เมืองทอง น่าเป็นห่วงหรือห่วงมากไป??
แน่นอน ทีมที่ถูกพูดถึงในรอบ 3-4วันนี้ คงหนีไม่พ้นทีมแชมป์ไทยลีก 4 สมัย อย่าง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด อีกหนึ่งทีมยักษ์ใหญ่ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จนโดดเด่นเป็นที่หลงใหลของแฟนบอลทั่วเมืองไทย
หนึ่งในต้นแบบสโมสรฟุตบอลอาชีพของเมืองไทย ที่มีการจัดการที่เป็นระบบ สนามที่ได้มาตรฐาน แบบฟุตบอลสเตเดี้ยมแท้ๆ น่าจะทีมแรกๆในเมืองไทยเลย
อย่างที่รู้ๆกันว่า เมืองทอง ยูไนเต็ด มี สยามกีฬาเป็นเจ้าของทีม (ขออนุญาติเอ่ยนาม) ซึ่งสยามกีฬา ถือเป็นสื่อกีฬาชื่อดังอันดับ1 ของเมืองไทยมาอย่างยาวนานหลายปี ที่ไม่ใช่แค่ธุรกิจหนังสือพิมพ์ ที่ย่อยออกไปอีก หลายฉบับ ยังมี นิตยสารกีฬา รถ เซ็กซี่ และยังมีช่องทีวี เป็นของตัวเองอีกต่างหาก ประมาณว่า ถ้าบอลไทย ต้องสยามกีฬานี่แหละ
ทีมเมืองทอง ในยุคแรก ย้อนไปเมื่อ10กว่าปีที่แล้ว ที่ใช้ชื่อ เมืองทอง หนองจอก ยูไนเต็ด เอาจริงๆก็ไม่ได้หวือหวาอะไรมากมาย เพราะพึ่งเริ่มต้นทำทีม แต่ด้วยความเป็นทีมของคนกีฬา การบริหารจัดการทีมตามสไตล์ยุโรป ผสมความเป็นไทย ขุมกำลังยุคแรกถือว่า ได้ของดีราคาถูก ก็ทำให้ทีมสามารถเลื่อนชั้นสู่ไทยลีกได้อย่างรวดเร็ว และสร้างปรากฎการณ์ฟุตบอลไทยลีกฟีเวอร์ได้อย่างยอดเยี่ยม
การขึ้นมาไทยลีกของ เมืองทอง ถือว่า เป็นการยกระดับคุณภาพของไทยลีกเลยก็ว่าได้ ทีมลงทุนสร้างสนามใหม่แถวเมืองทองธานี มีการดึงนักเตะดังๆมาสู่ทีม ตอนนั้นแอดยังคิดเลยว่า ทีมนี้แม่งโดดเด่นจริง ส่วนหนึ่งเพราะการประชาสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยม และก็ได้แชมป์ลีกสูงสุดทันที แถม 2 สมัยติดด้วยในปี 2009 และ 2010
เมื่อเป็นแชมป์แล้ว การรักษาแชมป์ และการยกระดับทีมให้ไปสู่ระดับเอเชีย ถือเป็นเป้าหมายต่อไป บวกกับการถือกำเนิดของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ขึ้นมาได้อย่างยอดเยี่ยมคว้าแชมป์แซงหน้าพวกเค้าไป การมีนักเตะที่มีอยู่อาจจะยังไม่พอ ว่าแล้วเมืองทอง เลยยกระดับโคตรทีม ด้วยการดึงนักเตะทีมชาติที่กำลังรุ่งๆ ในยุค ซิโก้ เข้าสู่ทีมแม่งเลย ชนาธิป พีรพัฒน์ ธนบูรณ์ ตริสตอง ธีราทร ผนึกกับของดีมีอยู่แล้ว ธีรศิลป์ กวินทร์ สารัช อดิศร โอ้ว ใครจะไปสู้ แชมป์สิครับ
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ พอได้แชมป์ไทยลีกครั้งนั้น เมืองทอง ก็ไม่ได้ขยับเข้าใกล้ โทรฟี่แชมป์อีกเลย แถมมีทีมอย่าง เชียงราย ทรูแบงค็อก บีจี มาเทียบรัศมีอีกต่างหาก ส่วนหนึ่งเพราะการปล่อยนักเตะไปตามล่าฝันที่ต่างประเทศ ซึ่งจริงๆแล้วนั่นคือสิ่งที่ถูกต้อง ต้องชื่นชมสโมสร
แต่หลายๆคน ก็ต้องออกจากที่นี่ไป เพราะไม่ได้รับความเชื่อมั่น และโอกาสเท่าที่ควร ....
