. ถึงจะผิดหวังแต่ไม่ได้น่าประหลาดใจ

แต่สิ่งที่รับไม่ได้คือถ้า มธ. จะปิดปากนักศึกษา ห้ามจัดกิจกรรมในมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะของนักศึกษา แล้วไล่ให้นักศึกษาไปเสี่ยงข้างนอก ซึ่งก็ไม่ใช่สิ่งที่ มธ. จะทำตามแถลงการณ์ แต่กลับมีเพื่อนสมาชิกบางคนคอมเม้นสนับสนุนให้ มธ. ทำเช่นนั้น โดยอ้างถึงความเดือดร้อนของอธิการบดี

ถ้า มธ. จะทำเช่นนั้นจริง ก็ต้องยอมรับการโจมตีจากนักศึกษาและผู้ฝักใฝ่ประชาธิปไตยให้ได้

ในเรื่องข้าราชการ ตามที่ท่านกล่าว ข้าราชการไม่ควรใช้อำนาจในการเอื้อผลประโยชน์ให้ฝั่งการเมืองใด

เพราะฉะนั้นอธิการบดีก็ไม่ควรใช้อำนาจของตนในการเอื้อประโยชน์ให้แก่ฝ่ายรัฐบาล เพียงเพราะกลัวผลกระทบต่อหน้าที่การงานตัวเอง ไม่ใช่หรือ?

เพราะการชุมนุมในสถานศึกษาเป็นไปตามอำนาจที่รับรองโดยรัฐธรรมนูญ นักศึกษาไม่ได้ใช้อำนาจนอกเหนือจากรัฐธรรมนูญ แต่ถ้ารัฐบาลจะแทรกแทรงผ่านทางอำนาจของอธิการบดึ นั้นถึงจะเรียกว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ ใช่หรือไม่?  


ปัญหาคือเนื้อหาในการชุมนุมนั้นชอบด้วยกฏหมายรึเปล่า

ถ้าแค่เรียกร้องสิทธิ์ 3 ข้อที่เขียนในแถลงการณ์ของมหาลัยอ่ะมันไม่ผิดตามรัฐธรรมนูญ

แต่ถึงแม้ผมจะไม่ชอบ 112 แต่มันก็ยังคงเป็นกฎหมายที่ทางนักศึกษาได้ทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะผิดกฏหมายอยู่นะครับ ซึ่งไม่อยู่ใน 3 ข้อที่ตกลงกับทางมหาลัยเอาไว้ แค่สัญญาที่ให้ไว้กับทางมหาลัยยังให้ไว้ไม่ได้ ก็ไม่แปลกใจหรอกครับว่าทำไมเด็กๆถึงซื้อใจผู้ใหญ่หลายๆคนให้สนับสนุนให้เค้ามีเวทีไม่ได้

บอกตรงๆว่าผิดหวังกับความคิดที่สนใจแต่สิทธิของตัวเอง โดยไม่สนใจว่าจะสร้างความเดือดร้อนหรือไม่พอสมควรเลยครับจากการแลกเปลี่ยนในครั้งนี้  


นั้นแหละครับ จนถึงตอนนี้แม้แต่ทนายอานนท์ที่เปิดก่อนก็ยังไม่โดนข้อหาที่เกี่ยวข้องกับการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพใดๆ มีแต่ผิด พรบ. กับ พรก. ซึ่งน่าสนใจว่าเขาไม่สามารถโยงให้ผิดได้ (เพราะโดยเนื้อหามันไม่ผิด) หรือมีคำสั่งมาว่าไม่ให้ใช้

และถึงจะโดนจริงๆ ผมคิดว่าคนที่จะเดือดร้อนก็คือคนปราศรัยไม่ใช่อธิการบดี ไม่มีประสิทธิภาพอะไรที่จะต้องไปยุ่งกับอธิการบดีให้เกิดปัญหาตามมาทีหลัง การไปเล่นอธิการบดีแทนที่จะเล่นนักศึกษาตรงๆ มีแต่จะยิ่งเพิ่มแนวร่วมให้ฝ่ายนักศึกษา

คุณมีสิทธิ์ที่จะผิดหวังครับ ผมปฏิเสธสิทธิ์ของคุณไม่ได้ แต่ผมยืนยันว่า การที่ตัวเองโดนกดหัวแล้วไปกดหัวคนอื่นต่อ มันมีแต่จะทำให้วงจรอุบาทนี้ดำเนินไปไม่จบสิ้น และถึงผมจะเข้าใจแต่ผมก็ต้องยืนยันว่ามันผิด มันเป็นเรื่องของหลักการ

ในมุมของปัจเจคการจะเลือกทำอะไรด้วยเหตุจำเป็นอะไรก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่อะไรที่ผิดก็ต้องบอกว่าผิด อย่าพูดให้สิ่งที่ผิดกลายเป็นถูก ไม่งั้นหลักการมันจะผิดเพี้ยนไปหมด

