เห็นใจดีนี นะ กลัวไปหมดยิ่งคนข้างๆ มาเป็นอีก

แต่ คนจำนวนมากในอาชีพนี้ ก้าวข้ามมาแล้ว

แต่พี่ท่านยังบอกว่า ยังไงก็ไม่ปลอดภัย ไม่เอา ไม่ข้าม

ถ้าเป็นที่ทำงานผม ให้กลับมาทำงานทุกคนแล้วยังมีบางคน อ้างความปลอดภัย ไม่ขอมาทำงาน โดนไล่ออกครับ

ต่อให้เอาลูกเด็กน้อย มาอ้างก็เถอะ ชีวิตยังไงก็ต้อง เดินต่อไป

ถ้าพูดตามข่าวลืมก็ไม่เห็นแปลกนะ

น่าจะมีลายลักษณ์อักษรจากสมาคมไรก็ว่าไปอ่ะ ว่าจะห้ามบังคับนักเตะกลับมาแข่งต่อ
ไม่งั้นก็ติกันไปกันมาอยู่งี้แหละ

แล้วดีนีย์แกพูดผิดตรงไหนหรอครับ ผมตามอ่านบทสัมภาษณ์แกมา แกสัมภาษณ์มีเหตุผลตลอด
คือแกก็อธิบายในมุมของแกเองว่าแกกังวลตรงไหน คนที่ตำหนิ หรือแซะแกส่วนมากก็เพราะเข้าใจว่าแกอยากให้โมฆะ

ทีมแกจะได้รอดตกชั้น ทั้งๆ ที่การแสดงออกของแก แกไม่ได้สนใจสโมสรเลยด้วยซ้ำว่าจะเป็นอะไรยังไง
แกห่วงแต่ครอบครัวแกเองล้วนๆ ซึ่งแกก็บอกในมุมมองของแก ซึ่งถามว่าผิดไหม มันก็ไม่ผิดอะไรหรอก

ที่ด่า ทรอย มันมีไม่กี่ทีมนะ

เป็นการให้สัมภาษณ์ที่ดีเลยครับ ผมว่าทางเลือกแบบนี้หรือแบบที่แกรี่ เนวิลล์ว่าคือกักตัวแล้วแข่งให้จบยาว ๆ เลยนี่น่าสนใจนะ

ไม่ได้หมายถึงเหมาะสมน่านำไปใข้ แต่มุมของความเป็นไปได้ถ้ามีการจัดการที่ดี และมีการปฏิบัติที่เคร่งครัด
เพราะตีกรอบและลดจำนวน contacts ลง

นักเตะน่าจะลองคุยกันหน่อยในประเด็นนี้ ถ้าได้ก็ดี ถ้าไม่ได้ค่อยหาวิธีการอื่น ๆ ต่อ

ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูล ทางดีนีย์อาจจะคลาดเคลื่อนเรื่องไปตำหนิ FA ซึ่งมันผิดจริง แต่ที่คนแซะกันส่วนใหญ่ แทบไม่แซะเรื่องของทาง FA เลยอะครับ ดันไปแซะที่เขาไม่ลงซ้อมแทน อันนี้ต่างหาก ที่ผมว่ามันไม่ค่อยสมเหตุสมผลสักเท่าไร

ใน UK ยังติดเชื้อวันละ หลายพัน คน นี่คือก้าวข้ามหรอ
ถ้ามันเหมือนบ้านเรา ติด วันละ 1-5 คน ว่าไป อย่าง

เหมือนลูกเค้าจะมีปัญหาเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ถ้าลูกเค้าเป็นอะไรไป คนพูดช่วยรับผิดชอบได้ไหมละ

คือตัวแกเองไม่เตะ ผมก็ไม่ว่าอะไรหรอกครับ พูดน้อยๆแบบกองเต้ คำเดียวจบ ผมเป็นห่วงที่บ้าน

แต่ผมคิดว่าไม่ควรตำหนิการที่พรีเมียร์จะกลับมาเตะนะครับ มาตำหนิบอกให้ไปช่วยรัฐบาลดีกว่าไหม เออ รัฐบาลกับฟุตบอลมันคนละส่วนกันนิครับ