เมืองทอง ถือเป็นหนึ่งในสโมสรที่มี ระบบอคาเดมี่ ที่แข็งแกร่งมาก เบอร์ต้นๆของเมืองไทย มีเยาวชนครบทุกชุด ต่อกรกับ อคาเดมี่ บุรีรัมย์ ชลบุรี หรือแม้แต่ บีอีซี เทโร ได้ตลอด หลายปี แต่จุดอ่อนของพวกเค้าคือ การอดทนรอความสำเร็จ ซึ่งไม่สามารถรอไม่ได้ ด้วยความคาดหวังที่สูงรอบด้าน
เราเลยไม่ค่อยเห็น เยาวชนที่เป็น ผลผลิตจริงๆของ สโมสรเมืองทอง ลงเล่นเป็นตัวจริงได้เลย อาจจะมีสอดแทรกมาได้คนสองคน แต่สุดท้ายยืนระยะไม่ได้ เพราะทีมก็ดันซื้อผู้เล่นบิ๊กเนมมาอีก ไม่ให้ลงก็ไม่ได้ จะบอกว่า เพื่อการแข่งขันในทีม แต่สุดท้าย ก็ต้องให้คนที่ซื้อมาแพง ลงก่อน เดี๋ยวไม่คุ้ม เด็กๆก็รอไปก่อน นี่คือสิ่งที่คนนอกแบบแอดมินเห็น ภายในจริงๆแอดไม่รู้
ในเมื่อไม่กล้า หรือไม่ให้โอกาสเด็กลง ก็เท่ากับ เมล็ดพันธุ์ ที่อุตส่า เลี้ยงดูมา ไม่มีช่องให้เจริญเติบโต มีแต่เอาต้นที่คนอื่นปลูกแล้ว มาปลูกทับที่เดิม เพื่อรอเก็บเกี่ยวผลเลย เมล็ดพันธุ์เหล่านั้นก็ต้องไปโผล่งอกงามที่อื่น
เห็นผลจริงๆช่วงนี้ ช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ เริ่มอยู่ยาก โควิด19 ก็มา พอเงินไม่พอซื้อปุ๋ยแพงๆ ก็ต้องขาย ขาย ล่าสุดก็ขาย สารัช อยู่เย็น ผลผลิตที่ตัวเองปลูกมาหลายสิบปี จนเป็นเสาหลักของทีม แต่ก็ถือว่าได้ราคาดีพอสมควร ซึ่งก็ไม่รู้ว่าคุ้มรึเปล่า เพราะถ้าไม่ใช้สิ่งที่ตัวเองมี แต่ดันไปซื้อมาอีก ก็จะวนกลับมาที่ปัญหาเดิมๆอีก
แต่เชื่ออยู่ลึกๆว่า ทีมเมืองทอง ยูไนเต็ด คงไม่ปล่อยให้ทีมต้องยุบ หรือ ล้มละลายหรอก อุตส่าสร้างความเชื่อมั่น สร้างทุกสิ่ง ทุกอย่างมา จากคนบ้าฟุตบอลจริงๆ เพราะถ้าเป็นเรื่องธุรกิจของเจ้าของทีม มันก็เป็นมานานแล้ว ก็ยังเอาตัวรอดมาได้ การขายนักเตะตัวหลักของทีมออกไป แอดว่า ไม่ใช่ความพินาศอะไรของทีมหรอก มันเป็นวัฎจักร ของฟุตบอล ยังไง เมืองทอง ก็ยังเป็นเมืองทอง อยู่ดี
เพียงแต่ พวกเค้าต้องกล้าใช้ นักเตะอคาเดมี่มากกว่านี้ กล้าได้กล้าเสีย แบบที่ บุรีรัมย์ ชลบุรี ทำ ส่งลงไปเลย 4-5 คน เชื่อมั่นในตัวเด็ก เด็กมันจะตอบแทนเรา อดทนหน่อย ไม่ใช่ ซื้อ ซื้อ ไม่งั้นก็ต้องมานั่งทำตาปริบๆมองเด็กสร้าง ไปทำผลงานดีกับทีมอื่นๆ หลายต่อหลายคน มันน่าช้ำใจนะครับ
Credit : กีฬาตะละล่า
https://www.facebook.com/TalalaSport/posts/131445605199844?__tn__=K-R