[lotr] ยุทธภูมิทุ่งเพเลนนอร์
อ่านกระทู้ของท่าน RicardoKaka แล้วอยากลองเขียนกระทู้บ้าง โดยสำหรับภาพรวมของการรบ ลองอ่านที่กระทู้ของท่าน Kaka ละกันครับ
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1165643
ก่อนเริ่ม ผมขอพูดอีกทีว่าใครยังไม่ได้อ่าน อ่านเถอะครับ J.R.R Tolkien เขายกย่องกันว่าเป็นผู้บุกเบิก นิยายแฟนตาซีสมัยใหม่เลยทีเดียว
ยุทธภูมิทุ่งเพเลนนอร์ คือ ความพยายามของเซารอนในการตีหักเอาเมืองป้อมปราการมินัสทิริธ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการปกครองของราชอาณาจักรกอนดอร์ หรือในอีกมุมหนึ่ง คือ ปราการด่านสุดท้ายที่ป้องกันมนุษย์จากอำนาจของเซารอน
ดังนั้นเซารอน จึงเตรียมการมาเป็นอย่างดีในการศึกครั้งนี้ โดยอุปสรรคแรกของการตีมินัสทิริธ คือ ออสกิเลียธ เมืองหลวงเก่าของ
กอนดอร์ที่ถูกทิ้งร้าง และ
เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เพราะเป็นที่ที่สามารถส่งกองทัพข้ามแม่น้ำอันดูอินได้ โดยไม่ต้องใช้เรือจำนวนมาก ทำให้กอนดอร์ใช้ชัยภูมิคอขวดตรงนี้ต้านทานการรุกรานมาได้อย่างยาวนาน
แต่ครั้งนี้ เซารอนสั่งให้กองทัพผสมต่อแพและเรือจำนวนมาก ฝ่าห่าธนูของหน่วยป้องกันเข้ามาได้ ทำให้หน่วยป้องกันของกอนดอร์ต้องล่าถอยไปยังปราการรัมมาส (ในหนังไม่มีให้ดู)
ในหนังเราอาจจะเห็นไม่ชัด เรื่อง ฟาราเมียร์ เพราะบทน้อยเหลือเกิน แต่ว่าฟาราเมียร์ค่อนข้างมีปม เพราะตัวเขานิสัยคล้ายแม่ ในขณะที่พี่ชาย คือ โบโรเมียร์จะนิสัยคล้ายพ่อ คือ เดเนธอร์ ทำให้มีปมมาตลอดว่าพ่อรักพี่ชายมากกว่า
เมื่อฟาราเมียร์เจอเรือบรรจุศพของโบโรเมียร์จึงยิ่งทำให้ความห่างเหินระหว่างพ่อลูกคู่นี้ยิ่งห่างกันมากขึ้น จึงเกิดเป็นฉากนี้ ที่เดเนธอร์ สั่งให้ฟาราเมียร์ไปตีเอาออสกิเลียธคืน
ซึ่งสำหรับฟาราเมียร์มันคือคำสั่งให้ไปตาย แต่เขาก็ยินดีปฏิบัติ
การบุกตีออสกิเลียธ ประสบกับความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง
ฟาราเมียร์ต้องธนูพิษและถูกลมหายใจพิษของนาซกูลบาดเจ็บสาหัส ในขณะระวังหลังให้หน่วยทหารล่าถอย
เซารอนรู้ว่ากอนดอร์ต้องระดมสรรพกำลังทั้งหมดมาปกป้องมิรัสทิริธ ลำดับถัดไปเซารอน จึงแบ่งกำลังบางส่วน คือ
พวกคอแซร์แห่ง
อุมบาร์ให้ล่องเรือไปโจมตีหัวเมืองทางใต้ เพื่อให้ไม่สามารถส่งกำลังมาช่วยกอนดอร์ได้เต็มที่ และแบ่งกำลังบางส่วนไปวางแนวป้องกันที่ทิศเหนือ เพื่อสกัดทัพโรฮัน
เมื่อทุกอย่างเข้าที่ ราชันขมังเวทย์แห่งอังมาร์ แม่ทัพใหญ่ในครั้งนี้ จึงสั่งเคลื่อนทัพใหญ่เข้าประชิดกำแพงเมืองมินัสทิริธ
