นึกว่าจะทำเป็นตัวอย่างแต่ที่ไหนได้ กอร์ดอน เทย์เลอร์ ประธานบริหารสมาคมนักฟุตบอลอาชีพ (พีเอฟเอ) ยืนกรานว่าเขาจะไม่ขอลดเงินค่าจ้างรายปีกว่า 2 ล้านปอนด์ของตัวเองและบรรดาลูกจ้างขององค์กร ท่ามกลางวิกฤติโคโรนาไวรัส

ที่ผ่านมา บิ๊กบริหารวัย 75 ปี ออกมาปฏิเสธที่จะขับเคลื่อนการเจรจากับตัวแทนของลีก ต่อโอกาสที่บรรดานักเตะค่าเหนื่อยแพงจะยอมลดค่าเหนื่อยเพื่อช่วยอังกฤษต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัส

เทย์เลอร์ ซึ่งนั่งในตำแหน่งนี้ตั้งแต่ปี 1981 โดนหลายฝ่ายวิจารรณ์อย่างหนักต่อบทบาทของเขาในช่วงเวลานี้ ซึ่งเหล่าสตาร์ในพรีเมียร์ลีก ก็ไม่อยากให้เขาเข้ามาเป็นตัวกลางอะไรแล้วในการบรรลุข้อตกลงลดค่าเหนื่อยของตนเอง

เทย์เลอร์ กล่าวกับหนังสือพิมพ์เดอะ การ์เดี้ยน ยืนกรานว่า พีเอฟเอ จะยังคงจ่ายเงินค่าจ้างให้กับสต๊าฟฟ์มากกว่า 60 คน แบบเต็มเหยียดไม่มีการลดเงินแต่อย่างใด

"พีเอฟเอจะบริจาคนะ และพีเอฟเอ จะเข้าไปมีส่วนร่วมกับการกุศลต่างๆของนักเตะด้วย" เทย์เลอร์กล่าว

"ในตอนนี้จุดยืนของพีเอฟเอคือ เราจะจ่ายค่าจ้างให้กับสต๊าฟฟ์ มากกว่า 60 คน แบบเต็มที่ไปเรื่อยๆ"

โอโห อยู่ในตำแหน่งมา 39 ปี ตอบสนองต่อปัญหาได้ค้านต่อสายตาประชาชน

ก็ไม่รู้ใจนักเตะส่วนใหญ่จริงๆว่าอยากจะลดค่าเหนื่อยมากน้อยแค่ไหน ถ้ามีนักเตะอยากจะลดมากกว่า ตำแหน่งของลุงคงสั่นคลอน ใกล้หมดเวลาของลุงแล้วล่ะ

แต่ถ้านักเตะส่วนใหญ่ไม่อยากลดค่าเหนื่อย ปู่ก็เป็นกระบอกเสียงชั้นดีของนักเตะเลย ต้องไม่ลืมว่าลุงเป็นกระบอกเสียงของนักฟุตบอลอาชีพในอังกฤษไม่ใช่แค่เฉพาะในพรีเมียร์ลีก

เยี่ยมครับ

ตัวอย่างของคนประเภท เฒ่าเพราะอยู่นาน

อายุปูนนี้แล้ว จะเอาเงินไปทำอะไรนักหนา

คุณได้เงินไว้แต่คนด่าตามหลัง. สุดท้ายคุณสิ้นอายุขัย คุณเอาเงินไปได้ไหม

สู้ทำสิ่งที่ดี. ช่วยเหลือสังคม. จะมีแต่คนชื่นชมตามหลังไม่ดีกว่าหรอ

เพราะดูจากตำแหน่งและรายได้แล้ว. ผมเชื่อว่าปู่แกไม่ลำบากเรื่องเงินแน่ๆ

เรื่องลูกจ้างไม่ลดอ่ะทำถูกแล้ว. แต่ถ้าใครที่รายได้เยอะมาก. ก็ควรประชุมและช่วยเหลือคนอื่นไหม

อีกหนึ่งความเห็นแก่ตัว

เห้อออออออ

พอโดนเข้ากับตัวก็จะรู้ว่าเงิน ที่มีมันช่วยยื้อชีวิตไม่ได้ อายุปูนนี้และ โดนไปคงหนัก ไม่ได้แช่งอะไรนะ แค่ผู้สูงวัย มักจะทรุดหนัก