ไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลหรือประเด็นใดๆเพราะวันนี้ความผิดพลาดส่วนบุคคลล้วนๆทำให้เกมบิ๊กแมทช์ที่มี “ศักดิ์ศรี” เป็นเดิมพันจึงจบลงที่ชัยชนะอย่างถล่มทลายของ แมนฯซิตี้ เหนือ “แชมป์” ลิเวอร์พูลถึง 4-0

ผลออกมาเช่นนี้ประเด็น guard of honour ที่แข้ง “เรือใบ” ยืนตั้งแถวปรบมือแบบแห้งๆแต่แววตาและท่าทางหลังจากนั้นบ่งบอกได้ชัดเจนว่าเดี๋ยวไปเอาคืนในเกมจึงเป็นไฮท์ไลท์ดีๆเพียงอย่างเดียวในวันนี้ของ “หงส์แดง”

การยิงเข้ากรอบทั้ง 3 หนเป็นประตูทั้งหมดของ “เรือใบ” เปรียบเทียบกับฝั่งทีมเยือนที่โอกาสเป็นเนื้อเป็นหนังไม่ว่าจะลูกยิงเต็มข้อของ โม ซาลาห์ ตั้งแต่นาทีที่ 3 หรือแข้งอียิปต์คนเดิมยิงชนเสา

เมื่อมีโอกาสจะๆกับทีมระดับ ซิตี้ แล้วทำไม่ได้คุณย่อมถูกลงโทษไม่ช้าก็เร็ว อันนี้เป็นตำราคู่มือที่ทุกทีมรู้อยู่ก่อนแล้ว

จบนัดนี้ โจ โกเมส อาจต้องเรียนรู้ศึกษาการเล่นในตำแหน่งเซนเตอร์จากลูกพี่ เวอร์จิล เพิ่มเติมอีกเยอะๆเลยเพราะควรรับรู้โดยสัญชาตญาณว่าการดึงคู่แข่งในเขตโทษโดยที่ตำแหน่งตัวเองเสียเปรียบแล้วดึงไม่ปล่อยจนผู้ตัดสินไม่สามารถมองเป็นอย่างอื่นไปได้เลย

แค่เหตุการณ์นี้เหตุการณ์เดียวทำให้จากเกมที่สูสีและ “หงส์แดง” ไม่เป็นรองจึงเปลี่ยนไปทันทีและเหมือนทำให้คนอื่นๆเกือบทั้งทีมที่กำลังเล่นดีๆเหมือนถูก "สิงร่าง"เป็นลูกโซ่ดังจะเห็นได้จากลูก 2 ที่เสียนี่เริ่มที่ จินี่ ไวจนัลดุม จ่ายกลางสนามพลาดแล้วโดนลงโทษในพริบตา

อีกคนที่ควรไปตั้งสติและใช้สมองให้มากกว่าแรงงานก็คือ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน หลังวันนี้พี่แกหลุดตำแหน่งหลายหนจนโดนทะลวงเละเทะ เรียกว่าวิ่งแบบบ้าคลั่งไม่ลืมหูลืมตา

เห็นแล้วให้ความรู้สึกเหมือนเล่นบอลโรงเรียนแล้วมีผู้ปกครองมายืนให้กำลังใจยังไงยังงั้น

ผมเดาว่าแกอยากสอนเชิง ฟิล โฟเด้น ดาวรุ่งที่เล่นฝั่งขวาและเจอกันบ่อยจนเข้าพรวดสร้างงานให้เพื่อนร่วมทีมไปหลายดอกและต้องรับไปเต็มๆกับลูก 3 แถมลูก 4 ก็ไม่เหลือเหลี่ยมหนึ่งในแบ็คซ้ายที่ดีที่สุดในโลกเมื่อวิ่งแบบไม่มีเบรกโดน สเตอร์ลิ่ง หลอกง่ายมาก

ลิเวอร์พูล ควรรู้สึกว่าตัวเองโชคดีด้วยซ้ำครับที่โดนไปแค่ 4 ลูกเพราะครึ่งหลังนี่แค่ต้นเกมก็เกือบพังแถมเป็นความผิดพลาดที่ เดอะ ค็อป ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยตลอดการคุมทีมภายใต้ เยอร์เก้น คล็อปป์ คือการทุ่มคืนของ เทรนต์ ที่กะจะให้ข้ามหัวแต่กลายเป็น เชซุส ได้ล่อเป้าหน้าตาเฉย

เมื่อ 3 ใน 4 แนวรับดันมาประชุมเพลิงโดยไม่ได้นัดหมายไม่ว่าจะเทรนต์, โรเบิร์ตสัน และ โกเมส โดยเฉพาะคนหลังอาการหนักจนถูกเปลี่ยนตัวออกช่วงพักครึ่งทำให้ Vvd คนเดียวจึงช่วยอะไรไม่ได้จริงๆครับ

สำหรับ “หงส์แดง” ถ้านับมาตรฐานของทีมตลอดทั้งปี เกมนี้จึงเป็นแค่เกม “นอกคอก” ที่เราไม่คุ้นชิน (รวมถึงวันที่แพ้ วัตฟอร์ด 3-0) ดังนั้นผมว่ามันไม่ได้เป็นเรื่องโลกแตกหรือแก้ไขอะไรไม่ได้

