ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
07 August 2020 16:15 by เบน ฟรีคิก
“ตราไก่” กับความอัปยศในฟุตบอลโลก 2010




ถ้าพูดถึงทีมชาติ ฝรั่งเศส ทุกคนคงนึกถึงภาพการผลิตซูเปอร์สตาร์ป้อนเข้าสู่วงการฟุตบอลอย่างต่อเนื่อง

ในอดีต ฝรั่งเศส เป็นชาติที่ล่าอาณานิคมหลายประเทศในแอฟริกา ทำให้ทุกวันนี้ผู้คนหนีความยากจนข้นแค้นมาแสวงโชคที่เมืองศิวิลัยแห่งนี้

จึงไม่น่าแปลกใจที่นักฟุตบอล “ตราไก่” มีผู้เล่นผิวสีและหลากหลายเชื้อชาติเหลือเกิน

ซิเนอดีน ซีดาน ก็มีเชื้อสาย แอลจีเรีย, ปาทริค วิเอร่า และ ปาทริซ เอฟร่า ก็เกิดที่ เซเนกัล หรือ มาร์กแซล เดอไซยี่ เป็นคน กาน่า

นักเตะที่มีเชื้อสายแอฟริกันเหล่านี้แหละครับที่เป็นคนนำความสำเร็จมาสู่มาตุภูมิเพราะนับตั้งแต่ มิเชล พลาตินี่ เถลิงคว้าแชมป์ยูโร 1984 เหล่าขุนพล เลส เบลอส์ ไม่เคยได้แชมป์ใดๆอีกเลยเป็นเวลา 14 ปี

มาปลดล็อกครั้งแรกก็เล่นของหนักเลยคือฟุตบอลโลก 1998 และสานต่อความสำเร็จด้วยแชมป์ยูโร 2000 รวมถึงรายการล่าสุดที่ทำได้คือฟุตบอลโลก 2018

แต่ช่วง glory era ถูกสอดแทรกช่วงอัปยศอดสูที่สุดครั้งหนึ่งของวงการฟุตบอลฝรั่งเศสจนชาวโลกอับอายแทน

นั่นคือศึกฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้

มาวันนี้จู่ๆเหตุการณ์ดังกล่าวถูกกระเพื่อมอีกครั้งเมื่อ “เน็ตฟลิกซ์” ออนแอร์ สารคดีที่มีชื่อว่า 'Anelka: Misunderstood' แปลเป็นไทยคือ ‘อนลก้า : ความเข้าใจผิด ’ มีความยาว 1 ชั่วโมง 34 นาที

นิโกลาส์ อเนลก้า บาดหมางกับ เรย์มงต์ โดเมเนค กุนซือทีมชาติฝรั่งเศสเจ้าของฉายา “นักการ” อย่างรุนแรงจนถูกส่งตัวกลับบ้านก่อนทัวร์นาเมนท์ฟุตบอลโลกจะเริ่มขึ้น

ในสารคดีอ้างว่า “นักการ” ได้พบกับ “นิโก้” ที่ ลอนดอน ก่อนบอลโลกเริ่ม 2 เดือนโดยให้สัญญากับอดีตหอก อาร์เซนอล, เรอัล มาดริด และ เชลซี ว่าจะให้เล่นเป็นกองหน้าตัวกลาง

ผลงานของ อเนลก้า ในฤดูกาล 2009-10 กับ เชลซี ถือว่าขึ้นหม้อมาก นอกจากจะเล่นดียิงได้เรื่อยๆแล้วยังคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ดังนั้น “นักการ” จึงหวังกับเขาในบอลโลกไว้สูงมาก

แต่ด้วยผลงานการอุ่นเครื่องที่สุดห่วยของ “ตราไก่” ทำให้บรรยากาศภายในทีมตรึงเครียด

โดยเฉพาะ อเนลก้า ได้กลิ่นแปลกๆว่าอะไรหลายๆอย่างมันไม่เหมือนเดิม

“เราอุ่นเครื่องหลายนัด ผมไม่ได้บอลเลย ไม่ได้เลยจริงๆ ศูนย์ , ปฏิกริยาตอบสนองระหว่างพวกเรากันเองก็ไม่เหมือนเดิม”

