หากดูจากภาพรวม แฮรรี่ เคน ในฤดูกาลนี้
มีสถิติการยิงประตูลดลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับหลายๆฤดูกาลที่ผ่านมา



ตัวหนังสือสีเขียวแสดงถึงสถิติมากสุด ส่วนตัวหนังสือสีเหลืองคือสถิติน้อยที่สุด

แม้จะมีอาการบาดเจ็บ ทำให้จำนวนเกมที่เกมที่ลงน้อยลง
แต่เมื่อดูจากโอกาสในการทำประตูใน90นาที เขาสามารถทำได้เพียง0.57ครั้งต่อเกมเท่านั้น




แต่อย่างไรก็ตามสถิติดังกล่าว ก็ไม่สามารถใช้ในการเปรียบเทียบระหว่างสองกุนซือได้
ดังนั้น จึงขอชี้ให้เห็นในแง่ของแทคติก และสไตล์การเล่น ที่มีการปรับเปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัด


บทบาทในเกมรุกของแฮร์รี่ เคน


ในยุคของเปอร์เชตติโน่ แฮรรี่ เคนจะถูกจับให้เล่นเป็นกองหน้าสไตล์Goal Approach
หรือก็คือกองหน้าที่มักยืนอยู่ในไลน์เดียวกับกองหลัง
เพื่อรอรับบอลแทงทะลุช่องจากเพื่อน หรือไม่ก็อยู่ในกรอบเขตโทษเพื่อรอเข้าชาร์จบอล

แต่ภายใต้การทำทีมของมูริญโญ่ เขาถูกสั่งให้ถอยลงมาต่ำมากขึ้น เพื่อเชื่อมเกม



พื้นที่สัมผัสบอลของแฮร์รี่ เคน

จากฮีทแมพข้างล่างนี้ แสดงพื้นที่ที่แฮรี่ เคน สัมผัสบอล(ในยุคของปอร์เชตติโน่)
จะสังเกตเห็นว่าเขาใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ภายในกรอบเขตโทษ และส่วนใหญ่อยู่ในแดนของคู่แข่งทั้งหมด


(ฮีทแมพ ในเกมพบกับแอสตัน วิลล่า ภายใต้การคุมทีมของพอซ)


ต่อมาเป็นฮีทแมพ(ล่าง) ในเกมที่เอาชนะเซาท์แธมตัน ภายใต้การคุมทีมของมูริญโญ่
การสัมผัสของแฮร์รี่ เคน ส่วนใหญ่จะเฉลี่ยๆอยู่บริเวณกลางสนาม มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่เขาจะได้สัมผัสบอลในบริเวณกรอบเขตโทษ


(ฮีทแมพ ในเกมพบกับเซาท์แธมป์ตัน ภายใต้การคุมทีมของมูริญโญ่)


การใช้ประโยชน์จากสกิลผ่านบอลของแฮร์รี่ เคน


ภาพล่างนี้ แสดงทิศทางการผ่านบอลของแฮรี เคน (ภายใต้การทำทีมของปอร์เชตติโน่)
อย่างที่กล่าวไป เคน คือ ศูนย์หน้าสไตล์goal appoach
ดังนั้น หน้าที่หลักของเขาจะเกี่ยวข้องกับไฟนอลบอล
จากรูปจะเห็นว่า การผ่านบอลหลายๆครั้งของเคนเกิดขึ้นภายในบริเวณกรอบเขตโทษ
เมื่อใดก็ตามที่เขาไม่มีจังหวะที่จะยิง เขาก็ยังสามารถผ่านบอลให้เพื่อนที่อยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบกว่ายิงได้





แต่ในเกมเจอเซาท์แธมป์ตัน (ภายใต้การคุมทีมของมูริญโญ่) ภาพล่าง
มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ที่เขาสามารถจ่ายคีย์พาส และเป็นการผ่านบอลจากนอกกรอบเขตโทษ