มองให้ไกลและกว้างๆผมว่าไม่ผิดอะไรนะหาก JK จะยกเกมนี้ให้เป็น how to แนวทางการป้องกันแชมป์ของลูกทีมในฤดูกาลหน้าเพราะมันเป็นธรรมชาตินะครับสำหรับอาการ “คันตีน” ของคู่แข่งเมื่อคุณได้ชื่อว่าเป็นแชมป์

แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นวันนี้ “เรือใบ” ได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างสมบูรณ์แล้วนั่นคือล้ม “แชมป์” (แบบตบหน้าสั่น) และส่ง “message” ให้ทุกคนเห็นว่า “ศักยภาพ” ของพวกเขาไม่ได้ห่างไกลเหมือนคะแนนในตาราง ณ ตอนนี้เลย...

แมตช์ดึงสติแชมป์เปี้ยนจริงๆ

ความมุ่งมั่นล้วนๆแหละ ต่างกันเยอะ ต้นเกมส์ ลิเวอร์ยังกดซิตีัอยู่หมัดอยู่เลย โอกาสจะๆ 2 หนจากซาล่าห์ พอไม่ได้แล้วมาโดนลูกโทษ เลยเหมือนเครื่องช็อต

แต่ละคนเล่นเหมือนคนไม่มีแรง แบบนี้จะทำลายสถิติร้อยแต้มคงยากแล้ว

แถมฤดูกาลหน้าถ้าไม่เสริมสำรองดีๆ (โดยเฉพาะโอริกี้น่าจะไม่ดีพอแล้ว)... ป้องกันแชมป์ยากแน่ๆ [/instagram]

ออกอาการเลิ่กลั่กทั้งทีมเลย
เหมือนไม่เอา แววตาและภาษากายดูไม่ค่อยมุ่งมั่นกันเท่าไหร่ จิตวิญญานหายไปตั้งกะ 2-0

ลิ้วพูล ... ใครระดับโลกบ้าง บอกมา

ปล.ผมเชียร์หงส์นะ

โอริกี้คนเดียวฮะ คนนั้นระดับพระเจ้าเลย

เรื่องปลุกใจนักเตะ ยกให้เป๊บ แน่นอนจริงๆ ยิ่งถ้าฤดูกาลหน้าไม่ต้องเตะบอลยุโรป เท่ากับความฟิตมาเต็ม

หงส์วันนี้ผมมองว่าคือความผิดพลาดรายบุคคล. แล้วดันเป็นผู้เล่นเกมรับเสียด้วย สกอร์เลยออกมาอย่างที่เห็น


กลับกันที่น่าจับตามองผมกลับเห็นความคงเส้นคงวา ความน่ากลัวของซิตี้

ขนาดทีมไม่มีผู้นำ(ต้องใช้เดอบรอย). กองหลังที่ถือว่าอ่อนระดับท้ายๆของทีมลุ้นพื้นที่ยุโรป(เพราะกองหลังตัวหลักเจ็บระนาว). ยังประคองทีมแต้มขาดอันดับสามขนาดนี้

ผมว่าปีนี้มีสองประเด็นที่ทำให้หงส์เป็นแชมป์

หนึ่งเลยหงส์แดงเก่งจริงๆ รักษาการทำแต้มลุ้นแชมป์ได้สองสามปีแล้ว ปีนี้จึงไม่น่าแปลกใจที่จะได้แชมป์เสียที

ประเด็นอย่างที่สอง ซิตี้พลาดให้ เพราะปีนี้ซิตี้แต้มผิดมาตรฐานมาก(ด้วยตัวผู้เล่นสำคัญๆผลัดกันเจ็บตลอดฤดูกาล) ถ้าได้คูลิบาลี่มาจริง ฤดูกาลหน้าแมนยูผมก็คงยืนดูตาปริบเช่นเคย

ขอบคุณ สำหรับ Score สูง

ปลุกสติว่าอย่าฝันหวาน ไม่เสริมตัว

เพราะฝีเท้าจริงๆนักเตะก็ประมานนี้ล่ะ

ซาล่า มาเน่ เฟอร์มิโน่ วันนี้ทุกคนโชว์ฟอร์มไม่ออกด้วย โดยเฉพาะมาเน่จับบอลลกมากในจังหวะสำคัญ ประมาณว่าคนไม่ใช่ทำอะไรก็ผิด กองหลังก็มาพลาดส่วนตัวเยอะ นัดนี้สมควรแพ้ คิดในแง่ดีก็ไม่แพ้8-9ลูกดีเท่าไหร่ละ

เล่นแบบว่า กูแชมป์นะเว้ย วิ่งใส่แล้วคิดว่าต้องได้ มันชะล่าใจพอไม่ได้จึงเหมือนเข้าพรวด เลยโดนซิตี้ตบซะ ดีแล้วจะได้ดึงสติกลับมาว่าต้องเล่นแบบให้เกียรติคู่แข่งเหมือนที่แล้วๆมา

แฟนตาซีผม ลิเวอร์พูล3ตัว 0แต้ม

เข้ามาอ่านด้วยคนครับ