“มันน่าเกลียดเลยล่ะ ผมรู้ได้เลยว่าเรากำลังเข้าสู่รายการฟุตบอลโลกด้วยการไม่ได้สร้างความเชื่อมั่นหรือทำประตูหรือทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันในสนาม มันมีความรู้สึกไม่ถูกต้องเกิดขึ้น”

ในทัวร์นาเมนท์นี้ ปาทริซ เอฟร่า เป็นกัปตันทีม และเป็นเพื่อนสนิทของ “นิโก้” ก็เป็นคนที่รับรู้เรื่องนี้ก่อนเกิดเหตุการณ์ใหญ่

“เขา (อเนลก้า) บอกผมว่าเขาอยากกลับบ้าน เขารู้สึกมีบางอย่างผิดปกติ”

“ผมเลยบอกเขาไปว่า ‘เฮ้ย นิโก้ อย่างี่เง่าน่า’

เขาตอบผมกลับมาว่า ‘แพท, ผมสาบานเลย อีกไม่นานเกิดเรื่องใหญ่แน่ๆ’

ภาพตัดกลับมาที่ “นิโก้” ที่ยังพรั่งพรูความรู้สึกต่อไปว่า

“ท้ายที่สุดผมถูกเกลี้ยกล่อมให้อยู่ต่อแต่ก็แน่ล่ะ ตอนนั้นเขาเป็นใหญ่ เขาเป็นโค้ชนิ เขาเป็นคนตัดสินใจ”

“เขายอมตายเพื่อปกป้องความคิดของตัวเอง ยังไงเขาก็ต้องถูกเสมอ เราพยายามคุยกับเขา แต่เขาเลือกที่จะยึดระบบการเล่นของตัวเอง จากนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นก็อย่างที่เห็น”

อเนลก้า ประเดิมตัวจริงในเกมเปิดสนามกับ อุรุกวัย ซึ่งมีนักเตะตัวเทพอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ, ดิเอโก้ ฟอร์ลัน และ ดิเอโก้ โกดิน ที่พาทีม “จอมโหด” หลุดเข้าถึงรอบรองชนะเลิศในบั้นปลาย

อย่างไรก็ตาม “นิโก้” ซึ่งทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันถูกถอดออกหลังเล่นไป 72 นาที เกมจบลงเสมอ 0-0

ความฉิบหายมาหนักข้อขึ้นในเกมนัดต่อมาเมื่อ “ตราไก่” แพ้ เม็กซิโก 2-0 โดยในช่วงพักครึ่ง โดเมเนค ตบะแตกด่ากราดในห้องแต่งตัวและไปลงที่ อเนลก้า หลังเล่นไม่ได้ดั่งใจเขา

วันรุ่งขึ้น “เลอกิ๊ฟ” หนังสื่อพิมพ์ชื่อดังของฝรั่งเศสพาดหัวหน้าแรกว่า “นิโก้” ด่าคืน โดเมเนค

“ไปตายห่าซะ ไอ้ลูกกาหรี่”

แต่ “นิโก้” ยืนยันว่าสิ่งที่ “เลอ กิ๊ฟ” พาดหัวเกินจริงไปเยอะเลย

“ผมนั่งเล่นโทรศัพท์แล้วก็ ‘เอ๊ะเดี๋ยวนะ อะไรนะ? พูดงี้จริงดิ่ หรือ อำกันป่ะเนี่ย?”

