หลายคนเข้าใจดีนี่ย์ แต่ในสถานะการณ์จริงมีใครทำแบบดีนี่ย์ได้สักกี่คน ส่วนที่บอกแล้วก็องเต้หละก็นายจ้างกับลูกจ้างโอเคมันเป็นอันจบ กรณีดีนี่ย์ก็เหมือนกันถ้าลูกจ้างกับนายจ้างโอเคก็จบ ทุกคนมันมีความกลัวไม่เหมือนกัน แต่บางครั้งผู้นำก็ต้องเป็นผู้นำในสถานะการณ์ที่ลำบากแบบนี้แหละ ดีนี่ย์เลือกที่จะนำลูกทีมประท้วงได้นะถ้าเค้าเห็นว่าไม่เหมาะสม แต่ถ้าลูกทีมดันไปกันหมดหัวหน้าไม่มามันก็แปลกๆนะ

ผมว่าที่คนไม่ว่าอะไรกองเต้ ก็เพราะกองเต้บอกแค่ทีเดียวว่าไปซ้อมไม่ได้

ต่างกันดีนี่ ที่ออกมาค้านหัวชนฝาในทุกทางออก

ถ้าดีนี่บอก ไม่พร้อมไปซ้อม ไม่อยากทิ้งลูกที่กำลังเล็กไป กลัวเอาเชื้อกลับมาติด เท่านั้นก็คงไม่มีใครว่าหรอก แถมจะเห็นใจด้วยซ้ำ

แต่นี่แบบอย่าง ไซม่อน ว่าเลย คือดีนี่ ค้านทุกอย่าง เริ่มตั้งแต่กลัวไม่ปลอดภัย อันนี้พอเข้าใจ

แต่พอมาอ้างเรื่องอุปกรณ์การแพทย์ ที่พรีเมียร์จัดหามาเพื่อเตรียมแข่งเนี่ย ทำไมไม่เอาไปให้บุคลากรทางการแพทย์ก่อน อันนี้มันชักแปลกๆละ

เหมือนค้านไปเรื่อย ยังไงก็ได้ ไม่ให้ project restart นี่เกิดขึ้นได้

แถมตัวเองเป็นกัปตันด้วย การแสดงออกแบบนี้ ไม่ได้เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกทีมเลย

อาชีพนักฟุตบอลกับพนักงานบริษัท ผมว่ามันไม่น่าจะเอามาเทียบกันได้นะ คุณมีแมสก์มีเฟซชิลด์ให้ป้องกัน แล้วนักบอลพวกนี้เค้ามีอะไรให้ป้องกันตัวเองครับ นอกจากตรวจหาเชื้อแล้วกักตัวก่อนเตะ แล้วถ้าเค้าติดเชื้อหลังเตะ ใครจะรับผิดชอบครับ

เกิดจากกระบอกไม้ไผ่กันหรอ ถึงไม่เห็นความสำคัญของชีวิตคนในครอบครัว

โมฆะๆๆๆ จงไม่มีการเตะ

เอาละเดอะแก๊งค์ออกมาด่าทรอยดีนีย์ได้

ถ้าจากที่ตามมาตอนข่าวแรกของดีนีย์ก็เห็นแกพูดนะเรื่องเงิน ว่าแกไม่สนเรื่องเงิน เคยผ่านจุดที่ไม่เคยมีอะไรมาแล้วในชีวิต ก็ต้องรอดูข่าวจากทางสโมสรเองแหละว่ายังไงต่อ

เปล่าต่างกันแค่ดีนีย์ออกมาพูดตอนแฟนหงส์กำลังได้ใจแขวะใครก็ได้ แต่ก็องเต้ออกมาหลังกระแสเริ่มตีกลับตอนนี้แฟนหงส์เลยไม่กล้าด่าก็องเต้ แต่ยังหาช่องด่าดีนีย์อยํ่