บุคลากรทางการแพทย์ไม่ได้รับการตรวจมันหน้าที่ของรัฐบาลต้องจัดการ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับที่ FA ซื้อเครื่องมือมาตรวจนักฟุตบอลกันเองเลยครับ ผมติแค่ตรงนี้ แค่ไม่ชอบแนวทางครับ สุดท้ายสำหรับผมทุกอย่างต้องปรับตัวครับ

ปล. อย่าลืมนะครับ คนอยากกลับมาเตะก็มี แต่จะให้เอาอุปกรณ์ไปให้ภาครัฐตรวจก่อน ก็ไม่ใช่อะครับสำหรับผม ส่วนคนไม่อยากเตะก็ไม่ต้องรับเงินแค่นั้นเลยครับ แฟร์สุดทุกฝ่าย

ทุกอย่างจะจบ ถ้าบอกว่า ไม่เตะและไม่ขอรับเงินเดือน

เข้าใจในมุมมองของดีนี่ย์นะ เรื่องความปลอดภัยของลูกเล็ก

แต่ในเมื่อองค์กร(ลีคกับสโมสร)เค้ามีกำหนดกลับมาเตะเพื่อรันงาน รันรายได้ต่อไป

สิ่งที่มืออาชีพเค้าต้องทำคือ...ต้องกลับมาทำงานของตัวเองหรือถ้าทำต่อไม่ได้จริงๆก็ควรลาออกไปซะ

ผมว่าบริษัทหรือองค์กรทั่วโลกในทุกๆประเทศต่างก็มีพนง.หรือคนที่ต้องกลับมาบริหารกันต่อเช่นกัน

และทุกคนเหล่านั้นเค้าก็มีความเสี่ยงด้วยกันทั้งนั้นแหละ ที่พิเศษกว่าก็คือพรีเมียร์ลีคทุ่มทุนมหาศาล

ในการป้องการ+ตรวจคัดกรอง+เตรียมสถานที่ให้ปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะทำได้ให้พวกคุณแล้ว

ซึ่งอภิสิทธิ์เหล่านี้คนอาชีพอื่นเค้าไม่ได้รับเหมือนพวกคุณด้วยซ้ำ หลายๆคนมีภาระดูแลครอบครัว

มีลูกเล็ก มีพ่อมีแม่ที่ต้องดูแลเหมือนกันแหละ แถมส่วนใหญ่รายได้น้อยกว่าดีนี่ย์ด้วย ไม่เห็นมีใคร

ไปเป็นห่วงคนเหล่านั้นบ้างเลย ชนชั้นกลางจำนวนมากยังต้องขึ้นรถไฟฟ้าไปทำงานในเมืองใหญ่

ที่มีการระบาดอย่างหนาแน่นอยู่เลย เคสทรอย ดีนี่ย์หลายๆคนเถียงกันนี่ ผมว่าส่วนใหญ่มักจะมี Hidden Agenda อย่างอื่น

อยู่ในหัวด้วยกันทั้งนั้นแหละ หรือไม่จริง The Show Must Go On ครับ เว้นแต่วิกฤติหนักลามมาถึงจนต้านไม่ไหวนั่นแหละ

ค่อยแตกทัพกันทีหลัง หลักใหญ่ใจความในการทำสงคราม(กับไวรัส)มันก็เป็นเช่นนี้แล มนุษย์ขี้เหม็นทั้งหลายเอย#ซุนหวู่ Supremacy

มาดูคอนเม้นท์คนรักงานครับ

ครอบครัวใครครอบครัวมัน

เราไปว่าแทนเขาไม่ได้ มันเป็นสิทธิส่วนบุคคล


ส่วนที่ไม่ขอเตะนั้นก็ขึ้นอยู่กับสโมสรจะเจรจายังไงกับเอเย่นต์นักเตะ

หรือจะยกเลิกสัญญากันแบบไหน ขึ้นอยู่กับการเจรจา

ส่วนการลงโทษปรับเงินนั้นคงยากเพราะมันเป็นเรื่องความไม่มั่นใจว่าจะติดโควิดไหม?

สำปรับผมคงแปลกอะครับ เหมือนต้องให้รัฐบาลไปขอเงินจากเอกชน บอกมาช่วยดูแลตรงนี้หน่อยนะ เหมือนที่บ้านเราตามด่าๆกันอยู่เนี่ยแหละ

ทั้งที่มันเป็นความผิดของ รบ. ไม่ใช่ความผิดของ FA หรืออะไรเลย