“ลุง” บ้าอำนาจเปลี่ยนโค้ช 2 เกมสุดท้าย เพื่อ...?
ถ้าคุณไล่ผู้จัดการทีมมากกว่า 1 คนในซีซั่นเดียวแสดงว่ากำลังมีปัญหาภายในสโมสรแต่ถ้าไล่ถึง 3 หน มันคงเน่าเกินคำบรรยายแล้ว
ความพ่ายแพ้ให้ทีมที่ไม่ได้ดีเด่อะไรอย่าง เวสต์แฮม 3-1 ทำให้ จิโน่ พอซโซ่ เจ้าของสโมสร “แตนอาละวาด” วัตฟอร์ด ปลด ไนเจล เพียร์สัน ทันที
มันอาจไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยหากไม่มาเกิดเอาในช่วงท้ายฤดูกาลที่เหลือโปรแกรมอีกแค่ 2 นัด!!
เรื่องนี้เดาไม่ยากปัญหาส่วนตัวแน่นอนครับเพราะคนที่ดันขึ้นมาคือ เฮย์เด้น มุลลินส์ โค้ชยู-23 ที่เคยขัดตาทัพมาแล้วหนนึงตอนที่ กิเก้ ซานเชส ฟลอเรส ถูกปลดเมื่อปลายปีที่แล้ว
ตามหลักโค้ชยู-23 จะมาเก่งกว่า เพียร์สัน ที่มีประสบการณ์ทั้งผู้เล่นผู้จัดการทีมรวมกันนานกว่า 40 ปีได้ยังไง อันนี้เรื่องเบสิกๆเลย
2 นัดมันจะช่วยอะไรได้ครับ มันจะทำให้ทีมดีขึ้นตรงไหน ต่อให้ปรมาจารย์ลูกหนังบนโลกใบนี้คนไหนก็ช่วยไม่ได้แน่นอนครับ การแก้เกมสดกับปัญหาเฉพาะหน้ามันไม่ได้เก่งเท่ากัน
คนที่ซวยก็คือแฟนบอลครับที่ต้องมาเจอเจ้าของสโมสรที่บ้าอำนาจไม่ฟังเสียงชาวบ้าน พูดจาก็ไม่เข้ารูหู ทั้งๆที่บริหาร วัตฟอร์ด มาตั้ง 6 ปีเต็มๆเข้าให้แล้ว
มีกระแสนึงระบุว่า เพียร์สัน “ไม่ยอมรับ”และไม่เห็นดีเห็นงามด้วยกับ “คำแนะนำ” ของ พอซโซ่ และ ฟิลิปโป้ กิรัลดี้ ผู้อำนวยการสโมสรภายหลังจบเกมที่ ลอนดอน สเตเดียม
ถ้าย้อนกลับไปก่อนล็อกดาว์น “ผลงาน” ของอดีตบอส เลสเตอร์ ซิตี้ พาทีมชนะ 7 เสมอ 5 แพ้ 10 ซึ่งดูดี “มาก” หากเปรียบเทียบสถิติก่อนรับงานที่ วัตฟอร์ด ซึ่งทำไปได้แค่ 8 แต้มจาก 14 นัด
แต่ภายหลังกลับมาจากล็อกดาว์น “แตนไม่อาละวาด” ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 4 เล่นยังไงก็หนีไม่พ้นโซนตกชั้นซักที
ติ๊ต่างว่าถ้าปีนเกลียวเขม่นกันจริง ควรมองถึงส่วนรวมซึ่งในทีนี้คือสโมสรไว้ก่อน จะยังไงก็ควรให้คุมต่อจนจบฤดูกาลจากนั้นจะไล่ออกหรือจะเอาไม้เสียบตูดก็ว่ากันไป
ลุง พอซโซ่ ชาวอิตาเลี่ยนในวัย 54 ปีเป็นพวก “perfectionist” หรือชอบความสมบูรณ์แบบดังนั้นกล่าวได้ว่าอะไรที่มันดูแล้วไม่ใช่ในแบบที่เขาต้องการก็ไม่มีลังเลที่จะเปลี่ยนมันโดยไม่สนเวล่ำเวลาใดๆทั้งนั้น
