นักเตะที่เหยียดผิว, เหยียดเพศและเหยียดเชื้อชาติอาจโดนลงโทษแบนมากสุดถึง 12 นัดหลังเอฟเอออกกฏใหม่เพื่อรับมือกับการกระทำผิดเหล่านั้น

บทลงโทษใหม่ของเอฟเอนั้นจะระบุว่าหากมีผู้กระทำผิดในเรื่องดังกล่าว จะโดนลงโทษแบนระหว่าง 6-12 เกมขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการกระทำผิด กฏใหม่ยังรวมถึงการเหยียดเชื้อชาติและความผิดใดๆที่เป็นการเหยียดเพศ

นอกจากนี้แล้วถ้ามีการทำผิดเรื่องในเรื่องนี้เกิดขึ้นบนโซเชียล มีเดีย ผู้ที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดจะโดนแบนอย่างน้อย 3 เกม

ฤดูกาลที่ผ่านมาเคยมีเรื่องที่ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ เดเล่ อัลลี กองกลาง ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ โดนแบนกันคนละนัดจากที่ถูกตัดสินว่าทำผิดเรื่องดังกล่าวบนโซเชียล มีเดีย

จากนี้ไปเอฟเอยังสามารถลงโทษนักเตะหรือคนที่เกี่ยวข้องอะไรกับฟุตบอล แม้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับโลกฟุตบอล เช่นเกิดขึ้นในผับหรือไนท์คลับ

ส่วนการเหยียดผิวจากแฟนบอลที่เข้าชมในสนามนั้น หากมีความผิดเกิดขึ้นซ้ำๆก็อาจจะลงเอยด้วยการลงโทษสโมสรดังกล่าวด้วยการปิดสนามบางส่วนหรือไม่ให้คนเข้าชมเลย รวมถึงจะมีการพิจารณาปรับเงินด้วย

กลับกันถ้าคนผิวสี เรียกคนผิวขาวว่า ไอ้ลิงเผือก ถือว่าเหยียดมั้ยครับ ถ้าฝั่งผิวขาวถูกกระทำ
ถามผู้หรือคนที่เคยอยู่เมืองนอกมา

ส่วนมากเมืองนอกที่ว่าก็คือประเทศของคนผิวขาวน่ะครับ คงไม่มีคนผิวสีที่เป็นส่วนน้อยของประชากรไปจงใจเหยียดคนขาวหรอก เว้นแต่ว่าจะโดนกระทำก่อน แล้วของแบบนี้มันมีประวัติศาสตร์มายาวนานมาก คือคนขาวเป็นพวกเริ่มล่าอาณานิคม ไปยึดประเทศคนผิวสี ไปเอาเค้ามาเป็นทาสบ้าง ปัจจุบันคนขาวบางคนมันเลยนึกว่ามันสูงศักดิ์สุดในโลก เหยียดทั้งคนดำ ทั้งเอเชีย ทั้งคนพื้นเมืองต่างๆนานาๆ แต่กลับกันถ้าประวัติศาตร์เป็นคนดำไปล่าอาณานิคมเมืองคนขาว ปัจจุบันก็คงจะกลายเป็นรณรงค์ต่อต้านเหยียดผิวขาวกันแทน คือที่เขียนมาทั้งหมดนี้เพื่ออธิบายว่าทำไมเคสคนขาวโดนเหยียดถึงเป็นเรื่องหายาก แต่ถ้าเกิดขึ้นจริงไม่ว่าใครเหยียดใคร คนเหยียดก็ควรโดนประณามและโดนลงโทษเช่นกัน