“มันบ้าไปแล้ว พวกเราในทีมกลายเป็นเหยื่ออันโอชะ ผมเป็นเหยื่อคนแรกแต่นักเตะคนอื่นๆถูกจับเป็นตัวประกัน มีแต่คนโทรหาพวกเขาเพื่อถามว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า มันบ้าบอมาก”

“สิ่งสำคัญที่สุดคือพวกเรานักเตะยังสามัคคีกลมเกลียว, เอฟร่า และ อบิดัล โทรเรียกโค้ชให้ลงมาเคลียร์ เราก็รอจนไข่เหี่ยวแต่เขาไม่มา”

“ทุกๆคนรู้จักผมดี พวกเขารู้ดีว่าถ้าผมพูดอะไรผมยอมรับอยู่แล้ว ผมยอมรับผิดกับทุกๆเรื่องเสมอแหละ”

และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆในเกมพ่าย เม็กซิโก มันเป็นยังไงมายังไงกัน...

“ผมเดินเข้าห้องแต่งตัวโดยที่หงุดหงิดตัวเองมาก ผมคิดในใจ ‘ผมยิงประตูไม่ได้ ผมหาวิธีไม่ได้ เราเล่นกันอย่างกาก สกอร์ก็ 0-0 และทัวร์นาเมนท์นี้เรายังยิงใครไม่ได้เลย’

“ทันใดนั้นโค้ชก็เดินเข้ามาแล้วตะโกนเรียกผม ตอนเขาตะโกนเรียกผมทำให้อาการหงุดหงิดหัวเสียผมระเบิดเลยเพราะผมไม่ชอบ ผมไม่ชอบที่เขามาตะโกนเรียกผมราวกับว่าผมเป็นคนผิด เหมือนทุกอย่างคือความผิดผม”

“มันเป็นการคุกคาม มันเป็นความผิดพลาดครั้งมหันต์ เขาต้องรู้สิว่าผมกำลังหัวเสียอยู่ เขาควรต้องรู้ว่าผมคือภูเขาไฟที่รอวันระเบิดอยู่”

ใช่ มันหมายถึงมีการปะทะคารมแต่ไม่ได้ด่ารุนแรงตามที่ นสพ. กล่าวอ้างแต่ถึงกระนั้น อเนลก้า ปฏิเสธที่จะกล่าวคำ “ขอโทษ” ทำให้อีกวันถัดมาเขาถูกส่งตัวกลับบ้านทันที

และการ “ประท้วง” ของนักเตะในทีมครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้นเมื่อแข้งซีเนียร์หลายคนไม่ยอมซ้อมโดย “นิโก้” เผยถึงแผนการประท้วงการกระทำครั้งนี้ของ โดเมเนค ว่า

“คืนนั้นเราทุกคนนัดเจอกันที่เลาจ์ของโรงแรม เราคุยกัน,ผมบอกกับเพื่อนๆถึงสถานการณ์ที่น่าเศร้าตรงนี้ว่ามันเป็นอย่างไร ผมพูดขึ้นว่า ‘สิ่งที่คุณต้องทำคือมีสมาธิกับเกมในสนาม ยังเหลืออีกเกม ถ้าเราชนะก็ผ่านเข้ารอบ’

พวกเขาตอบกลับมาว่า “มันไม่ถูก, เราอยากทำอะไรเพื่อมึง ต้องแสดงจุดยืน”

“และพวกเขาทุกคนตัดสินใจกันว่าจะไม่พูดคุยกับสื่อหรือไปซ้อมในวันพรุ่งนี้”

แผนเดิมของนักเตะคือนั่งรถบัสไปสนามซ้อมแต่จะไม่ลงรถแต่ เอฟร่า มาคิดได้ที่หลังว่ามันเป็นการพบปะแฟนบอลควรลงไปแจกลายเซ็นให้แฟนๆแล้วค่อยกลับขึ้นรถ

แค่นั้นยังไม่พอเมื่อ เอฟร่า ดันมีปากเสียงอย่างหนักกับ โรแบร์ ดูแวร์น โค้ชฟิตเนสจน “นักการ” ต้องมาแยกก่อนจะบานปลายไปมากกว่านี้

ในระหว่างที่กลับขึ้นรถบัส, นักเตะช่วยกันปิดม่านเพื่อเคลียร์ปัญหาคาใจกับ “นักการ” แต่ความร้าวฉานมันยากเกินกว่าจะมาแก้ไขด้วยการคุยกันในช่วงเวลาที่ครุกกรุ่นเช่นนี้