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมแกจึงเปลี่ยนกุนซือไปแล้วถึง 10 คนนับตั้งแต่เข้ามาบริหารสโมสรแบบเดี่ยวๆเมื่อ 6 ปีที่แล้ว (ถ้านับตั้งแต่ตระกูล พอซโซ่ เมื่อเดือนมิถุนายน 2010 ก็เป็น 12 คน)
มีช่วงบ้าคลั่งอยู่ครั้งนึงถึงขนาดเป็นที่โจษจันสมัยยังอยู่ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ คือฤดูกาล 2013 หลัง จิอันฟรังโก้ โซล่า พา วัตฟอร์ด แพ้ คริสตัล พาเลซ ในรอบชิงเพลย์ออฟจากนั้นไม่กี่เดือนก็ถูกปลด
จุปเซปเป้ ซานนิโอ เข้ามารับงานในเดือนธันวาคมแต่เดือนสิงหาคมถูกปลดด้วยเหตุผลว่าคุมนักเตะในห้องแต่งตัวไม่อยู่
ออสการ์ การ์เซีย อดีตบอส คาร์ดิฟฟ์ ถูกดึงมาเสียบแต่อยู่ได้เดือนเดียวก็ไปอีกคนแต่คราวนี้เป็นปัญหาเรื่องสุขภาพ
บิลลี่ แม็คคินเลย์ โค้ชทีมเยาวชนรับตำแหน่งขัดตาทัพแทนซึ่งผลงาน 2 เกมแรกชนะ 1 เสมอ 1 แต่ พอซโซ่ แกไม่พอใจก็เลยสั่งปลดทำให้ แม็คคินเลย์ อยู่คุมทีมได้เดือนเดียวจนเป็นหนึ่งในกุนซือที่อายุสั้นที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ
ซลาวิซ่า โยคาโนวิช เป็นผู้จัดการทีมคนที่ 4 ในซีซั่น 2014 ซึ่ง วัตฟอร์ด เลื่อนชั้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีกแต่บอสชาวเซอร์เบียกลับไม่ได้อยู่รับความดีความชอบหลังลุงแกไปดึง กิเก้ ซานเชส ฟลอเรส มาคุมบังเหียนแทนในเดือนมิถุนายน 2015 หรือก่อนฤดูกาลเริ่มเพียงแค่ไม่ถึง 2 เดือน
จนกระทั่งเหมือน พอซโซ่ เจอคนที่ใช้อย่าง มาร์โก้ ซิลวา ที่ไปลากมาจาก ฮัลล์ ซิตี้ เมื่อปี 2017 ซึ่งผลงานดูดีมีอนาคตจนถูกสื่อยกย่องและเป็นที่หมายตาของหลายสโมสร
ในเดือนพฤศจิกายน ซิลวา เป็นข่าวกับ เอฟเวอร์ตัน อย่างหนักเพราะ “ท๊อฟฟี่” เพิ่งปลด โรนัล คูมันน์
ข่าวการดูด ซิลวา ตรงนี้เองครับที่ทำให้ผลงานของ วัตฟอร์ด ย่ำแย่ลงตลอด 2 เดือนด้วยการทำได้แค่ 5 แต้มจาก 10 เกมในลีกจน พอซโซ่ ไล่ออกในเดือนมกราคม 2018
และสมหวัง เอฟเวอร์ตัน ที่แต่งตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ พร้อมจ่ายค่าเสียหายให้ “แตน” 4 ล้านปอนด์หลัง พอซโซ่ โวยวายผ่านสื่อว่าการทาบทามแบบไม่ถูกต้องหนนี้ส่งผลกระทบต่ออนาคตของสโมสร
ครับ...สโมสรอย่าง เชลซี ซึ่งเปลี่ยนโค้ชบ่อยแต่ก็เป็นการเปลี่ยนเมื่ออะไรหลายๆอย่างมันไม่เวิร์คและทุกๆครั้งมันได้ผลเมื่อ “สิงห์บลู” ยังคว้าแชมป์ได้เรื่อยๆไม่ว่าจะกุนซือคนไหนภายใต้ยุคของ โรมัน อับราโมวิช
แต่ “แตน” 5 ปีกุนซือ 7 คน!!
การเปลี่ยนโค้ชตามใจฉันแล้วแต่อารมณ์ฉันโดยไม่แคร์ถึงความเป็นจริง ไม่ได้ตัดสินใจโดยยืนบนพื้นฐานของเหตุและผลจึงนับว่าอันตรายเหลือเกิน
ความต่อเนื่องในการสร้างทีมต้องมารื้อกันใหม่เมื่อมีผู้จัดการทีมย้ายเข้ามา นักเตะและแฟนบอลไม่รู้สึกถึงการก้าวไปข้างหน้ามีแต่ความรู้สึกไม่ปลอดภัยกับเจ้าของประเภทนี้
หาก วัตฟอร์ด ตกชั้นงวดนี้อาจจะไม่โชคดีเหมือนปี 2014 เพราะดันมาเกิดในช่วงโควิดระบาด สถานการณ์ต่างจากในอดีตแน่นอน
เราเห็นกันมาเยอะแล้วเมื่อเจ้าของทีมบ้าอำนาจสุดท้ายไม่พ้นความฉิบหาย
การไม่มีแต้มในเกมล่าสุดกับ แมนฯซิตี้ ไม่ใช่สิ่งที่เกินคาดใดๆครับแต่การโดนยิง 4-0 ทำให้ประตูได้เสียที่เคยดีกว่า แอสตัน วิลล่า และ บอร์นมัธ 4 ลูกตอนนี้ไม่ได้เปรียบอะไรอีกแล้วครับ
และไม่มีอะไรจะเลวร้ายไปกว่าการที่ทีมตัวเองแพ้และ วิลล่า ที่เตะคู่ต่อมาดัน ชนะ อาร์เซนอล 1-0 ส่งผลทำให้ลูกทีมของ ดีน สมิธ ขยับขึ้นมาอยู่โซนปลอดภัยแทนที่เรียบร้อยแล้ว
“แตน” จึงไม่อยู่ในสถานะที่ control สถานการณ์เหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้วครับ ต้องไปวัดว่าใครจะชนะคู่แข่งมากกว่ากันแค่ไหนเนื่องจากประตูได้เสียของทั้ง 2 ทีมห่างกันแค่ลูกเดียว
ในขณะที่ บอร์นมัธ เราสามารถพูดได้ว่าตกชั้นไปแล้วครึ่งตัวเนื่องจากต้องทำถึง 2 เควสคือ “ชนะ” ไว้ก่อนและ “แช่ง” ให้ วิลล่า และ วัตฟอร์ด “แพ้” พร้อมๆกัน เห็นเควสแบบนี้แทบอยากเขวี้ยงจอยทิ้งจริงๆครับ
วันดีเดย์นัดสุดท้ายทั้ง 3 ทีมจะเป็นทีมเยือนทั้งหมดโดย วัตฟอร์ด หนักสุดเมื่อต้องเจอกับ อาร์เซนอล
บอร์นมัธ เล่นกับ เอฟเวอร์ตัน ที่กูดิสัน พาร์ค และ วิลล่า ไปลอนดอนพบ เวสต์แฮม
ข้างบนเบียดกันมัน ข้างล่างก็บี้กันแหลกขนาดนี้ ถั่ว เหล้าเบียร์ ลาบ ต้องมาแล้วครับ...
แก้ไขล่าสุดโดย เบน ฟรีคิก เมื่อ Wed Jul 22, 2020 05:05, ทั้งหมด 1 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