โอกาสยิงประตูของแฮร์รี่ เคน

นอกจากนั้น บทบาทใหม่นี้ ยังส่งผลกระทบต่อโอกาสในการทำประตูของแฮร์รี่ เคนอย่างมาก
ในเกมเจอแอสตันวิลล่า (ภายใต้การคุมทีมของพอซ)
เคนมีโอกาสยิงทั้งหมด7ครั้ง และมี2ครั้งเปลี่ยนเป็นประตูได้สำเร็จ
มี4ครั้งจากทั้งหมดเกิดจากการยิงในกรอบเขตโทษ
จะสังเกตในรูป(ล่าง) เป็นการยิงจากฝั่งซ้าย ซึ่งเป็นฝั่งที่เท้าขวาข้างถนัดได้สามารถทำการได้ดีที่สุด





ส่วนในเกมเจอเซาท์แธมป์ตัน (ใต้การคุมทีมของมู)
เคนมีโอกาสยิงทั้งหมด2ครั้ง และทั้งสองครั้งมาจากการยิงจากนอกกรอบเขตโทษทั้งหมด
เนื่องมาจากการdeep positionของเขา




ปล. ทั้งหมดที่ยกมาเทียบให้ดู เพื่อให้เห็นสไตล์การเล่นและบทบาทของแฮร์รี่ เคน ที่เปลี่ยนไปเท่านั้น
แทคติกของโค้ชแต่ละคนก็มีทั้งดีและแย่ทั้งนั้น แค่อยากให้ลองถกเถียงกันดูว่า สไตล์การเล่นแบบไหน เหมาะกับเคน


ที่มา (แปลมาจาก) : https://totalfootballanalysis.com/player-analysis/harry-kane-201920-scout-report-tactical-analysis-tactics

ถ้ามูทำสเปอร์สแตกก็อยากให้เป๊ปลองมาเอาเคนไปนะ
ผมว่าทีมผมถ้ามูทำแตกรอบนี้คงใช้เวลาสร้างใหม่นานละ
ถ้าเคนย้ายไปหาความสำเร็จบ้าง ผมก็โอเคให้ทีมมาเยอะละ
อยู่กับเป็ปน่าจะเข้าระบบเลยแถมซิตี้จะได้กองหน้าที่
หวังผลกับลูกกลางอากาศได้บ้างด้วย

การขายอีริคเซ่นนั่นแหละปัญหาใหญ่ นอกจากเดอร์บอยแล้วผมชอบอีเรคเซ่นมากเลย

มาดริดหากองหน้าจบคมๆอยู่นี่ เคนคือคำตอบ

สเปอร์นี่หลายองค์ประกอบมากๆ
มองเผินๆเหมือนจะดีนะ ผมว่าทีมมันขาดอะไรอีกเยอะเลย
กองกลางตั้งแต่เสียมุซซ่าเดมเบเล้ไปก็ยวบไปเยอะเลย
อีริคเซ่นก็ไม่เอาเลยตอนก่อนย้าย
ทุกคนอาจจะชินกับภาพพอชว่าพาทีมไปไกลแค่ไหน
กลับมาดูด้วยว่าก่อนโดนปลดทีมมันเละขนาดไหน
มูมารับไม้ต่อกลางทาง ไม่มีเวลาเตรียมทีมไรเลย
เพราะฉะนั้นอย่าพึ่งตัดเกรดเลย ให้น้าได้ลงอีกหล่ยๆตลาดหน่อย ผมว่าทั้งทีมสเปอร์มีแค่ ซอน เคน ญอริส 3ตัวที่ดูจะเบียดทีมอื่นได้ นอกนั้นมันยังไม่ถึงขั้น A ด้วยซ้ำ
แบ็คขวา คู่เซ็นเตอร์ กองกลาง กลางรุก ริมเส้น เทียบกับ Big6 ไม่ได้เลย

ถ้าเคนจะย้ายผมจะไม่ว่าอะไรแกเลย ทีมตอนนี้แม่งโคตรไม่มีอนาคต

สไตล์มูกองหน้ายิงไม่เยอะอยู่แล้ว จะเล่นดึงตัวประกบ ฉีกออกข้าง สร้างโอกาสให้กลางกับปีกไรงี้ซะมากกว่า เว้นแต่กองหน้าจะฟอร์มเข้าฝักแบบยิงเป็นเข้าจริงๆ ถึงจะทำประตูได้เยอะ เพราะกองหน้าของมูโอกาสง้างยิงมีไม่มากนัก

จิ้มไปที่พอชกับเคนเหมาะสมกันมากกว่า แต่อยากให้มูปรับเปลี่ยนแท็คติคตัวเองเพื่อเคนบ้าง ไม่ใช่ใช้แต่แผนเดิมๆ ที่ตัวเองเคยประสบความสำเร็จในอดีต จุดเด่นของเคนคือความโคตรคมก็น่าจะให้แกได้มีโอกาสเล่นในกรอบเยอะๆ หน่อย

มีข้อสงสัยว่าสไตล์นี้ส่งผลกระทบต่อเคนคนเดียวหรือเปล่า?