ตำรวจเองก็คงอยากให้ผู้ชุมนุมเลิกประท้วง เพราะมันทำให้เขาเดือดร้อนเช่นกัน สารวัตรอาจจะโดนสั่งย้ายที่อนุญาตให้มีการชุมนุมเกิดขึ้นได้ในท้องที่ของตัวเอง ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญของประชาชน ถ้าเรายอมรับหลักการนี้ สิทธิในการชุมนุมก็จะหายไปเช่นกัน
 
 


ครับ แต่ผมก็เชื่อในสัจจะของคนครับ

คนที่ไม่ทำตามสัญญา ยังไงก็ไม่มีทางที่จะทำให้คนอื่นเขื่อต่อไปในอนาคตครับ

จะอ้างว่าโดนกดหัวก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่เหมาะสมอยู่ดีครับ การที่เราไปสัญญากับใครว่าจะจัดชุมนุมพูดเรื่องนึง พอได้ชุมนุมจริงแล้วพูดอีกเรื่องนึง ยังไงมันก็ไม่มีทางที่จะเป็นสิ่งที่ซื้อใจคนได้หรอก

ส่วนการตัดวงจรที่กดหัวคนต่อๆกันเป็นทอดๆ มีที่สาธารณะมากมาย มีช่องทางมากมายที่คุณสามารถจะใช้สิทธิ์ของคุณได้ โดยไม่เดือดร้อนคนอื่น ถ้าจะใช้สิทธิ์โดยยืนยันให้คนอื่นเดือดร้อนไปยังไงผมก็ไม่เห็นด้วยครับ

ถ้าขุมนุมกันในกรอบตามกรอบของประชาธิปไตยจริงๆ ชุมนุมในเนื้อหาที่สัญญาไว้จริงๆ ผมว่ามันไม่มีประเด็นอะไรกับอธิการบดีหรอกครับ

อธิการบดีเค้าอยู่ในสปอทไลท์ ส่วนนักศึกษาอยู่ในที่มืด พูดไปก็คงไม่มีทางเข้าใจกันได้ เพราะคุณคิดไปเองว่าอธิการบดีน่าจะพร้อมที่จะโดนไล่ออก พร้อมที่จะลาออก จากตำแหน่ว... ผมถามจริงๆ คุณกล้าไปลาออกจากงานเลยมั้ยพรุ่งนี้ ถ้ากล้าได้ขนาดนั้นค่อยเอามาพูดเถอะ ผมไม่เข้าใจความคิดของคุณเลยจริงๆ เค้าทำงานมากี่ปีกว่าจะได้ตำแหน่งสูงขนาดนี้เงินเดือนสูงขนาดนี้ คุณกลับกล้าให้เค้าทิ้งเงินตรงนี้เพื่อสนองตัณหาทางการเมืองของคุณ

ผมงงใจคุณจริงๆนะ เงินเดือนอธิการบดี อย่างต่ำเดือนละแสน คุณกล้าทิ้งเงินตรงนี้จริงๆเหรอครับ อันนี้ถามจริงๆนะ

ผมไม่รู้นะว่าคุณทำงานได้เงินเดือนเท่าไร แต่เงินปีละล้าน ให้คุณทิ้งไปเฉยๆ คุณรับได้จริงๆเหรอ ถ้ารับได้ลองเอามาบริจาคผมก็ได้นะ 555

หรือถ้าเค้าลาออกมาจริงๆ ม็อบนักศึกษารับดูแลรับเลี้ยงครอบครัวเค้ามั้ย...ก็ไม่  


คนที่อยู่ในรายชื่อเฝ้าระวังของรัฐบาลคือเหล่าคนที่ขึ้นปราศรัยในวันนั้นต่างหากครับ ถามจริงถ้าไม่ discuss กับผมจะรู้ไหมว่าอาจารย์้เกศสินีเป็นใคร คนที่อยู่ในสปอร์ตไลท์คือพวกเด็กที่ขึ้นไปปราศรัยต่างหาก

ถ้าผมถูกสั่งไม่ให้ไปชุมนุม ผมลาออกครับ ไม่ต้องใช้เวลาตัดสินใจนานเลย ยิ่งถ้ามีพื้นฐานดี เงินเดือนสูง ยิ่งตัดสินใจง่าย เพราะต้นทุนทางสังคมดี คนที่มีความสามารถในระดับนี้ หางานใหม่ไม่ได้ยากเลยครับ แม้จะได้ค่าตอบแทนไม่เท่าเดิม ก็ไม่ได้ลดลงจนน่าใจหาย คนที่น่าเห็นใจกว่าคือข้าราชการชั้นผู้น้อยที่ต้องโดนบีบด้วยภาระต่างๆ ด้วยซ้ำ