ตรงนี้มีไฮไลท์ที่ในหนังข้ามไปแบบเร็ว ๆ คือ ประตูเมืองของมินัสทิริธนั้นสร้างโดยคนแคระในยุคบรรพกาล สัตราวุธทั่วไปจึงไม่สามารถทำลายประตูได้ แต่ด้วยอาคมอาถรรพ์ของราชันขมังเวทย์ ร่วมกับกรอนด์ก็ทำลายประตูลงได้สำเร็จ
ในขณะที่มินัสทิริธกำลังจมลงในทะเลเพลิง ยุคสมัยของมนุษย์กำลังจะจบลง
แต่แล้วเสียงแตรศึกโรเฮียร์ริมก็ดังมาจากทิศเหนือ
เธโอเดน โอรสแห่งเธงเกล นำทัพม้าโรเฮียร์ริม เดินทัพหามรุ่งหามค่ำ โดยได้กานบุรีกานผู้นำชนเผ่าลึกลับนำทางผ่านช่องทางลับมาโผล่ที่ชายป่าทางเหนือของมินัสทิริธ จึงรอดผ่านหน่วยเฝ้าระวังของเซารอนมาได้
แต่ภาพที่ปรากฎตรงหน้าคือ นครมินัสทิริธในทะเลเพลิง
ในโมงยามแห่งความสิ้นหวัง แต่แล้วลมก็พัดจากทางใต้พาเมฆกระจายออก แสงแดดยามรุ่งอรุณก็ส่องต้องราชธวัชประจำพระองค์ ม้าขาวโจนทยานบนทุ่งหญ้าเขียว เธโอเดนนำทัพโรเฮียร์ริมบุกประจันบาญจนปีกขวาของทัพเซารอนแตกพ่าย
เธโอเดนบุกสังหารแม่ทัพใหญ่ของชนแดนใต้อย่างเหี้ยมหาญ แต่แล้วราชันขมังเวทย์ก็มาเผชิญหน้ากับพระองค์ด้วยตนเอง ทำให้พระองค์สวรรคตในที่รบ ส่วน
ราชันขมังเวทย์ก็ถูกเอโอวีนและเมอร์รี่โค่นลงในขณะที่จะให้แร้งอสูรทำลายพระศพ (หลังโค่นราชันขมังเวทย์ เอโอวีนกับเมอร์รี่ ถูกไข้กาฬเล่นงานเจียนอยู่เจียนตาย ในหนังตัดส่วนนี้ออกไปใส่ใน Extended edition)
เมื่อราชันขมังเวทย์ไม่อยู่บัญชาการรบ ทัพผสมของเซารอนจึงตกอยู่ในความวุ่นวายจนถูกฝ่ายกอนดอร์ตีโต้กลับออกมา ส่วนเอโอแมร์หลังจากจัดการกับพระศพของเธโอเดน ก็รวมหน่วยทัพเพื่อตีฝ่าไปหาทัพกอนดอร์ที่กำลังรบพุ่งอยู่กับทัพกลางของทัพเซารอน
แต่แม้ทัพหน้าจะล่มสลาย แต่ทัพผสมของเซารอนยังมีกำลังพลอีกมหาศาล โดยทัพหลังเริ่มส่งกำลังหนุนเข้ามาขวางไม่ให้ทัพโรฮันและกอนดอร์รวมกันได้ โดยส่งมูมากิลออกมากดดันทัพม้าของโรฮัน
ในขณะที่ทัพโรฮันและกอนดอร์ กำลังโดนกระหนาบโดยทัพหลังของเซารอน
ระฆังสัญญาณถอยทัพของมินัสทิริธก็ดังขึ้น ทัพเรือของ
อุมบาร์กำลังจะเทียบท่า เมืองแดนใต้ได้ไม่สามารถต้านทานข้าศึกไว้ได้
ทัพของกอนดอร์ที่กำลังตีฝ่ามาหาทัพของโรฮันจึงหยุดชะงักลง เอโอแมร์ไม่ได้ยินระฆังสัญญาณ แต่ก็อยู่ใกล้ท่าเรือพอจะเห็นใบเรือสีดำเรียงรายกันมาตามลำน้ำ จึงบัญชาทัพโรฮันทั้งหมด ตั้งกระบวนหอกล้อมป้องกันเนินเขาเอาไว้ ก่อนจะเชิญธงราชธวัชของพระมาตุลาไว้ที่ศูนย์กลางกองทัพ เพื่อเตรียมสู้ตายเป็นครั้งสุดท้าย
แต่แล้วธงดวงดาวทั้งเจ็ด (ราชธวัช ประจำตัวของอารากอร์นหลังขึ้นครองราชย์) ก็ปรากฏเหนือกองเรืออุมบาร์ อารากอร์นนำพรานดูเนได และกองกำลังจากทางใต้มาช่วยตีกระหนาบทัพเซารอนจากด้านหลังจนแตกพ่ายไปในที่สุด
เป็นอันจบสมรภูมิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคที่ 3 ของมิดเดิ้ลเอิร์ธ