ท้ายที่สุดแล้ว โดเมเนค เอาจดหมายที่นักเตะทำการประท้วงมาโชว์ต่อหน้าสื่อที่มาทำข่าวอย่างเนืองแน่นในสนามซ้อม

ส่วนสหพันธ์ฟุตบอล “ตราไก่” ประณามความไม่เป็นมืออาชีพของขุนพล “เลสเบลอส์”

การ “สาวไส้ให้กากิน” ถึงตอนนี้แคมป์ทีมชาติ ฝรั่งเศส แตกเป็นเสี่ยงๆ ไม่มีทางเหมือนเดิมได้อีกแล้ว

ครับ บทสรุปทีมนัดสุดท้าย “ตราไก่” แพ้ “เจ้าภาพ” แอฟริกาใต้ 2-1 ตกรอบแรกด้วยตำแหน่ง “บ๊วย”

พร้อมด้วยบทลงโทษที่ตามมาคือ “นิโก้” ถูกแบน 18 นัดและยุติการรับใช้ชาติไว้ที่ตัวเลข 69 นัดยิง 14 ประตูซึ่งแน่นอนเจ้าตัวประกาศ “รีไทร์” จากการเล่นให้ ฝรั่งเศส ทันทีเช่นกัน

ส่วนหัวโจกนำการประท้วงอย่าง เอฟร่า โดนแบน 5 นัด, ฟร็องค์ ริเบรี่ 3 นัด และ เฌเรมี่ ตูลาล็อง โดนเบาๆ 1 นัด

เช่นเดียวกับ “นักการ” ก็ยุติบทบาทผู้นำทีมชาติพร้อมการขึ้นมาของ โลร็อง บล็องก์ ที่แสดงความเฮี้ยบด้วยการไม่เลือกใช้ 23 ขุนพลจากชุดฟุตบอลโลก 2010 ในเกมแรกที่เขาเข้ารับตำแหน่ง

กลับมาพูดถึง โดเมเนค , นับตั้งแต่แกเข้ารับงานในปี 2004-2010 ไม่มีอะไรโดดเด่นหรือพูดอีกนัยนึงก็คือเป็นช่วงที่ ฝรั่งเศส อาการหนักที่สุดก็ว่าได้

การได้ “รองแชมป์โลก” เมื่อปี 2006 หลายคนก็ยกให้เป็นผลงานของ ซิเนอดีน ซีดาน ที่เป็น “เดอะ แบก” ก่อนมาพังในเกมรอบชิงกับเรื่องอื้อฉาว “โหม่งสะท้านโลก” ใส่ มาร์โก มาร์เตรัซซี่ จนถูกไล่ออก

นอกจากตกรอบแรกฟุตบอลโลก 2010 แล้วก่อนหน้านั้นคือยูโร 2008 ก็ชะตากรรมไม่แพ้กันคือกิน “บ๊วย”

โดเมเนค เป็นชายแก่หัวโบราณที่จู่ๆได้รับโอกาสเป็นผู้นำทีมชาติฝรั่งเศสเพราะแกเคยคุม ยู-21 มาถึง 11 ปี ถ้าใช้คำว่าเด็กเส้นก็คงไม่ผิดนัก

ที่น่าแปลกคือแกคุมบอลเด็กมาก่อนแต่กลับไม่ค่อยให้โอกาสดาวรุ่งและ “ยึดติด” กับแข้งซีเนียร์ที่โรยราจนเหมือน “จิตหลอน”

“ซิซู” ประกาศเลิกเล่นให้ทีมชาติหลังแพ้ กรีซ รอบก่อนรองชนะเลิศยูโร 2004 แต่ด้วยผลงานสุดห่วยของ “ตราไก่” ในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2006 จน “นักการ” ต้องมากล่อมให้กลับมาช่วยพร้อมยกตำแหน่งกัปตันทีมให้

