หลังจากยิง The last shot ใส่ Utah Jazz พา Chicago Bulls คว้าแชมป์สมัยที่ี 6 ในปี 1998 Michael Jordan ก็ประกาศเลิกเล่นเป็นครั้งที่ 2 ครั้งที่ทุกคนคิดว่ามันเป็นการปิดตำนานที่สมบุรณ์แบบ MJ ในวัย 35ปี ปิดอาชีพด้วยการคว้าแชมป์และเป็นคนยิงลูกตัดสินในเกมสุดท้าย แต่ในปี 2001 MJ ก็สร้างความแปลกใจให้กับทุกคนด้วยการประกาศกลับมาเล่นให้กับทีม Washington Wizards เป็นเวลา 2 ปี ทำไมเขาถึงกลับมา ทำไมต้องเป็น Wizards แล้วการกลับมารอบนี้ของ MJ เป็นยังไงบ้าง มาลองดูกันนะครับ


มันเริ่มจากหลังจากเลิกเล่น ในต้นปี 2000 MJ ได้รับการแต่งตั้งเป็น President of basketball operations ของ Washington Wizards ซึ่งตอนนั้นทีมจัดว่าผลงานย่ำแยสุดๆ ชนะไม่ถึง30เกม มา 3 ฤดูกาลติด แถมปีนั้นทีมเทรดผู้เล่นหลักๆอย่าง Chris Webber, Ben Wallace ออกไปอีก ด้วยผลงานยอดแย่ขนาดนั้น ทำให้ทีมได้สิทธิ์ Draft อันดับที่ 1 ในปี 2001 ซึ่งผลงานแรกของ MJ ในฐานะ Pres. of basketball . คือการดร๊าฟท์ Kwame Brown เข้าสู่ทีม

ช่วงนั้น MJ ก็ได้ให้สัมภาษณ์ว่าเขายังคิดถึงบรรยากาศการเล่นใน NBA เสมอ และการที่ได้เห็นเพื่อนของเค้าอย่าง Mario Lemieux อดีตนักกีฬาฮ๊อกกี้น้ำแข็งประกาศกลับมาแข่ง NHL ก็ทำให้ MJ ประกาศตัดสินใจกลับมาเล่น NBA ในเดือน กย. ปี 2001 ครั้งนี้แม้จะทำให้ทุกคนแปลกใจแต่ก็ไม่ได้เป็นข่าวดังเหมือนการกลับมาครั้งแรก เพราะด้วยอายุ 38 ย่าง 39 , การร้างสนามไปกว่า 3 ปีและผลงานทีม Wizards ที่ย่ำแย่เหลือแสน แทยไม่มีใครคาดหวังว่า MJ จะสร้างปาฏิหาริย์เหมือนอย่างที่ Chicago ได้

ก่อนที่ MJ จะต้องลาออกจากตำแหน่ง Pres. of basketball เพื่อกลับมาเล่น เข้าได้ทำการจ้าง Dough Collin โค้ชที่เคยอยู่กับเขาที่ Bulls เข้ามาทำทีม แต่การจะกลับมาลงสนามใหม่ไม่ง่ายเลย MJ ที่ร้างสนามไปนาน แถมน้ำหนักเกินมาร่วม 10 กิโลกรัม ต้องเข้าคอร์สซ้อมอย่างหนักก่อนฤดูกาลเริ่ม ปัญหาเดิมๆทั้งเจ็บหลังและปวดเข่าขวาที่เคยเป็นมาตั้งแต่สมัยอยู่ Bulls กลับมาเยือน และในวัย38ปี MJ พบว่าปัญหาเหล่านี้มันส่งผลกระทบกับร่างกายของเขามากกว่าที่เคย MJเซ็นสัญญา 2 ปี 2 ล้านเหรียญ ซึ่งนับว่าถูกแสนถูกและบริจาคทั้งหมดให้องค์กรที่ดูแลญาติของเหยื่อก่อการร้าย9/11

การกลับมาเล่นในวัย 38 ปี หลายๆคนอาจแค่เล่นเพื่อซึมซับบรรยากาศเก่าๆ รำลึกหาช่วงเวลาดีๆ แต่ไม่ใช่กับ MJ เขายังเป็น MJ ที่ใส่สุดทุ่มสุด ทั้งกับตัวเองและเพื่อนร่วมทีม MJ เริ่มฤดูกาลได้ดี กลายเป็นตัวทำแต้มอันดับ 1 ของทีม โดยก่อน Allstars ปีนั้น MJ ในวัยย่าง 39 ทำแต้มเฉลี่ยมากกว่า 25 แต้มต่อเกม ก่อนจะมีปัญหาที่หัวเข่ารบกวน จนผลงานตกลงและเจ็บยาวจากหมอนรองกระดูกฉีกและพลาดช่วง 20 เกมสุดท้ายของฤดูกาล ซึ่งก่อน MJ จะเจ็บ Wizards มีผลงาน ชนะ 30 แพ้ 32 มีลุ้นในการเข้าเพลย์อ๊อฟ แต่หลังจากนั้นพวกเขาชนะได้อีกแค่ 7 เกมและจบฤดูกาลที่ ชนะ 37 แพ้ 45 พลาดการเข้าเพลย์อ๊อฟไป

