ผมเห็นบทความน่าสนใจเลยเอามาให้คนในบอร์ดอ่านกันครับ

Credit https://www.facebook.com/104623820929914/posts/242091110516517/?d=n

ทำไมทุกวันนี้คนไทยติดเชื้อไม่เร็วอย่างที่คิด?

หลายคนคงเห็นตัวเลขสถิติของผู้ติดเชื้อใน จีน เกาหลี ยุโรป และอเมริกา หลังผ่านการติดเชื้อครบ 200 คน จะมีอัตรากการติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นมาแบบ Exponential หรือขึ้นไปแตะระดับเกิน 5,000 - 10,000 คนในระยะเวลาอันสั้น

โดยแต่ละประเทศนั้นจะมีการระดมตรวจโรคเกินกว่า 100,000 คนทั่วประเทศ อย่างสหรัฐเองตัวเลขจากข่าวล่าสุดระบุว่าตรวจไปกว่า 850,000 คนแล้ว (ติดเชื้อ 160,000 คน คิดเป็น 20% ของการตรวจ)

ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมและใครหลายคน คาดไว้ว่าที่ไทยคงจะมีมาตรการคล้ายคลึงกับประเทศอื่นๆ และน่าจะมีจำนวนคนติดเชื้อมากกว่าที่เป็นอยู่

แต่จากการประกาศในแต่ละวันของกระทรวง สธ. กลับพบคนติดเชื้อเพิ่มขึ้นเพียง 100-150 คน/วันเท่านั้น

จนมาวันนี้ผมก็ตาสว่าง เมื่อไปไล่ดูสถิติการตรวจของไทย ย้อนหลังในเว็ปของกรมควบคุมโรค

พบตัวเลขที่เป็นสภาพจริงของไทย ดังนี้
1) มีการตรวจเชื้อ CoVID ไปแค่ 18,696 คน เท่านั้น ณ 30/3/2563

2) จากทั้งหมดในข้อแรก รู้ผลแล้วเพียง 11,339 คน แบ่งเป็นติดเชื้อ 1524 คน (คิดเป็น 13% ของจำนวนการตรวจ) และไม่ติดเชื้อ 9518 คน

3) แต่ที่น่าห่วงกว่า คือ ยังรอผลอีกเกือบ 7,357 คน!! และตัวเลขรอผลตรวจนี้ สะสม พอกพูนมากขึ้นทุกๆวัน เพราะ เมื่อไปไล่ดูข้อมูลวันเก่าๆตั้งแต่ 29/3/2563 ลงไปเรื่อยๆ พบว่าความสามารถในการตรวจจนทราบผล เฉลี่ยจะทำได้วันละ 500-600 เคส เท่านั้น

4) แสดงว่ากว่าจะทราบผลของคนกลุ่ม 7,357 คน ต้องใช้เวลาอีก 10-15 วัน ถึงจะทราบผลทั้งหมด

5) เมื่อเป็นแบบนี้ แสดงว่ายอดคนติดเชื้อ 100-150 ต่อวัน เกิดจากการตรวจผลเพียง 500-600 คน (คนติดเชื้อ 20% ของการตรวจเท่ากับสหรัฐ)

6) หากสถิติเดียวกันนี้ คนที่รอผลอีก 7,357 คน น่าจะมีผู้ติดเชื้อรออยู่ 1,400 คน

7) คำถาม คือ ระหว่าง 10-15 วัน คนกลุ่ม 1,400 คนนี้จะเดินทาง หรือไปสัมผัสแพร่เชื้อให้ใครอีกบ้าง? เพราะหากไม่รู้ผลตรวจ เป็นผมคงใช้ชีวิตไปตามปกติ แม้จะใส่หน้ากาก ล้างมือ แต่ก็มีโอกาสแพร่เชื้อให้คนอื่นไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

=======================================
ดังนั้นตัวเลขหรือสิ่งที่เห็น อาจไม่ใช่สิ่งที่เป็นอยู่จริงในขณะนี้

คงมีหลายคนสงสัยว่า ทำไมไม่จัดให้มีการตรวจในวงกว้างแบบประเทศอื่นๆ เช่น 100,000 คน เพื่อให้ทราบคนติดเชื้อแน่ชัด และจะได้บริหารจัดการทรัพยากรได้ถูกต้อง รวมถึงพ่อแม่พี่น้องคนติดเชื้อเหล่านั้นจะได้ระมัดระวังตัวมากขึ้น

ผมเองก็ไม่ทราบคำตอบ ทั้งๆที่ใช้งบประมาณไม่เกิน 500 ล้านบาทก็เพียงพอที่จะตรวจคนได้ในระดับ 100,000 คน

หรือสิ่งที่รัฐตั้งใจจะให้เป็น คือ ปล่อยให้การตรวจน้อยแบบนี้ไปเรื่อยๆ 500-600 เคสต่อวัน ให้คนไทยเห็นตัวเลขว่ามีคนติดเชื้อไม่มาก หวังผลทางจิตวิทยา

ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้จริง คนที่เสี่ยงสุดคือ หมอ พยาบาล ที่จะไม่รู้ว่าคนป่วยที่มาติดต่อมีเชื้อแล้วหรือไม่

หรือนี้จะเป็นแผนของรัฐบาลชุดนี้ ที่ต้องการปล่อยให้คนไทยป่วยในวงกว้าง และสร้างภูมิคุ้มกันด้วยตัวเอง (Herd Immunity) และทยอยให้ธรรมชาติคัดสรรคนที่ป่วยตายและอยู่รอดในประเทศของเราต่อไป

ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ต่างประเทศควรเอาไทยเป็นกรณีศึกษา วิธีในการจัดการ CoVID-19 ที่ได้ผลดีสุด และลดตัวเลขผู้ติดเชื้อได้ที่ต่ำสุด เพราะไม่ต้องตรวจหรือตรวจให้น้อยที่สุดไว้นั่นเอง

ตัวเลขทั้งหมดคือของจริงจากกรมควบคุมโรค ใครสนใจพล็อตตารางมาดูได้ว่าผมพูดจริงหรือไม่ https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/situation.php

ขอให้ทุกท่านโชคดี เพราะเราอาจติดโรคนี้ไปแล้วแต่เราแค่ไม่รู้ตัว...

#SoloInvestor



Credit อีกครั้ง https://www.facebook.com/104623820929914/posts/242091110516517/?d=n

หมอเค้าว่ามางี้

บางประเทศทุ่มเงินเพื่อคิดค้นยารักษา วัคซีน

ประเทศเราทุ่มเงินเพื่อพยุงเศรษฐกิจ และเยียวยา ผู้รับผลกระทบ

เหมือนทำข้ามขั้นตอนยังไงไม่รุ้

เราตรวจทั้งหมดนี่แทบจะเท่าเกาหลีตรวจ1วันเลยนะ

เกาหลีตรวจวันละ15000

หมอเค้าว่ามางี้

คงต้องให้ประเทศที่มีศักยภาพมากกว่าเป็นแกนหลักในการคิดค้นครับ แต่คิดว่าไทยก็คงมีทีมเภสัชที่ศึกษาวิจัยและทดลองทางด้านนี้อยู่ เพียงแต่รัฐให้ความสำคัญกับฟันเฟืองหลักของประเทศก่อน เพราะไม่ว่าประเทศไหนจะคิดค้นยาหรือวัคซีนได้ก็คงแจกจ่ายให้ทุกประเทศ สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือต้องยื้อให้ได้นานที่สุดครับ ถ้าระบบสาธารณสุขเราแข็งแกร่งและประชาชนให้ความร่วมมือที่ดีก็คิดว่าน่าจะผ่านไปได้ครับ

ผมว่ามันประหลาดมากๆนะ ที่หมอ กับ เจ้าหน้าที่ กับสิ่งที่ประชาชนเชื่อ มันไม่สอดคล้องกัน surreal มากๆ ข้อมูลจากหมอ อย่างที่เม้นบนบอก กับ ข้อมูลว่าเราตรวจน้อยพบน้อย แสดงว่ามีคนติดเยอะ ประเทศเรามันล้ำจิงๆ

พูดตามตรง ผมว่าทางเราไม่มีศักยภาพเพียงพอครับ ไม่ใช่ไม่อยากตรวจนะครับ จะได้ข่าวว่าน้ำยาที่ใช้ตรวจ covid ไม่เพียงพอบ่อยๆครับ เพราะว่าเราผลิตไม่ได้ต้องนำเข้าเท่านั้น
คำว่า-เงินซื้อทุกสิ่งไม่ได้-คำๆนี้สามารถใช้กับสถานะการตอนนี้แล้วครับ อเมริกาคิดค้นเครื่องตรวจราคาไม่แพงมากและตรวจได้เยอะ แต่ๆแน่นอนครับ เข้าต้องตรวจให้คนของเค้าก่อนไม่มีการขายให้ประเทศอื่นแน่นอน
เครื่องช่วยหายใจจะบอกว่าตอนนี้ผลิตไม่ทันครับ แต่ละประเทศที่สามารถผลิตได้จำนวนเยอะๆก็เอาไว้ใช้กับคนของตนเองเท่านั้น
แม้ว่าเราจะมีเงินและมีงบประมาณแค่ไหนก็ไม่สามารถซื้อสิ่งที่เราต้องการได้ในภาวะ -สงครามโรค- ครับ
ตอนนี้เลยทำได้ประมาณนี้ผมว่าก็โอเคในระดับนึงแล้ว
++ และที่สำคัญการติดเชื้อ covid มันสัมพันธ์กับอัตราการตายครับ(ประเทศไทยยังน้อยอยู่) เพราะถึงยังไงไม่สามารถปกปิดการตายได้แน่นอนครับ