ลิลิยง ตูราม รวมถึง โคล้ด มาเกเลเล่ ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย

ที่น่าตลกคือในเคสของ มาเกเลเล่ พอจบทัวร์นาเมนท์นี้แกก็ขอเลิกเล่นทีมชาติอีกรอบเนื่องจากอายุ 33 ปี ตั้งใจอยากทุ่มเทให้ เชลซี อย่างเดียวซึ่งผู้เล่นอายุมากก็ทำกันแบบนี้และ 100 ทั้ง 100 ทีมชาติเคารพสิทธิ์อยู่แล้ว

แต่ “นักการ” ไม่ยอม!! แถมมีข่าวว่าขู่ว่าจะฟ้องฟีฟ่าให้แบนจากการเล่นให้ต้นสังกัดจนนักเตะยอมเล่นต่อถึง ยูโร 2008

เรื่องนี้เองที่ทำให้ โจเซ่ มูรินโญ่ นายใหญ่ “สิงห์ไฮโซ” จวก “นักการ” ว่าปฏิบัติต่อนักเตะ “เยี่ยงทาส”

บุคคลิกของ โดเมเนค เป็นคนมีทิฐิสูงจึงเป็นต้นตอของปัญหาต่างๆเช่นนักเตะไม่กล้าเปิดใจคุยด้วย ความสามัคคิในทีมก็ถดถอย

บอลโลก 2006 ก็มีปัญหากับ ดาวิด เทรเซเกต์ แต่ความรุนแรงไม่เท่าบอลโลก 2010 ซึ่งตัว “ซิซู” มายอมรับภายหลังว่าเขาก็ไม่ชอบขี้หน้า “นักการ” แต่ด้วยหน้าที่จึงต้องยอมทำตามเล่นเพื่อชาติ

ก็คิดดูครับบอลโลก 2010 ซีดาน ไม่ดูเกมทีมชาติตัวเองเลยทั้ง 3 นัดแต่กลับไปดู บราซิล และ แอลจีเรีย ทีมบ้านเกิดแทนซะงั้น

เหตุการณ์อื้อฉาวที่เกิดขึ้นผ่านมาแล้ว 10 ปีแต่มันเป็นความอัปยศของทีมชาติ ฝรั่งเศส ที่ไม่อาจลบเลือนจากประวัติศาสตร์ได้

หากย้อนเวลากลับไป เชื่อว่าทั้งนักเตะก็ดีหรือตัวโค้ชก็ดี คงรู้สึกผิดในใจ (ไม่มากก็น้อย) ที่ต่างมีส่วนทำให้ทีมชาติพังในทัวร์นาเมนท์ฟุตบอลโลก 2010

อย่างไรก็ดี...อย่างน้อยๆเราได้เรียนรู้แล้วว่าการเป็นผู้นำคนจะใช้ “พระเดช” อย่างเดียวไม่ได้ต้องมี “พระคุณ” ควบคู่กันไปด้วย...



เอฟร่า ปะทะ ดูเวิร์น


Anelka: Misunderstood | Official Trailer
แก้ไขล่าสุดโดย เบน ฟรีคิก เมื่อ Fri Aug 07, 2020 22:37, ทั้งหมด 12 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ออฟไลน์
นักเตะท้ายซอย
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Feb 2011
ตอบ: 484
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Aug 07, 2020 20:11
Top Comment [RE]“ตราไก่” กับความอัปยศในฟุตบอลโลก 2010
คหสต. ผมว่า “โค้ช” คือปัญหาที่ชัดเจนครับ แต่การแก้ปัญหากลับไม่เกิดขึ้น และการ “ประท้วง” ในแคมป์ทีมชาติ ไม่เกิดผลดีกับใครครับ และไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาด้วย

ผมไม่ใช่นักฟุตบอลครับ แต่ผมว่าการเป็นตัวแทนของชาติในงานอะไรซักอย่าง มันคือความภูมิใจ ถ้าถึงขั้นประท้วงในแคมป์ แสดงว่าอาการต้องหนักมาก แต่จะหนักยังไง “หน้าที่” ต้องมาก่อนครับ

เอฟร่า ในฐานะกัปตันทีม น่าจะพยายามประคองทีมไปก่อน ถัานักเตะไม่เอาโค้ช แต่ยังสามัคคี อาการอาจไม่ดีขึ้น แต่ก็ไม่แย่ลง กลายเป็นเอฟร่าซะเองที่ตั้งต้นประท้วง เข้าใจเอฟร่าในจุดที่ต้องการความถูกต้อง แต่ก่อการระหว่างทัวนาเมนต์ มันเลยดูแย่ไปเลย

ผมค่อนข้างมั่นใจว่า ถ้านักเตะรวมใจกัน แล้วเอาชนะให้ได้ ถ้าเกิดได้เเชมป์ขึ้นมา โดยที่โค้ช ไม่ได้มีส่วนร่วมเลย น่าจะเป็นการเอาคืนที่เจ็บแสบกว่า ลึกกว่า เพราะเป็นแชมป์ที่ นักเตะรวมใจกัน โดยที่โค้ชไร้ประโยชน์ที่สุด และยังกู้หน้าในนามทีมชาติด้วย

ท้ายสุด ผมเดาว่านักเตะเองก็น่าจะรู้สึกผิดมาก ที่ทำให้ชาติเสียหาย

แต่ไม่รู้สึกผิดกับโค้ช แน่นอน !!!!

ปล. ผมเชียร์ฝรั่งเศษครับ ปีนั้น
โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS
You'll never walk alone , forever !!!!
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status: มีรักกับคนที่ไม่อาจครอบครอง ดีกว่าตกเป็นของคนที่ฉั
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 256
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Aug 07, 2020 16:44
[RE: “ตราไก่” กับความอัปยศในฟุตบอลโลก 2010 ]
พึ่งมารู้ความจริงวันนี้เอง ชอบบทความนี้ครับ อ่านละเพลินดี
ปล.แค้นแทน อเนลก้า
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ผู้ช่วยแมวมอง
Status: 2 สุดยอดมิดฟิลด์แห่งยุค
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 20 Oct 2008
ตอบ: 17060
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Aug 07, 2020 16:44
“ตราไก่” กับความอัปยศในฟุตบอลโลก 2010
ย้อนอดีตได้เพลินดีครับ
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวเตะพรีเมียร์ลีก
Status: Wildly-Vet
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 15 Mar 2020
ตอบ: 6725
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Aug 07, 2020 17:44
[RE: “ตราไก่” กับความอัปยศในฟุตบอลโลก 2010 ]
ผมไม่ได้เข้าข้างโค้ชนะ แต่ผมบอกได้เลยว่าการไม่เชื่อใจคนซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ในขณะนั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย ให้ลองคิดภาพว่าจะมีไรดีๆเกิดขึ้นได้บ้างหลังจากประท้วง โดยเฉพาะกับคนแบบนั้น ที่สำคัญคือทัวร์ใหญ่แบบนั้น ผมเห็นด้วยนะเรื่องการนัดคุยแต่ไม่เห็นด้วยเรื่องการประท้วงไม่ซ้อมอะไรแบบนั้น เคสนี้ผมว่าผิดทั้งคู่ แล้วการแก้ปัญหาของทั้งคู่ก็ห่วยแตกมาก
4
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


#ForzaMilan #ฉันภูมิใจที่เกิดในรัชกาลที่ ๙
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 18 May 2011
ตอบ: 2721
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Aug 07, 2020 19:20
[RE: “ตราไก่” กับความอัปยศในฟุตบอลโลก 2010 ]
ผิดทั้งคู่ แต่ผมเข้าข้างนักเตะมากกว่า
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะท้ายซอย
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Feb 2011
ตอบ: 484
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Aug 07, 2020 20:11
[RE]“ตราไก่” กับความอัปยศในฟุตบอลโลก 2010
คหสต. ผมว่า “โค้ช” คือปัญหาที่ชัดเจนครับ แต่การแก้ปัญหากลับไม่เกิดขึ้น และการ “ประท้วง” ในแคมป์ทีมชาติ ไม่เกิดผลดีกับใครครับ และไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาด้วย