อีกอย่างผมไม่ได้มโนว่าอาจารย์ทั้ง 2 ท่านพร้อมจะลาออก แต่ผม "คาดหวัง" ให้เขายึดมั่นในอุดมการณ์มากกว่าผลประโยชน์ส่วนตน อันนี้ต้องอ่านตีความใหม่นะครับ ซึ่งถ้าไม่เป็นตามที่ผมคาดหวัง ผมก็บอกอยู่ว่าน่าผิดหวังมาก เพราะคนที่เป็นระดับอธิการบดีของมหาวิทยาลัยที่อยู่เคียงข้างการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมาทุกยุคทุกสมัย กลับเลือกกอดเงินเดือนและตำแหน่งมากกว่าอุดมการณ์ คงจะน่าผิดหวังในทุกมิติมากๆ โดยเฉพาะอาจารย์ปริญญาที่เป็นแกนนำนักศึกษาตอนพฤษภาทมิฬ 53 ทั้งสาขาวิชาที่เหล่าเรียนมา ทั้งวิชาที่ตัวเองสอน น่าผิดหวังแต่ก็ไม่ได้น่าประหลาดใจ เพราะคนที่เห็นแก่เงินเดือนและตำแหน่งก็มีอยู่เต็มไปหมดในสังคมไทยอยู่แล้ว เราถึงไม่เคยเห็นจิตสำนึกในความรับผิดชอบโดยการประกาศลาออกจากตำแหน่งในสังคมไทย

ถ้าอาจารย์ปริญญาลาออกแล้วสิ้นเนื้อประดาตัวจริง มาหาผมได้เลยครับ ถึงจะไม่ได้สุขสบายเท่าเก่า แต่ครอบครัวผม support ได้แน่ แต่มันไม่มีทางเกินขึ้นจริง เพราะเราต่างรู้ดีอยู่แก่ใจว่าทั้งอาจารย์ปริญญาและอาจารย์เกศมีทรัพสินในครอบครองและมีความสามารถทางเศรษฐกิจมากกว่าผมเยอะมากๆ ไม่มีความจำเป็นอะไรเลยที่อาจารย์ทั้งสองท่านจะต้องมาพึงพาผมหรือนักศึกษาคนไหนๆ

ผมก็เห็นด้วยว่าคุยกันไปคงไม่เข้าใจกัน เพราะสำหรับคุณเงินเดือน ตำแหน่ง สำคัญกว่าอุดมการณ์

แต่สำหรับผมอุดมการณ์ทางการเมือง และจิตสำนึกต่ออนาคตของลูกหลานในประเทศนี้สำคัญกว่ามาก

เราสามารถยอมรับในความต่างนี้ได้ และปล่อยให้สังคมตัดสินเอาเอง (agree in disagree)

โอเคไหมครับ  


ก็ตามนั้นครับ เรามองในมุมที่ต่างกัน ถกกันก็ไม่มีทางที่จะตรงกันอยู่แล้ว

แต่เราก็อยู่ได้ท่ามกลางความต่างตรงนี้ครับ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
Never argue with an idiot. They will drag you down to their level and beat you with experience
ออฟไลน์
นักเตะเทศบาล
Status: ทำลายชีวิตตัวเอง ด้วยมือตัวเอง
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Sep 2013
ตอบ: 3377
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Aug 14, 2020 12:54
[RE: มธ.แถลงเสียใจ-ขอโทษกรณีเวที 10 ส.ค.]
the Smirnoff พิมพ์ว่า:
KITAMURA II พิมพ์ว่า:
ผมเห็นด้วยกับวัตถุประสงค์ 3 ข้อครับ มากกว่านั้นผมว่าเร็วเกินไป ยิ่งจะเป็นการสร้างความขัดแย้งมากกว่า  


เร็วไปนี่คือกี่ปีครับ?

แล้วตเองทนไปกี่ปีครับ ผ่านมากี่รุ่นแล้วก็ยังคงแบบเดิม

ผมว่ามันไม่มีวันพร้อมหรอกครับเรื่องนี่

เพราะมันเป็นการไปสั่นคลอนเสาหลัก มันต้องโยกไปทั้งบ้านอยู่แล้ว

ไม่ว่าจะเขย่าตอนนี้หรือเขย่าตอนไหน

ปล.มะนขัดแย้งมานานละครับ แต่ฝ่ายที่ต้องทนมาตลอดคือฝ่ายที่กำลังเขย่าเสา  


ไม่ใช่ไม่เห็นด้วย แต่ถ้าจะเรียกร้องขนาดนี้ มันต้องมีความพร้อมมากกว่านี้ไหม ที่เรียกร้องแล้วสั่นคลอนได้ ไม่ใช่แค่เสียงเรียกร้อง

ปล. อันนี้ คหสต นะครับ หากไม่เห็นด้วย ปล่อนผ่านนะครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel