ความแตกต่างสถานการณ์โควิด19ระหว่างอังกฤษกับไทย

#ความแตกต่างสถานการณ์โควิด19ระหว่างอังกฤษกับไทย อังกฤษมียอดเสียชีวิตจากโควิด-19 ล่าสุดวันเดียว 758 ราย ทำให้ยอดสะสมผู้เสียชีวิตในอังกฤษ เพิ่มขึ้นเป็น 5,655 ราย ในขณะที่ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตในวันนี้ 1 ราย และยอดสะสม 27 ราย ซึ่งมึความแตกต่างกันมาก

ทีมงานสำรวจโลก ประจำประเทศอังกฤษ รายงานว่าอาจจะเนื่องจากการพบแพทย์ในประเทศอังกฤษ จะต้องมีการนัดหมายก่อน หากไม่ได้รับการนัดหมายจะไม่ได้พบแพทย์ ไม่สามารถเดินเข้าไปที่โรงพยาบาลได้ง่ายๆ ประชาชนจะต้องทำนัดก่อน เมื่อประชาชนที่ป่วยโทรศัพท์ไปที่ศูนย์รับเรื่อง ถ้าอาการยังไม่หนัก จะได้รับแจ้งให้พักอยู่ที่บ้านและรอดูอาการ หรือทานยาแก้ปวดหัว ในขณะที่ประเทศไทยเราสามารถเข้าไปโรงพยาบาลรัฐ หรือเอกชนได้ทันที ไม่ต้องไปหาหมอประจำบ้านก่อน ที่จะได้ไปโรงพยาบาลเพื่อหาหมอเฉพาะทาง

อย่างไรก็ตาม หากป่วยหนัก จะมีรถพยาบาลมารับที่บ้าน แต่นั่นก็อ่าจจะสายเกินไป เนื่องจากไวรัสอาจจะแพร่กระจายไปถึงปอดแล้ว ทำให้รักษายาก ผู้ที่มีอาการหนักส่วนใหญ่จะต้องการเครื่องช่วยหายใจ หรือเครื่องพยุงปอด (Ecmo) ที่มีไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้ป่วย

ในขณะที่รัฐบาลพยายามให้ประชาชนอยู่ในบ้านเพื่อหยุดเชื้อ แต่ผู้คนส่วนใหญ่ยังคงออกมาพบปะพูดคุยกัน วิ่งออกกำลังกาย โดยไม่ใส่หน้ากาก เนื่องจากมีความเข้าใจว่า ผู้ป่วยเท่านั้นที่ควรสวมหน้ากากอนามัย ต่างกับในประเทศไทย ที่ทุกคนจะใส่หน้ากากอนามัยทุกคน เพราะทุกคนคุ้นเคยตั้งแต่สมัยป้องกัน PM 2.5

คนป่วยส่วนใหญ่ ที่ยังไม่แสดงอาการ แต่อาจจะเป็นผู้แพร่เชื้อได้ การที่ทุกคนใส่หน้ากากอนามัยในประเทศไทย ทำให้สามารถลดการแพร่กระจายเชื้อไวรัสได้ดีกว่า ที่ประเทศอังกฤษ

ประชาชนในอังกฤษยังคงพบกับความยากลำบากในการสั่งซื้อของ การสั่งของสด หรือสินค้าในซุปเปอร์มาร์เก็ต ไม่สามารถหาวันจัดส่งได้ หรือหากได้ก็จะคิวยาวเป็นเดือน ผู้คนที่ไปซื้อสินค้าในซุปเปอร์มาร์เก็ต ยังคงไม่ใส่หน้ากากอนามัย ซึ่งมีความเสี่ยงอย่างมาก

แต่ที่ประเทศไทยเราสามารถสั่งอาหารมาทานได้ภายใน 30 นาที บริการส่งของสดภายในเวลา 2 ชั่วโมง หรือในวันรุ่งขึ้น สินค้าในซุปเปอร์มาเก็ตไม่ขาดแคลน ไม่ต้องแย่งสินค้ากัน ในขณะที่อังกฤษ ต้องจัดเวลาในการซื้อสินค้าให้กับผู้สูงอายุ และผู้ให้บริการทางการแพทย์ เป็นรอบๆ ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะไม่สามารถซื้อสินค้าในซุปเปอร์มาร์เก็ตได้เลย ดังนั้นความสะดวกสบายเหมือนที่เมืองไทย ที่มีบริการส่งอาหารหรือสินค้าถึงบ้านนั้น ไม่มีในประเทศอังกฤษ ไม่ต้องพูดถึงการใส่หน้ากากในที่ชุมชน ซึ่งจะเป็นเรื่องแปลกอย่างมากของคนที่อังกฤษ

คนอังกฤษส่วนใหญ่จะทานขนมปังเป็นอาหาร แต่ในขณะนี้ค่อนข้างยากลำบากในการหาแป้งทำขนมปัง ยีสต์ และน้ำตาล กระดาษชำระก็เป็นอีกสินค้าที่หายาก เพราะทุกบ้านใช้กระดาษชำระแทนสายชำระ ในขณะที่คนไทย นิยมใช้สายชำระมากกว่า

และนี่ความเข้าใจที่แตกต่างกันของคน 2 ประเทศที่อยู่คนละซีกโลก



ที่มา

https://www.facebook.com/146609607225/posts/10158005027497226/

ไวรัสตัวนี้นี่ฆ่าคนเป็นผักปลาเลยแหะ ไม่เน้นกินไว เน้นกินเรื่อยๆ

การที่ เจริญ มากไป ก็ไม่ดีนะ...
ทำให้ คนที่จะมาทำงานระดับล่าง มีน้อย

เวลาเกิดวิกฤต แบบนี้ มันก็สะท้อนปัญหา
ทุกอย่างแทบหยุด แรงงานระดับล่างก็หยุดไปด้วย เพราะกลัวโรค มากกว่ากลัวอด

ของเรา คนชั้นล่าง กลัวอด มากกว่ากลัวโรค
ทำให้ต้องออกมาทำงาน

อีกอย่าง บ้านเราเกษตรกรรม กลุ่มชาวบ้านที่อยุ่ต่างชนบท เขาไม่ได้ต้องการอะไรมาก
อาหาร 3 มื้อ บางอย่างปลูกเอง หรือ หาเองได้
แม้กระทั้งเนื้อสัตว์ แม้ว่าจะหาจับเองไม่ได้ ก็ ยังมีรถพุ่มพวง ไปขายถึงในหมู่บ้าน

อีกอย่างหนึ่ง บ้านเรามีวิกฤติ บ่อย เรื่องน้ำท่วม/ภัยแล้ง มันทำให้คนต่างจ. พร้อมจะรับมือกับวิกฤติได้ไว

ส่วนในยุโรป ถ้าผ่านวิกฤติไป ระบบการขายสินค้าจะเปลี่ยนไป..มากอ่ะ

ความใจร้อน รอไม่เป็นของคนไทยมันก็ทำให้เราได้เปรียบในเรื่องนี้แหละ

สภาพอากาศที่ร้อน ที่่ไวรัสจะอยู่นอกโฮสได้สั้้นกว่า

สภาพความเป็นอยู่ อาหารการกินของเรา ด้วยความเป็นเวชศาสตร์เขตร้อน ทำให้เราต้านทานโรคได้่ดีกว่าเป็นทุมเดิม

สำคัญสุดผมว่าคือหน้ากากนะ เห็นข่าวเดือนก่อน คนอิตาลีในคลิปยังเดินชิลไม่ใส่หน้ากากกันอยู่เลย คนไทยนี่แทบจะ100%ใส่หน้ากากออกนอกบ้าน

ขออนุญาตออกตัวไว้ก่อน ว่าผมไม่ได้ต่อว่าท่านนะ แต่เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดในอนาคต ผมอยากแนะนำท่านให้ใช้คำว่า "ผู้มีรายได้น้อย" แทนคำว่า "ชนชั้น.." ครับ

ไม่ใช่ว่าผมไม่เข้าใจนะ ผมเข้าใจ 100% เลยว่าท่านจะสื่ออะไร และผมเชื่อว่าเพื่อนๆใน SS ส่วนใหญ่เข้าใจเช่นกัน แต่ถ้าท่านเผลอไปใช้ข้างนอกที่มีผู้คนหลากหลาย เกรงว่าจะมีดราม่าตามมาฮะ แล้วสมัยนี้ชาวโซเชียลเปราะบางมาก ถ้ามีอะไรขัดใจกระทบจิตใจนิดหน่อย ไปขุดประจาน ล่าแม่มด ฯลฯ เกินเบอร์มากๆ

ด้วยความเคารพครับ

จริงๆผมว่าคนแถบ Asean นี่ภูมิต้านทานเยอะมากนะ
ต้องเจออากาศที่ร้อนชื้น ต้องเจอแมลงสารพัด อาหารก็ไม่ได้คลีนแบบทางยุโรป อาหารเราหลากหลาย เครื่องเทศเครื่องปรุงมากมาย เราเจอพวกนี้มาแต่เด็ก ยิ่งสัมผัสเยอะ ก็ภูมิเยอะ

เท่าที่คลุกคลีกับฝรั่ง เค้าดูจะรักษาความสะอาดไม่เหมือนเรานะครับ

ใส่รองเท้าเข้าบ้าน อาบน้ำวันละหน จานชามโยนเครื่องล้างไม่ค่อยจะสะอาดเลย สุขลักษณะเค้าแตกต่างจากเราอะนะครับ

หรือผมไปเจอคนซกมกหวา

จากที่ไปอยู่อาศัยมา 3 ปี ที่ อเมริกา

อังกฤษ อเมริกา อาจจะด้วยความที่เป็นเมืองหนาว และ พื้นเพวัฒนธรรมเค้าเป็นแบบนี้มานานแล้ว

- ไม่ค่อยอาบน้ำ บางคนคือ 2-3 วัน บางคนเป็นสัปดาห์

อย่างผมหลังๆ อยู่สัก 2 ปีก็วันละครั้งแล้ว คือตอนเช้ามันโคตรหนาวนะ แบบอากาศติดลบ หรือ หลักเดียว ออกมานี่ใส่เสื้อ สามชั้นตัวสั่นอะ

ต้องไปนั่งจ่อ ฮีทเตอร์ อย่างทรมาน


- ใส่รองเท้า เข้าบ้าน ใส่รองเท้านอน ( หนาว )


- อาหารส่วนมาก ใช้มือหยิบกิน พิซซ่า เบอเกอร์ ไก่ทอด เบอริโต้ ทาโก้ ซีฟู้ดคาจัง

แล้วเค้าไม่เหมือนคนไทยด้วย อาหารใช้มือ คุณเข้าร้าน 5 ดาวก็ใช้มือ มีด ส้อม นี่กิน พาสต้า กับ สเต๊ก อะ

หยิบเสร็จ ดูดนิ้ว เช็ดผ้า จบแร้ว




เรื่อง หมอ นี่ ไป 3 ปี ผมไม่ได้เจอ มีน้องคนไทย เป็นไข้ ไปหาหมอ นัดหมอ หลักหมื่นหลักแสนเด้อ เจอหมอ ที่โน่น

แล้วจะซื้อยา ต่อให้ ร้านขายยา ซื้อได้ไม่กี่ตัวนะครับ ส่วนมากก็ลดไข้ แก้ปวด ธรรมดา ยาแก้อักเสบ ขึ้นไป ต้องพบเภสัช ต้องมีใบสั่งยาจากหมอ


อย่าง หมอฟัน เอาว่า บินกลับไทย มาผ่าฟันคุด แล้วบินกลับ เมกา ราคาพอกันนะครับกับผ่าธรรมดาๆที่โน่นนะ

เรื่องไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของเค้าเราก็พูดเยอะไม่ได้ ผมไม่เคยไปอังกฤษหรืออเมริกา แต่เคยไปเมืองจีนก็หลายครั้งอยู่ แรกๆ ผมก็ใช้ชีวิตเหมือนอยู่เมืองไทยนะ อยู่ไปอยู่มา อาบน้ำวันละครั้ง ขี้จากฉีดตูดก็ยอมใช้กระดาษ จากถอดรองเท้าก็ใส่รองเท้าเข้าบ้าน เหตุผลเดียวเลย คือมันหนาว ไม่ได้อยากซดมก