ในสนามซ้อม MJ ยังเป็น MJ เขาเรียกร้องสิ่งที่ดีที่สุดจากเพื่อนร่วมทีม เขาวิจารณ์การขาดความทุ่มเทของเพื่อนๆร่วมทีมออกสื่อหลายๆครั้ง แทรชทอล์คทุกคนในสนามซ้อม ครั้งหนึ่งเพื่อนร่วมทีมเคยถาม MJ ว่าจะขอรองเท้า Air Jordan ให้เพื่อนๆในทีมได้มั๊ย คำตอบที่ได้คือ "รองเท้าข้ามีไว้ให้ Allstars ไม่ใช่พวกเอ็ง"
Kwame Brown เป็น 1 ในคนที่โดน MJ เคี่ยวเข็ญหนักที่สุด เด็กม.ปลายที่เข้ามาเป็นดร๊าฟท์อันดับ 1 มีปัญหามากๆกับการเล่นใน NBA ที่ผู้เล่นคนอื่นตัวใหญ่กว่า แข็งแรงกว่า เร็วกว่าสมัยที่เขาเล่นบาสมัธยมมาก MJ เฆี่ยน Brown ยับเพื่อพยายามผลักดันให้เขาดีขึ้น (ซึ่งถ้า MJ จะเฆี่ยนคุณ หนังคุณต้องหนาพอที่จะรับได้) จินตนาการว่าคุณเป้นเด็กพึ่งจบมัธยมอายุ 19 แล้วต้องเจอผู้เล่นระดับตำนานอัดคุณย้ำๆทุกวันว่าคุณกากขนาดไหนตอนซ้อม จนมีข่าวลือว่า Kwame เคยร้องไห้หลังจากซ้อมกับ MJ ซึ่งภายหลัง Kwame เองออกมาปฏิเสธ และบอกว่าเขาเข้าใจดีถึงความคาดหวังของ MJ ที่ดร๊าฟ์เขามาเป็นอันดับ 1 และมุ่งมั่นผลักดันให้เขาดีขึ้น

ในปีที่ 2 กับWizards MJ สามารถลงเล่นได้ครบทุกเกม แม้จะยังมีปัญหาที่เข่าและหลังรบกวนบ้าง มีไฮไลท์เล็กๆช่วง Allstars ซึ่ง MJ ไม่ได้รับการโหวตเป็นตัวจริงในตอนแรก แต่ Vince Carter สละตำแหน่งตัวจริงให้ MJ ้เพราะรู้ว่านี่จะเป็น Allstars ครั้งสุดท้ายจริงๆ ซึ่งท้ายเกมในช่วงต่อเวลา เมื่อเวลาเหลือ 4 วินาที MJ ยิงให้ทีม East ขึ้นนำ 138-136 ซึ่งน่าจะชนะไปแล้ว หาก Jermaine O'Neil ไม่ไปทำฟาวล์ Kobe Bryant ตอนกำลังจำยิง 3 แต้มในวินาทีสุดท้าย

ปีนั่น MJ พา Wizards จบที่ชนะ 37 แพ้ 45 พลาดตั๋วเพลย์อ๊อฟอีกครั้ง หลังจบฤดูกาล MJ ประกาศเลิกเล่น ก็มีดราม่าอีก เมื่อเจ้าของทีม Wizards ปฏิเสธที่จะให้ MJ กลับไปเป็น Pres. of basketball ตามเดิม ทำให้ MJ รู้สึกเหมือนถูกหักหลังและออกมาสัมภาษณ์ว่า เขาคงไม่กลับมาเล่นถ้ารู้ว่าจะไม่ได้กลับไปเป็นPres. of basketball เรื่องระหว่าง MJ กับ Wizards จึงจบกันไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ (เจ้าของคงแอบคิด ก็ดู Draft No.1 ของเอ็งสิ)

MJ มีสถิติกับ Wizards ที่ ลง 142 เกม ทำ 21.2 แต้ม 5.9 รีบาวน์ 4.4แอสซิสต์ต่อเกม
ทำแต้มเกิน 50แต้ม 1 เกม, เกิน 40 แต้ม 7 เกม และ MJ ยังมีโอกาสได้เจอกับทีมเก่าอย่าง Chicago Bulls 6 เกม โดยเขาชนะ 5 แพ้ 1 เกม โดย MJ สามารถทำแต้มใส่อดีตทีมเก่าได้มากที่สุดคือ 29 แต้ม ทำให้ Chicago Bulls กลายเป็นทีมเดียวใน NBA ที่ MJ ไม่สามารถทำ 40 แต้มได้ในการเจอกัน


กด 50 แต้ม ใส่ Hornets

.
.


Allstatr ครั้งสุดท้าย .... โคบี้



[/youtube]

เรื่องสายตาการมองผู้เล่นของแกนี้ไม่ค่อยได้ตัวดีๆเลย

ผู้เล่นที่เก่งไม่ได้เก่งสำหรับตำแหน่งอื่นจริงๆ ถ้าไม่ลงมานี่ god กว่านี้อีก

คนที่มีมายเซตแบบ MJ ก็มีคงแค่โคบี้แหละครับ มุ่งมั่นพยายาม ถึงแม้วิธีการจะต่างกัน
แต่ความกระหายในชัยชนะการฝึกซ้อม ผมยังไม่เห็นใครมาได้ขนาดนี้เลย fade away คือท่าที่ไร้เทียมทานจริงๆ
ไม่สามารถป้องกันได้ ยิ่งถ้าแม่นๆ แทบจะใส่คะแนนรอไว้ได้เลย สองคนนี้ฝึกหนักมาก บวกกับพรสวรรค์ที่มีมันเลยเจิดจรัส จะไปหวังให้ใครเข้ามาแล้วเก่งผมเท่ายากจริงๆ เด็กที่จอร์แดนดราฟมาพัฒนาการถอยลงเยอะมาก
เลยไม่ถึงฝั่ง

ถ้าไม่กลับมาจะเพอเฟคกว่านี้ กลับมาเหมือนทำอะไรก็ดูแย่ไปหมด