โจทย์ “หนัก” ของ มูรินโญ่ กับ “ไก่เดือยทอง”
ชัยชนะ 2-0 ของ สเปอร์ส เหนือ เวสต์แฮม ในศึก ลอนดอน ดาร์บี้ แมทช์ ต้องบอกว่าหน้าเสียวไส้เอามากๆเนื่องจากต้องรอให้ทีมเยือนทำเข้าประตูตัวเองในนาที 64 จากนั้นทุกอย่างเลยเข้าทางเด็กๆของ โจเซ่ มูรินโญ่
การตั้งรับแน่นหน้าเขตโทษตัวเองของ “ขุนค้อน” ใช้ไม่ได้อีกต่อไป หลังลอยดันตามพวกแนวรุกก่อนโดนสวนกลับจน แฮร์รี่ เคนหลุดเดี่ยวตั้งแต่กลางสนามจนปิดกล่อง 2-0 เป็นการทำ 137 ประตูจากการลงสนามนัดที่ 200 ของกัปปิตัน
หากใครตามข่าวก่อนลอนดอน ดาร์บี้ แมทช์ ระหว่าง สเปอร์ส และ เวสต์แฮม จะเห็นประเด็นปะทะคารมที่ค่อนข้างดุดันพอสมควร
พอล เมอร์สัน อดีต นักเตะ อาร์เซนอล พูดในทำนองว่า แฮร์รี่ เคน อาจไม่รุ่งหากยังต้องเล่นภายใต้การคุมทีมของ โจเซ่ มูรินโญ่ ที่อย่างที่เราทราบกันดีว่าไม่ว่าจะคุมทีมไหนแกเน้นผล เน้นเกมรับเป็นสำคัญ
ดังนั้นธรรมชาติของ “ไก่เดือยทอง” คือรุกเอนเตอร์เทนและเป็นแบบนี้มาทุกยุคทุกสมัย ใครได้ลองมาจับทีมๆนี้แล้วใช้สไตล์เนกาทีฟไม่รอดซักราย
แน่นอนครับคนอย่าง “น้ามู” ที่แกไม่ชอบให้ใครมาข่มหรือดูถูกแก (แต่แกทำได้)
ใช่แล้วครับ “เคน” หายไปนาน 5 เดือนและแทบไม่ได้มีประโยชน์อันใดในเกมที่ สเปอร์ส บุกไปเสมอกับ แมนฯยูไนเต็ดและน่าจะนับ 1 ได้จากการปลดล็อกยิงประตูตอกฝาโลงใส่ “ขุนค้อน” แม้สภาพโดยรวมยังจ่ายบอลเสียเยอะกว่ามาตรฐานก็ตาม
โจทย์ของ มูรินโญ่ ให้คลี่คลายตอนนี้ผมว่าเยอะนะ เอาแค่ปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้อย่าง “งบเสริมทัพ” ที่ผมว่า “ไก่เดือยทอง” ปาดเหงื่อนอนก่ายหน้าผากทุกคืนเพราะสนามใหม่ที่ต้นทุนบานปลายเกือบ 1 พันล้านปอนด์ (850 ล้านปอนด์) จากที่ตอนแรกตั้งไว้แค่ 400 ล้านปอนด์
แฟนบอลหมดสิทธิ์เข้าชม เงินค่าตั๋วที่เคยดีดลูกคิดต่อนัดเอาไว้ตอนนี้กลายเป็น 0 ไหนจะหนี้ที่ต้องคอยผ่อนชำระ จะประวิงไปได้นานแค่ไหน ค่าใช้จ่ายหลักที่ต้องแบก แล้วจะตกมาถึงเงินเสริมทัพกี่สลึง
เคราะห์ซ้ำ ดาเนี่ยล เลวี่ ประธานสโมสรตั้งใจจะโกยเงินจากการเล่น แชมเปี้ยนส์ลีก ตอนนี้เหนื่อยหนักเหลือเกิน
แต่สถานการณ์ ณ ปัจจุบันตัว “น้ามู” เองยังเปรยๆเลยว่าอาจลุ้นเอาที่ 5 แทนเพราะที่ 4 ดูท่าเลือนลางเนื่องจาก เชลซี ปิดโอกาสพยายามปิดเกมนัดต่อนัดจนฉีกที่ 5 คือ ยูไนเต็ดไปแล้ว 5 แต้ม
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว “น้ามู” ซึ่งไปคุมทีมไหนแกมีเงินให้ถลุงไม่อั้นแต่ที่ สเปอร์ส ในยามนี้ผมว่าถ้าไม่ขายตัวเป้งๆแล้วเอามากระจายซื้อตัวอื่นผมว่ายากและยิ่งช่วงโควิดระบาดค่าตัวนักฟุตบอลร่วงกันระนาว
ภาพของ มูรินโญ่ ในการคุมทีมช่วงหลังดาว์นลงไปเยอะนะครับ เหมือนสไตล์ของแกไม่ค่อยเป็นที่ต้องการเหมือนในช่วงพีคๆเพราะตัวแกเองก็อยู่คุมทีมไหนไม่เคยเกิน 3 ปี