ที่สงสัยกันว่าตัวเลขมันน้อยแปลกๆ ไม่ได้จะว่ารัฐปกปิดข้อมูลหรอก

มันคือข้อจำกัดอย่างที่ จขกท ว่ามา หลายคนคิดแบบนี้แหละ แต่ไม่มีตัวเลขมาให้ดู

ไม่แน่ใจว่าตรวจเยอะไม่ได้จริงๆ หรือเป็นความตั้งใจที่จะใช้กลยุทธ์นี้ ซึ่งไม่น่าใช่

น่าจะเพราะแล็บและเจ้าหน้าที่มีจำกัด

ประเทศเราไม่ค่อยมีKnow How ด้านการคิดค้นยารักษาหรือวัคซีนอยู่แล้วครับ มีก็ต่ำมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับ ว่าถ้าเราเริ่มค้นหา Know How ตอนนี้ อีกกี่ 10 ปีมันจะเริ่มเก็บผลได้

ที่แน่ๆ ลงทุนตอนนี้ ยังไงก็ไม่ได้ผลอะไรขึ้นมากับ COVID

ได้ข้อมูลแบบนี้ จะอยากให้ประเทศเราเริ่มพัฒนาตอนกำลังวิกฤติอยู่มั้ยครับ เอาหมอโรคติดเชื้อเทพๆออกจากวงจรการรักษาคนไข้ ออกจากวงจรที่จะไปควบคุมโรค ไปพัฒนา Lab ตรงนี้ก่อน

อ่านจากข่าว

คนที่ติดเชื้อ ถ้าไปตรวจ คัดกรอง เสี่ยง
กว่าผลจะออกมายืนยัน

ใช้เวลา 2-3วัน ที่จะบอกว่าติดเชื้อ
และกว่ารพ.มารับอีก 2วัน

สรุปแล้ว หลังจากแสดงอาการ 4-5วันถึงจะกักตัวที่รพ.

ระหว่างนี้ก็กักตัวเองที่บ้าน

ก็จะแพร่ให้คนที่บ้าน..ตามมา..

ดังนั้น ชุดตรวจคัดกรอง สำคัญ

ก็ต้องรอ ชุดตรวจใช้กันแพร่หลายมากกว่านี้ จะเห็นตัวเลขที่ชัดขึ้น

แต่บางคนมีอาการนิดเดียวเค้าก็อยากตรวจ แต่ไม่ให้ตรวจ

ก็เพราะน้ำยามันไม่พอไม่ใช่หรอครับ มันก็ตรงกับแหล่งข่าวที่จขกท เอามาลง

เป็นผมคงใช้ชีวิตไปตามปกติ แม้จะใส่หน้ากาก ล้างมือ แต่ก็มีโอกาสแพร่เชื้อให้คนอื่นไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

ปัญหาของไทยเราอยู่ตรงนี้มากกว่า ถ้าคนที่รอผลตรวจแล้วยังใช้ชีวิตปกตินี่ไม่รู้จะพูดไงแล้วนะ

เพราะคนที่ไปตรวจคือคนที่มีความเสี่ยง มันต้องกักตัวเองแล้ว ไม่ใช่ใช้ชีวิตปกติ

เขาออกมาบอกกันแทบทุกวันเลยนะครับว่าถ้าเข้าเกณฑ์เขาก็ตรวจให้ ไม่ใช่วิตกจริตแล้วแห่กันไปตรวจ ถ้าเป็นแบบนั้นนอกจากจะสิ้นเปลืองบุคลากรทางการแพทย์แล้วยังมีโอกาสแพร่เชื้อกันที่จุดนั้นด้วย

ผมเห็นด้วยกับหมอนะ ถ้ายอดมันน้อยเพราะตรวจน้อยจริงคงมีคนตายแบบไม่รู้สาเหตุหรือเกิดซุปเปอร์สเปรดเพิ่มขึ้น

แต่เกณฑ์เค้ามันค่อนข้างเยอะกว่าประเทศอื่นสิครับ ดูอย่างเกาหลี เมกา

แทบจะไล่ตรวจให้ เกาหลียอดขึ้นรัวๆ แปปเดียวจัดการได้ มันก็เห็นได้ชัดว่าชุดตรวจเราไม่พอจริงๆ นะครับ

มีเพื่อนสมาชิกพึ่งมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจ PCR ไว้ เป็นมู้ที่มีสาระดีมากฮะ

http://www.soccersuck.com/boards/topic/1868524/1

ทำให้พอเข้าใจถึงหลักการเบื้องต้น และปัญหาที่พบ คือบุคคลากรเราน้อย และต้องใช้เงินลงทุนสูง

แต่พอเจอข่าวกะลาโหมวันนี้ แม่มเดือดเลย