ผมไม่ใช่นักฟุตบอลครับ แต่ผมว่าการเป็นตัวแทนของชาติในงานอะไรซักอย่าง มันคือความภูมิใจ ถ้าถึงขั้นประท้วงในแคมป์ แสดงว่าอาการต้องหนักมาก แต่จะหนักยังไง “หน้าที่” ต้องมาก่อนครับ

เอฟร่า ในฐานะกัปตันทีม น่าจะพยายามประคองทีมไปก่อน ถัานักเตะไม่เอาโค้ช แต่ยังสามัคคี อาการอาจไม่ดีขึ้น แต่ก็ไม่แย่ลง กลายเป็นเอฟร่าซะเองที่ตั้งต้นประท้วง เข้าใจเอฟร่าในจุดที่ต้องการความถูกต้อง แต่ก่อการระหว่างทัวนาเมนต์ มันเลยดูแย่ไปเลย

ผมค่อนข้างมั่นใจว่า ถ้านักเตะรวมใจกัน แล้วเอาชนะให้ได้ ถ้าเกิดได้เเชมป์ขึ้นมา โดยที่โค้ช ไม่ได้มีส่วนร่วมเลย น่าจะเป็นการเอาคืนที่เจ็บแสบกว่า ลึกกว่า เพราะเป็นแชมป์ที่ นักเตะรวมใจกัน โดยที่โค้ชไร้ประโยชน์ที่สุด และยังกู้หน้าในนามทีมชาติด้วย

ท้ายสุด ผมเดาว่านักเตะเองก็น่าจะรู้สึกผิดมาก ที่ทำให้ชาติเสียหาย

แต่ไม่รู้สึกผิดกับโค้ช แน่นอน !!!!

ปล. ผมเชียร์ฝรั่งเศษครับ ปีนั้น
โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS
You'll never walk alone , forever !!!!
ออฟไลน์
ดาวเตะกัลโช่
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 11 Jan 2011
ตอบ: 18415
ที่อยู่: สิ่ง เหล้ าห นี
โพสเมื่อ: Fri Aug 07, 2020 20:36
[RE: “ตราไก่” กับความอัปยศในฟุตบอลโลก 2010 ]
เรียบเรียงได้เข้าใจง่ายดีครับ
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


ได้

ออฟไลน์
นักบอลไทยพรีเมียร์ลีก
Status: Always a Red
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 3333
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Aug 07, 2020 21:20
[RE]“ตราไก่” กับความอัปยศในฟุตบอลโลก 2010
เข้าใจความรู้สึกนักเตะที่ต้องทำงานกับนายแย่ๆด้วยความอึดอัดใจ

ฝั่งโค้ชอีโก้สูง บ้าอำนาจและดันเลือกที่จะประจานนักเตะให้กับสื่อซึ่งไม่ใช่นิสัยที่คนเป็นนายควรทำ ปัญหาทุกอย่างคือเรื่องภายในไม่สมควรให้คนภายนอกมารับรู้ แต่เหมือนความคิดของโค้ชคิดว่าตัวเองเป็นนายและทุกคนต้องยอมรับ ทัศนคติแบบนี้มันเอ้าท์มาก

ส่วนกลุ่มนักเตะทำไม่ถูกที่ประท้วงไม่ซ้อมเพราะตัวเองคือมืออาชีพและเป็นตัวแทนของประเทศชาติ การกระทำแบบนี้มีแต่ผลเสียให้กับชาติ จะเลือกทำถูกใจตัวเองก็ต้องทำให้ถูกต้องด้วย จะทะเลาะหรือจะรุมด่ากันไปเลยก็ต้องให้มันเป็นเรื่องภายในและทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป จบหน้าที่แล้วค่อยมาว่ากันใหม่ก็ไม่สาย