น่าสงสารทรอย

ประมาณว่า say noปฏิเสธที่จะไม่ทำ มันง่ายกว่าsay yes แล้วพยายามให้มันเป็นไปได้

นั่นสิครับ ผมก็สงสัยเหมือนกันว่านักเตะหลายๆทีมที่เริ่มๆมาซ้อมกันเนี่ย ทำไมไม่เห็นความสำคัญของชีวิตคนในครอบครัวเลย แย่ชะมัด สงสัยจะเกิดจากกระบอกไม้ไผ่กัน

ผมว่ากองเต้ไม่เคยออกสื่อเองหรือมาค้านอะไรทั้งนั้นครับ เค้าทำเป็นเรื่องส่วนตัวกับสโมสรแบบมืออาชีพ แล้วคนที่ออกมาให้ข่าวยอมรับได้ก็คือสโมสรครับ ตรงนี้ผมว่ามันเป็นการให้เกียรตินายจ้างแบบสโมสรด้วย แล้วสิทธิ์ก็อยู่ที่สโมสรตัดสิน ฟิวกองเต้จะไม่ต่างกับเคสแบบญาติเสียหรือเมียคลอดลูกแล้วขอลาไม่เล่นซึ่งปกติถ้าคุยกับสโมสรเรื่องพวกนี้ผมว่าสโมสรก็คงใจกว้างพออยู่แล้ว มันก็เลยดูจบครับ ส่วนดีนี่ย์มันเหมือนวางจุดยืนออกมาแบบคนละฟิวครับ ถ้าดีนี่ย์ไม่อยากเล่นก็ควรทำแบบกองเต้คือไปขอสโมสรครับ ให้สโมสรตัดสินเองเพราะจริงๆมันก็คือเรื่องภายในของสโมสรระหว่างนายจ้างลูกจ้างในองค์กร จะออกสื่อมาทำเพื่อ?

ไร้สาระสิ้นดี!!

ถึงจะเทียบกันไม่ได้ แต่ความเสี่ยงแทบไม่ต่างกัน อย่างที่ทำงานผม พนักงานนั่งรถเมล์ รถไฟฟ้า เรือมา ซึ่งหน้ากากป้องกันได้ระดับหนึ่ง มาที่ออฟฟิต ทำงานคุยกันในห้องแอร์ ตอนกินข้าวในที่ทำงานก็ไม่มีใครสวมหน้ากากกัน ถ้าคนหนึ่งติด คนที่ทำงานด้วยมีโอกาสติดสูง

กลับกันนักเตะไม่ได้ใส่หน้ากากเวลาทำงานแต่ได้ตรวจโควิดอาทิตละ 2 ครั้งก่อนลงซ้อม มุมมองผมอาจเสี่ยงน้อยกว่าอีก ถ้าตรวจวันอังคาร วันพุธผลออกมาไม่เป็นก็ทำการซ้อม

ส่วนที่บอกว่าถ้านักเตะติด ใครจะรับผิดชอบ มันก็ทุกอาชีพ พนักงานบริษัทก็มีโอกาสติด แต่ถ้าบริษัทยังเปิดก็ต้องเข้ามาทำงาน บริษัทหรือสโมสรมีหน้าที่เตรียมการให้ดีที่สุด ลดความเสี่ยงให้มากที่สุด ภายใต้บริษัทต้องอยู่รอด คงไม่มีใครที่คิดว่าจะเอาเงินเดือนแต่ขออยู่บ้านจนกว่าจะปลอดภัย 100% ถ้าบริษัทจะล้มก็ไม่เป็นไร คิดแบบนี้เห็นแก่ตัวเกินไป

ไม่ใช่ว่า 20 ทีม มาตกลงร่วมกันแล้วเตะๆจบ ปลอดภัย ไม่ปลอดภัยอีกเรื่องนึง

อันนี้ แทบทุกข่าว ใน SS ก็มานำเสนอ ไปลองหาอ่านดู สภาผู้ดีไฟเขียว, FA เคาะแล้ว

ถ้าบอกว่าคุณไม่เชื่อ ผู้นำ หรือ FA ก็แล้วแต่ เรื่องส่วนตัวของคุณ แต่คนอื่นมองว่า ถ้าต้องข้ามคือ ต้องก้าวข้าม ไม่ข้ามก็ต้องรับผลที่ตัวเอง ไม่กล้า เอง