ถ้าคิดจะไป แชมเปี้ยนส์ลีก นับจากนี้ต้องห้ามมีใครพลาดซึ่งผมเชื่อว่าเกมที่ เซลเฮิร์ส ปาร์ค ก่อนมีประตู 1-0 ในช่วงทดเจ็บครึ่งแรก แฟน แมนฯยูฯ แอบสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของการเสียแต้ม 2 เกมติดต่อกัน

สภาพการขึ้นเกมที่ตะกุกตะกักของ “ปีศาจแดง” และเป็นฝั่ง คริสตัล พาเลซ ที่ต้องการแสดงตัวอยากหยุดสถิติแพ้รวด 5 นัดติดเราจึงได้เห็นความหิวโหยการวิ่งที่เหมือนคน “ดีด” ยิ่งทำให้รูปเกมของ ยูไนเต็ด ไม่มีวี่แววว่าจะหาโอกาสทำประตูได้เลย

ผมว่าเกมตื้อๆของ “ปีศาจแดง” ส่วนหนึ่งมาจากแบ็คซ้ายคือ ทิโมธี โฟซู-เมนซาห์ ที่หากเรียงตามบัตรคิวแกนี่ตัวเลือกอันดับ 3 หลัง ลุค ชอว์ และ แบรนดอน วิลเลี่ยมส์ ที่ดันมาเจ็บพร้อมกันในเกมเสมอกับ เซาแธมป์ตัน

คือแบ็คดาวรุ่งวัย 22 ปีไม่กล้าเล่นและดูลนลานทำให้เดือดร้อนถึง มาร์กซิยาล ต้องมาคอยขึ้นเกมล้วงบอลจากปีกซ้ายแทนในหลายๆครั้งจนตำแหน่งทับกันเสียตัวไปฟรีๆ

ครับในระหว่างที่ยัง 0-0 ผมนึกในใจว่าบอลคู่นี้เหมือนการชกมวยที่ต้องการ “เลือด” จากฝั่งไหนซักฝั่งเพื่อให้เกมเปิดและด้วยความสุดยอดของ ดาบิด เด เกอา ทำให้ไม่ใช่พวกเขาที่ต้องเป็นฝ่ายหลั่งเลือด

ประตู world class ที่มีทั้งความคลาสสิคและความนิ่งในแท่งเดียว(หลอกทีเดียวตายไป 3 ศพ) ของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ในช่วงทดเจ็บเปลี่ยนทุกอย่าง นอกจากทำให้รูปเกมในครึ่งหลังเปลี่ยนไปมันเป็นการกดความมั่นใจของแข้ง “ปราสาท” ให้เลิก “ดีด” แบบแทบจะทันที

ประตูนี้ผมยกให้เครดิต บรูโน่ แฟร์นานเดซ เยอะกว่าใครเพื่อนครับ เพราะการที่แกแทงให้ มาร์กซิยาล แล้วขยับตัวเองจน หมาก เคาะบอลทำชิ่งให้ต่อได้ทันทีจนกลายเป็นประตูสุดสวยในเวลาต่อมา

การเล่นในพื้นที่แคบๆและมีตัวประกบต้องเล่นแนวนี้ครับ ไม่ใช่ว่าคุณให้บอลเพื่อน(ซึ่งหันหลังอยู่) แล้วก็จบกันไปแบบนี้เพื่อนก็โดนเตะตาย การที่ตัวจ่ายวิ่งขยับให้เพื่อนรู้ว่าส่งมาให้กูได้เปรียบตรงที่ว่าคนวิ่งจะหันหน้าเข้าหาประตูฝั่งตรงข้ามเห็นการวิ่งของตัวอื่นๆ การเล่นในช็อตต่อไปจะอันตรายกว่า

ผมว่าในช่วงที่ ยูไนเต็ด ดูอันตรายน้อยที่สุดแต่ พาเลซ กลับไม่สามารถเปลี่ยนให้เป็นสกอร์ได้ ส่วนหนึ่งต้องชมความเหนียวของ ดาบิด เด เกอา ที่เซฟลูกยากๆไม่ต่ำกว่า 2-3 ครั้ง

โดยเฉพาะลูกพุ่งปัดตรงสามเหลี่ยมช่วงทดเจ็บครึ่งแรก(หลังออกนำ 1-0) ที่อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเกมก่อนเข้าห้องแต่งตัว

เกมของ พาเลซ หากคุณตัด วิลเฟร็ด ซาฮา และพยายามกันไม่ให้ อังเดร อาร์ยิว ได้มีพื้นที่ยิงก็ไม่มีอะไรแล้วครับทีมนี้ อาวุธอยู่ที่ 2 ตัวนี้ล้วนๆส่วนอีกคนที่น่าจะฝากฝังได้ในตำแหน่งปีกขวาอย่าง แอนดรอส ทาว์นเซนด์ ผมว่าตัวนี้แค่คล่องแต่เล่นบอลไร้ประสิทธิภาพมาก

ผมเชื่อว่านาที 56 น่าจะเป็นช่วงเวลาบีบหัวใจของเหล่าเร้ดอาร์มี่ที่สุดแล้วในวันนี้จากการที่ อาร์ยิว ยิงตีเสมอ 1-1 แล้วต้องมาดูกราฟฟิค VAR ที่ตีเส้นยึกยักไปมาจนสุดท้ายโชคดีรอดไปเพียงแค่ไม่กี่มิล

และคงเป็นโชคร้ายซ้ำ 2 ของเจ้าถิ่นเพราะครึ่งแรกจังหวะที่ ซาฮา โดน ลินเดอเลิฟ หวดเต็มแข้งในเขตโทษกลับไม่มีการเรียกดู VAR

อันนี้ผมคงไม่ยกมาเป็นประเด็นให้ใหญ่โตเพราะก่อนหน้านี้ด่า VAR มาเยอะแล้ว สุดท้ายมันขึ้นอยู่กับโชคว่าใครจะเป็นคนคุมแล้วมาลุ้นอีกทีว่าจะเรียกดูหรือไม่

แต่เท่าที่สังเกตถ้ามีการฟาว์ลแบบนี้แล้วบอลไม่ตายจนเกมไหลไปเรื่อยๆส่วนใหญ่จะไม่ย้อนดู VAR ผมคิดว่าผู้ควบคุมไม่กล้าพอที่จะแจ้งไปยังผู้ตัดสิน

ผมมีทริคเล็กๆมาฝากคือให้ผู้เสียประโยชน์ลองเจตนาทำฟาว์ลให้เกมหยุด เผื่อมีเวลาซักนิดให้ห้อง VAR ได้รู้สึกว่ามีเวลาที่จะส่งสัญญาณให้ผู้ตัดสินชะลอการเล่นเพื่อพิจารณาเหตุการณ์

จากการค้างสกอร์ 1-0 อย่างที่ผมบอกมันเหมือนระเบิดเวลาและวันนี้ ยูไนเต็ด ซึ่งมีบทเรียนก่อนมาได้ประตูที่ทำให้งานโต๊ะจีนจบจากลูก 2-0 ของ มาร์กซิยาลก่อนหมดเวลา 12 นาที

และเป็นการเข้าทำจากทีมเวิร์คที่เริ่มจาก บรูโน่ คนเดิมให้ แรช ที่โชว์เซนส์เบิ้ลจังหวะเดียวจน “หมาก” หลุดไปล่อเป้า

ครับ...จากการที่ เลสเตอร์ เอาชนะ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ในข่วงคู่เที่ยงคืนด้วยสกอร์เดียวกัน 2-0 ทำให้สถานการณ์อันดับในตารางไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

เราจะได้เห็นเงื่อนไขว่าทีมไหนต้องชนะอย่างเดียวหรือต้องแช่งทีมอื่นก็ในนัด 37 นี่แหละครับและ “ปีศาจแดง” น่าจะเป็นทีมที่มีโอกาสกุมความได้เปรียบมากกว่าทั้ง เชลซี และ เลสเตอร์

ยูไนเต็ด มีโปรแกรมง่ายกว่าเยอะครับเมื่อได้เล่นในบ้านเจอกับ เวสต์แฮม ซึ่งยังไม่ปลอดภัยในการอยู่รอดและต้องการแต้มเพื่อไปทำศึกสำคัญกับ แอสตัน วิลล่า ในเกมสุดท้าย

ผมมั่นใจว่าเกมนี้ลูกทีม เดวิด มอยส์ มาอุดเต็มตัวแน่นอนเพราะถ้ามีแต้มกลับออกไปนัดชี้ชะตากับ “สิงห์ผยอง” แค่เสมอก็รอดแล้ว (ในเงื่อนไขที่ วิลล่า ต้องชนะ อาร์เซนอล ในนัดรองสุดท้ายก่อน)

ส่วน “สิงห์บลู” จะบอกว่าเจองานหนักก็ไม่เชิงเพราะ “หงส์แดง” พร้อมแจกแต้มได้ทุกเวลาแม้จะเป็นวันที่รับถ้วยก็ตาม ส่วน “จิ้งจอก” ต้องถาม สเปอร์ส ว่าอยากไปยูโรป้า ลีก มากแค่ไหน

เผลอๆเราจะได้เห็นวันปิดฤดูกาลเป็น “ปีศาจแดง” ขอแค่เสมอ เลสเตอร์ ก็จะได้ไป UCL ด้วยซ้ำ

แต่ที่น่าสนใจไปกว่าเกมที่ว่าคือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา จะบริหารโปรแกรมช่วงนี้อย่างไรเพราะจบเกมที่ชนะ พาเลซ 2-0 ได้พักแค่ 2 วันต้องเตะ เอฟเอ คัพ กับ เชลซี ในวันอาทิตย์ที่ 19

จากนั้นวันพุธมีเกมพรีเมียร์รองสุดท้ายกับ เวสต์แฮม ที่ถือว่าจะเป็นเกมที่ทำให้พวกเขาถือความได้เปรียบ

นั่นหมายความว่าลูกทีม “เฮียยิ้ม” ต้องลงเตะ 4 นัดใน 11 วัน!!