สุดท้ายแล้วผิดทั้งคู่แต่ก็ช่วยเตือนสติคนเป็นเจ้านายให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า

อำนาจคือความรับผิดชอบ อำนาจไม่ใช่สิ่งที่เอาไว้ตอบสนองความต้องการของตัวเอง เมื่อคุณไม่สามารถซื้อใจลูกน้องได้ คุณจะกลายเป็นแค่ไอโง่คนนึงที่ไม่เหลือใครในวันที่คุณล้ม
โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS
4
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะเทศบาล
Status: (^_^)b
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 27 Mar 2007
ตอบ: 6342
ที่อยู่: โลก
โพสเมื่อ: Sat Aug 08, 2020 00:19
[RE]“ตราไก่” กับความอัปยศในฟุตบอลโลก 2010
กำลังดูอยู่เลย
โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
^_____^ ให้สิ่งใด ก็ได้สิ่งนั้น

ก่อนที่จะลงมือทำอะไร-เราควรรู้ว่าจะจบมันอย่างไร

“แผนอยู่ที่คน ผลอยู่ที่ฟ้า มิอาจบังคับ” ขงเบ้ง

เ อ า ที่ ส บ า ย ใ จ เ ล ย (แต่อย่าให้คนอื่นเดือดร้อน)

ถ้า "ได้ยิน" จะ "ลืม"
ถ้า "เห็น" จะ "จำ"
ถ้า "ทำ" จะ "เข้าใจ"
ออนไลน์
ดาวซัลโวฟุตบอลโลก
Status: I'm Gunner
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 03 Oct 2013
ตอบ: 29914
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Aug 08, 2020 07:39
[RE: “ตราไก่” กับความอัปยศในฟุตบอลโลก 2010 ]
ท้ายที่สุดแล้ว โดเมเนค เอาจดหมายที่นักเตะทำการประท้วงมาโชว์ต่อหน้าสื่อที่มาทำข่าวอย่างเนืองแน่นในสนามซ้อม

ทำเหมือนโยนความผิดให้นักเตะ น่ะเนี่ย
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
*0**0*
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 24 Nov 2009
ตอบ: 419
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Aug 08, 2020 08:34
[RE: “ตราไก่” กับความอัปยศในฟุตบอลโลก 2010 ]
จะฟ้องนักเตะที่ขอประกาศรีไทร์ทีมชาติก็บ่งบอกทัศนคคิโค้ชได้ดีเลย นักเตะในแคมป์คงทนกันมานาน ไปจุดระเบิดในบอลโลกพอดี
3
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลลีกภูมิภาค
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 13 Mar 2018
ตอบ: 3902
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Aug 08, 2020 16:48
“ตราไก่” กับความอัปยศในฟุตบอลโลก 2010
ชอบบทความนี้ครับ
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
แข้งดัทช์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 7207
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Aug 08, 2020 17:36
[RE: “ตราไก่” กับความอัปยศในฟุตบอลโลก 2010 ]
ถ้าส่งเดโมเนคกลับบ้านแทนอเนลก้า อาจจะดีกว่า
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
Talent bringt dich an den start, Einstellung ans ziel.
พรสวรรค์นำคุณไปที่จุดเริ่มต้น ทัศนคตินำคุณไปสู่เส้นชัย

ออฟไลน์
นักเตะอบต.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 15 Sep 2005
ตอบ: 3036
ที่อยู่: แผ่นดินไทย
โพสเมื่อ: Sat Aug 08, 2020 18:34
“ตราไก่” กับความอัปยศในฟุตบอลโลก 2010
อ่านเพลินเลย
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะเทศบาล
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 18 Oct 2013
ตอบ: 2363
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Aug 08, 2020 18:48
[RE: “ตราไก่” กับความอัปยศในฟุตบอลโลก 2010 ]
ปีนั้นจำได้ว่าฝรั่งเศสเละเทะมาก

ส่วนนึงนักเตะ แต่อีกส่วนก็โค้ช

คนที่เสียใจที่สุดคือแฟนบอลที่เชียร์
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel