ถูกต้องครับ WHO ยังไม่ confirm ครับ แต่มีหลายคนพยายามพิสูจน์ว่าเชื้อมันมีโอกาสเป็น airborne ได้ WHO เองก็ไม่ได้ตัดว่ามันไม่เป็น airborne แน่ๆ ยังคงบอกว่ามี possibility

https://www.who.int/news-room/commentaries/detail/modes-of-transmission-of-virus-causing-covid-19-implications-for-ipc-precaution-recommendations

Social distancing ก็ควรทำอยู่ เพราะเชื้อมันติดจาก droplet เป็นหลักอยู่ ลดโอกาสได้ติดต่อได้

ผมคนนึงครับที่ตอนแรกรู้สึกแบบนั้น ด่าว่าทำไมไม่ให้ตรวจฟรี แต่พอตั้งสติได้คิดแยกแยะ สิ่งต่างๆถึงได้เข้าใจและเห็นใจคนทำงานตอนนี้มาก สิ่งที่ดีที่สุดในตอนนี้คือดูแลตัวเองให้ดีไม่เสี่ยงที่จะติดเชื้อเพื่อตัวเอง ครอบครัว และคนที่ทำงานจะได้ไม่ต้องมีภาระเพิ่ม

เมื่อวานต้องไปตรวจ ไม่เข้าใจว่าอธิบายเกณฑ์ PUI ต่างๆ เหตุผลที่ไม่ต้องตรวจ ทำไมต้องเถียงด้วยไม่เข้าใจ
เถียงไปไม่เข้าเกณฑ์ก็ไม่ต้องตรวจ

คือให้ไปตรวจทุกคนมันเป็นการ Focus ผิดจุดจริงๆครับ

สิ่งที่ควรทำจริงๆต้องกันตัวเองออกจากความเสี่ยงนั่นแหละ ตรวจวันนี้ผลลบแล้วก็ไม่ใช่ว่าจะสบายใจได้เลย ปล่อยฟรีเลยได้ ต้องทำแบบเดิมอยู่ดี

น้ำยายังขาดอยู่มั้ยครับ

เห็นว่าคอขวดตรงนี้

สอบถามครับ ต่างประเทศที่สามารถตรวจผู้ป่วยได้เยอะๆ นี่ใช้กระบวนการ PCR แบบเดียวกับเราใช่รึป่าวครับ

แค่แตกต่างกันตรงความพร้อมของแลป และจำนวนบุคคลากร

ตอบเท่าที่ทราบนะคับพอดีว่าผมขายสินค้าอีกประเภท
น้ำยาตอนนี้สั่งเข้ามาเรื่อยๆ แต่ของก็ยังไม่พอความต้องการ
เมื่อของเข้ามาก็ต้องแบ่งกันตามสัดส่วนรพ.ที่ีเคสเยอะไปน้อย
ส่วนตัวคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องของการทำเทสที่ใช้เวลานานกว่าจะออกผลได้
ถ้าจะขวดน่าจะตรงนี้
ส่วนกรณ๊ก่อนหน้านั่นที่มีข่าวว่ารพ.น้ำยาขาด
เนื่องจากตอนนั้นในไทยการระบาดยังไม่รุนแรงเท่านี้คับ รพ.เองก็ยังประเมิณไม่ถูก
ไม่กล้าสั่งน้ำยามาเยอะ เลยเป็นปัญหาตอนนั้นคับ

นอกจากบริษัทผมก็มีอีกสอง สามบริษัทที่ผ่านการรับรองของกรมวิทย์
ตอนนี้คือถ้าบริษัทไหนเข้าคุยแล้ว บริษัทอื่นจะข้ามเลยเพราะช่วยกันกระจาย
ไปตามรพ.อื่นๆ ให้ได้มากที่สุดคับ ประมาณนี้คับ

ผมไม่รู้ว่าน้ำยามัน Sensitivity เท่าไรนะครับ

แต่เราสามารถตรวจแบบ Pool serum ได้มั้ยครับ

(เผื่อคนไม่เข้าใจ Pool serum คือเอา Serum หลายๆคนมารวมกัน

แล้วตรวจทีเดียว ซึ่งวิธีนี้จะช่วยลดการใช้ทรัพยาการ

อย่างเช่นเราเคยตรวจทีละ 1 ราย ถ้าเอา Serum มารวมกัน จำทำให้ตรวจได้ทีละหลายคนเลย

แล้วถ้าผลมัน Positvie เราค่อย ตรวจแยกทีละคน

แต่ถ้าได้ผล Negative มันทำให้เราคัดคนไม่เป็นได้ทีละหลายคนเลยนะครับ)

เห็นในทวิตยกประเด็นมาว่าที่ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นน้อยเกินควร เพราะเราตรวจน้อย
มีการเอารูปมาแนบ ส่วนใหญ่จะตรวจได้ 700 คน ต่อวัน อันนี้เพราะเหตุผลที่ท่านยกมาใช่มั้ยครับ

ตรวจได้น้อย เพราะศักยภาพ ทรัพยากร และบุคลากรเรามีน้อยถูกต้องไหมครับ

มันไม่ได้ตรวจจากเลือดครับ ตรวจจากการป้ายคอ nasopharyngeal แล้ว suspend ใน transport medium

ซึ่งเชื้อมันอาจจะไม่ได้มากมายอยู่แล้ว ถ้าไป pool กับรายที่ negative อีก ความเข้มข้นอาจจะน้อยลงไปอีก อาจจะ false negative ได้ครับ

ในโรคแบบนี้ false negative เป็นเรื่อง sensitive มาก เดี๋ยวจะมีปัญหาอีกว่าทำไมถึงใช้การ pool specimen

เท่าที่ทราบ Europe US ใช้ PCR ครับ

แต่ก็มีการเริ่มพยายามใช้เป็น rapid test มาช่วย คล้ายๆ strip ตรวจตั้งครรภ์แหละ ปรากฏว่าที่สเปนเจอให้ผลบวกปลอม 30% ของการตรวจ เลยส่งคืนทั้งหมด

ณ เวลานี้มีรับรองเยอะแยะ แต่มันเป็นเรื่องของช่วงเวลาการติดเชื้อครับ ถึงได้เลือกใช้ PCR ที่ตรวจสารพันธุกรรม มันเจอไวที่สุดแล้ว

ใช่ครับ ความสามารถในการตรวจเราไม่ได้เยอะขนาดนั้น

แต่ถ้าเราไปทำโฟกัสให้คนได้ตรวจมันจะไม่จบซักที เพราะตรวจมันแค่เสี้ยวเดียวของการ control โรค

quarantine, social distancing, การปิดประเทศ/เมือง , การรักษาความสะอาดส่วนบุคคลยังคงสำคัญมากกว่า

fine fine fine

ขอบคุณสำหรับบทความครับ นอกจากยังไม่เครียดแล้ว ยังได้ความรู้ขึ้นเยอะ

ปล. ชอบตรง Quick maFF มากๆครับ มี BigShaq มาด้วย

PCR ไม่ได้ทำยากขนาดนั้นครับ บางคนทำในสัตว์ พืช แบคทีเรียอยู่แล้ว แค่เปลี่ยนเป็นคนเท่านั้นครับ
จำนวนคนตรวจไม่น่าใช่ปัญหา (ถ้าต้องการจริงๆ ในเอกชนก็เยอะครับ)

แต่ที่ผมคิดว่าไม่ทำให้ เพราะ
1. หมอต้องเสียเวลาในการเก็บตัวอย่าง แทนที่จะไปรักษาผู้ป่วย
2. ต้องตุนสารเคมีไว้ตรวจในยามที่เกิด worst case ด้วย ถ้ามาตรวจเล่นๆตอนนี้ อาจจะไม่พอตรวจตอนต้องการจริงๆก็ได้