ปัญหาที่น่าห่วงคือ สเปอร์ส ชุดพีคฤดูกาลที่แล้วภายใต้การทำทีมของ “พอช” พอไม่มถ้วยรางวัลแพ้ในรอบชิงแชมเปี้ยนส์ลีก เหมือนทุกคนถอดใจ อารมณ์ประมาณว่าชุดโหดสุดกุนซือโหดสุดยังไม่ได้ฉลองแล้วจะต้องรออะไรอีก
มูรินโญ่ จะฉุด “ไก่เดือยทอง” ด้วยวิธีไหนซึ่งผมมองว่ายากมากหากแกไม่มีงบซื้อนักเตะที่เล่นเข้ากับสไตล์ตัวเอง เหมือนที่แกมีทรัพยากรไม่สมประกอบในถิ่น โอลด์แทรฟฟอร์ดก็เลย “บริการ” ตาม “เกรด “ได้แค่ไหนเอาแค่นั้น สุดท้ายก็จบปิ้ง
เกมพบ “ขุนค้อน” แฟนเจ้าถิ่นที่ชมเกมอยู่ทางบ้านคงปวดหัวเพราะตัวรุกเล่นๆไปหายจ้อยเลยทั้ง เคน, อัลลี หรือแม้กระทั่ง ซน
เดวิด มอยส์ รู้ ทุกคนรู้ว่ายิ่งให้ ตัวรุกมีพื้นที่เล่นน้อยเท่าไหร่จะยิ่งปลอดภัยเท่านั้นและทุกอย่างเหมือนจะเป็นไปตามแผนจนกระทั่งเข้าสู่ช่วง 30 นาทีเป็นต้นไป
จากที่ทีมเยือนเก็บกิน ตามบี้แดนกลางจนดูไม่ออกเลยว่านี่คือฟอร์มของทีมที่เล่นนอกบ้านได้ห่วยเป็นอันดับ 15 คือเตะ 15 นัดชนะแค่ 3 และแพ้ถึง 9
แต่พอ “ไก่เดือยทอง” เหมือนเริ่มเฉียดไปเฉียดมาหน้าประตู ตอนนั้นแหละครับที่นักเตะเวสต์แฮมเริ่มไม่ไล่หันไปยืนออกันหน้าประตูและเป็นช่วงที่ตัวรุกเจ้าถิ่นเริ่มถูกนักพากย์เรียกบ่อยมาก
เกมนี้ดูไปดูมาผมกลับชอบ จาร์ร็อด โบเว่น คือแกเล่นบอลเนียนตา เท้าซ้ายเกมเหมือนสั่งได้ การล็อกการจ่ายบอลขวางสนามดูแล้วเพลินจริง (แต่ครึ่งหลังเงียบ ฮา)
ส่วนที่ต้องยอมเขาเลยนัดนี้คือ โล เซลโซ่ ที่มาฉายแสงโดดเด่นช่วงที่ สเปอร์ส เริ่มขึงเกมตั้งแต่นาทีที่ 30 เป็นต้นไป คือเป็นตัวคุมจังหวะในแดนกลาง และจังหวะสวนกลับยามมีพื้นที่สามารถควบบอลกินตัว จ่ายบอลแทบไม่เสียเลย แมน ออฟ เดอะ แมทช์ กันไปแบบไม่ต้องมีข้อกังขาครับ
กลับมาที่เกม จริงๆ สเปอร์ส น่าจะเปิดแผลขึ้นนำแต่โอกาสเหน่งๆเรียกว่ายิงยังไงก็เข้าทั้งในครึ่งแรกจังหวะ มูร่า ตั้งยิงตรงบริเวณจุดโทษหรือเป็นจังหวะสับในเขตโทษของ เคน แต่พลาดกันเองชนิดที่ มูรินโญ่ หน้าบอกบุญไม่รับ
ถ้า โทมัส ซูเซ็ค ไม่ทำเข้าประตูตัวเองผมยังเชื่อว่าโอกาสเสมอมีสูงเพราะทีมเยือนมีหือมีอือชวนทะเลาะเหลือเกิน แล้ว อันโตนิโอ นี่เข้ากับแท็คติกส์ยืนค้ำคอยเก็บบอลเอามากๆ
แต่คำว่า “ถ้า” มันก็แค่เรื่องสมมุติ สเปอร์สชนะไปแล้วและทำให้ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 7 ตามหลัง เชลซี อยู่ 6 แต้มแต่เตะมากกว่าไปแล้ว
“น้ามู” ยังมีภาระกิจสำคัญในนัดต่อไปพบ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ซึ่งถือเป็นนัดที่จะชี้ชะตาว่าใครหลุดวงโคจรชิงตั๋วโควต้า แชมเปี้ยนส์ลีก อย่างเป็นทางการ
และผมเชื่อว่า มูรินโญ่ ต้องการมันอย่างที่สุดไม่แพ้ใครในยามนี้เพื่อเป้าหมายสร้างโปรเจคตัวเองในซีซั่นหน้าให้ได้...
แก้ไขล่าสุดโดย เบน ฟรีคิก เมื่อ Wed Jun 24, 2020 12:47, ทั้งหมด 2 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