จึงค้นต่อ
เพื่อดูheat mapของลูกากู พบว่า
พื้นที่รับบอลอยู่นอกกรอบเขตโทษซะส่วนใหญ่เช่นเดียวกับเคน





ต่างกันที่เคนดูไม่ใช่target man แบบลูกากู ที่มักถอยต่ำ เพื่อพักบอล

แท็คติคแตกต่างไปตามผจก.ทีม ดี/ไม่ดี วัดที่ผลงาน

ส่วนตัวมองว่า เลวี่ เดิมพันแบบเสี่ยงมากในการตั้งน้ามูมาคุม
คือไม่ดีก็แย่ไปเลย แต่ทั้งนี้ก็อยู่ที่ว่าจะให้เวลาแกนานแค่ไหน
สนับสนุนแกเต็มที่หรือเปล่า เพราะดูแล้วต้องเปลี่ยนทีมเยอะพอควร

ด้วยความเป็นติ่งน้าแกตั้งแต่ปอร์โต้ กับตอนพาเชลซียิ่งใหญ่ในยุคแรก
รวมถึงเอาใจช่วยตอนคุมยูไนเต็ด (แต่ก็พังในเวลาต่อมา)
ก็อยากให้แกทำได้ดี เอาแบบขึ้นมาคั่ว Top 4 แบบจริงจัง ก็ถือว่าดีมากแล้ว

ถ้ามองลึกหน่อยเราจะเห็นว่าเคนมีส่วนร่วมกับทีมมากขึ้น ผมเชื่อแบบนั้น ทีนี้ขึ้นอยู่กับว่าเพื่อนใช้ประโยชน์จากการสร้างเกมส์ของเคนได้แค่ไหน ถ้าคุณมองไม่ออก แสดงว่ามองไม่ลึกพอ

แต่เท่าที่ผ่านมา ผมเห็นมีแต่คนบอกว่าเคนหายไปจากเกมนะครับ ดูไม่ค่อยสอดคล้องกันเท่าไหร่

สงสัยผมจะมองไม่ลึกจริงๆ

ผมอ่านกระทู้นี้มา http://www.soccersuck.com/boards/topic/1686211 ผมเลยหัดมองลึกมาตลอดครับ แต่ผมกด vote พอชนะเพราะยังไม่แน่ใจว่ามองลึกพอรึเปล่า

หายเจ็บกลับมา แต่ยังไม่ฟิตเลย อืดมากวิ่งแถมไม่ออก ตัวเคนเองก็เปลี่ยนสไตล์การเล่นด้วยละครับ เจ็บหนักๆมา2หน ถ้าได้ดูเกมจริงๆ แกวิ่งไม่ไปละ

กลัวจะหมดสภาพก่อนวัยอันควร

นัดเจอเวสแฮม วิ่งไปยิงเสร็จแกนอนเลย มาให้สัมภาษณ์บอก มันเหนื่อยจริงๆ เลยขอนอนหน่อย 55555

ในบทความ เขายกตัวอย่าง
กองหน้าสไตล์Goal Appoarcher ได้แก่ แฮรี่ เคน และกุน อเกวโร่

ดังนั้น ในเมื่อสองคนนี้สไตล์เดียวกัน ผมว่าคงแทนกันได้แน่ๆ แถมเพิ่มความอันตรายจากลูกกลางอากาศอีก

ลูกากูเองก็ไม่ใช่ target man โดยกำเนิดเหมือนกันครับ
ตอนอยู่เอฟนี่คือรับบอลแล้วหันหน้าวิ่งไถเข้าหาประตูอย่างเดียวเลย
เพิ่งมาเล่น target man (แบบไม่ค่อยดีเท่าไร) ตอนอยู่แมนยูกับมูนี่แหละครับ