เป็นการอัดแน่นที่ไม่สามารถหลบหลีกไปไหนได้เลยในเมื่อเจ้าของลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกต้องการให้จบก่อน 27 เดือนนี้

ซึ่งสภาพนักเตะของ แมนฯยูฯ เท่าที่ผมดูมาพวก บรูโน่, ป็อกบา, กรีนวู้ด หรือแม้กระทั่ง แม็คไกวร์ ดูอิดโรยมาก ถ้าเป็นน้ำมันเครื่องก็เหนียวเหนอะสุดๆ

ถ้าเอาตามหลักในเมื่อ เอฟเอ คัพ มาผิดที่ผิดเวลาและ แชมเปี้ยนส์ลีก ยังเป็นตัวกำหนดทิศทางอนาคตของสโมสร

คงไม่มีใครว่าอะไรหาก ยูไนเต็ด หรือ เชลซี จัดตัวให้เสมือนทิ้งรายการนี้เพื่อเป้าหมายที่ใหญ่กว่า

และหวังว่าขุมกำลังสำรองจะมอบชัยชนะเพื่อขอลุ้นแชมป์ซักรายการก่อนปิดซีซั่นสวยๆ

ส่วน ยูโรป้า ลีก ในเดือนสิงหาคม ก็แล้วแต่พวกคุณเลยครับ ผมไม่อยากเป็นห่วงเยอะ...

ทิ้งเถอะครับ ไปเน้นลีคกับยูโรป้าดีกว่า

เห็นด้วยครับ เชลซีถึงเเม้จะเจอลิเวอร์พูลที่แอนฟิลด์ เเต่ผมไม่ค่อยไว้ใจเลย(เพราะเเชมป์ไปเเล้วไง555 ถ้ายังไม่ได้เเชมป์นี่โอกาสเชลซีบุกมาเก็บ 3 เเต้มริบหรี่เเน่นอน เเต่นี่ช่วงหลังเหมือนฟอร์มหลังเเชมป์ หงส์ชักลวนๆนะ ) เเมนยูต้องยืนด้วยลำเเข้งตัวเองล้วนๆเเล้วล่ะ ส่วนเลสเตอร์ต้องไปเยือนไก่ ฟอร์มน้ามูผมก็ไม่กล้าเชื่อใจเท่าไร ต้องภาวนาให้ เคนกะซอน องค์ลงหนักๆเลย เพราะไม่มีโซยุนคู หวังว่าจะกระทบจิ้งจอกบ้างไม่มากก็น้อยนะ

ส่วนเเมนยูเจอเวอเเฮมที่ชนะเชลซีมา ผมนี่ไม่ไว้ใจเลย ยิ่งทีมอย่างเเมนยูมันจอมพลาดอยู่เเล้ว เกมนี้ลุ้นแบบเครียดๆเเน่นอน

ไม่น่าจะทิ้งนะ​ เป้าหมายมีไว้พุ่งชน​

มีโรเตชั่นแน่ๆ

ดูจากนิสัยโซลชา ไม่น่าจะตัด FA อาจจะเรเตชั่น และมีเปลี่ยนตัวครึ่งหลัง

Top 4 มีความสำคัญกว่า ดังนั้นทิ้ง FA แล้วมุ่งเป้าไปที่เกมส์ลีก 2 นัดสุดท้ายให้เต็มที่ดีกว่า

จริงครับ ใส่ตัวสำรองลงชุดใหญ่ไปก่อน อย่าให้เสียพอ ลดเพลสให้เต็มที่. ถ้าสกอร์เสมอได้ ท้ายเกมค่อยเปลี่ยนครบ 5 คน แล้วยังเสมอ ก็ต่อเวลา เปลี่ยนได้อีกหนึ่ง ต้องวางแผนดีๆ. แต่อย่าโลภ เพราะไม่ใช่นัดชิง

ทิ้งแม่งไปเถอะ FA Cupได้มาก็ได้แค่ไป ยูโรป้า. Top4มีค่ามากกว่าเยอะ

ชุดสอง ไปลุย

ไม่เชิงทิ้งแต่ต้องโรเตชั่นครับ เชลซีก็ต้องลุ้นทอปโฟร์เหมือนกันแต่ก็ได้เปรียบกว่าหลายขุมเพราะได้พักมากกว่า รอดูครับถ้าสู้ดีๆก็ไม่แน่แต่ถ้าแพ้ก็ตามนั้น ไปลุ้นทอปโฟร์ให้เต็มที่ จากนั้นค่อยโฟกัสยูโรป้าอีกที

เปนบทความที่ผมเหนด้วยทุกข้อเลย

ผมเป็นชนกลุ่มน้อยปะเนี้ย
ที่อยากให้เต็มที่ทุกรายการ

นาทีนี้ต้องการถ้วยแชมป์ครับ ผมว่าโซลชาไม่ทิ้งแน่นอน ถ้าตั้งใจเด็ดขาดเร้นได้ถ้วยยูโรป้าอีก อันดับ3-4 ก็ไม่มีความหมาย

ก็ส่งสำรองลงทั้งหมด ไม่ถึงกับต้องทิ้ง