[RE: พรีเมียร์ลีค, EFL, PFA แถลงการหลังจากประชุมวันนี้]
Spoil
Captain_Kompany พิมพ์ว่า:
HunJungSun พิมพ์ว่า:
Captain_Kompany พิมพ์ว่า:
MidnightN พิมพ์ว่า:
ยักษ์เดนส์ พิมพ์ว่า:
ถ้ามันนาน ก็ตัดจบยกแชมป์ให้ลิเวอร์พูลไปเลยได้ไหม
จะได้เริ่มซีซั่นใหม่
แล้วเริ่มใหม่ มันต่างอะไรกับกลับมาแข่งต่อได้ครับ
ในเมื่อถ้ายังไม่ปลอดภัย ก้เริ่มใหม่ไม่ได้สักที ก้เหมือนกับแข่งต่อไม่ได้สักที
อย่างนึงที่ต่างกันคือ ถ้าตัดจบ สถาณการณ์ดีขึ้นเมื่อไร ก็เริ่มฤดูกาลใหม่ได้เลย
แต่ถ้าเลื่อนออกไปเรื่อยๆ สถาณการณ์ดีขึ้นก็ให้กลับมาแข่งกันต่อ กว่าจะแข่งจบก็จะกระทบไปถึงฤดูกาลต่อๆไปเป็นโดมิโน่ได้
อย่าลืมว่าฤดูกาลๆนึง เปิดลีคสิงหา ปิดลีคพฤษภา ถ้าสถาณการณ์แย่ไปจนถึงพฤษภา - มิถุนา จะให้กลับมาแข่ง ฤดูกาลต่อไปก็ต้องเลื่อนไปอีก
คือตอนนี้ โปรแกรมใหญ่ๆ อย่างฟุตบอลยูโร กีฬาโอลิมปิก ก็เลื่อนไปปีหน้าหมดแล้ว
- กรณีที่1 ถ้าสถานการณ์ดีขึ้นจริงๆ ภายใน กรฎา-สิงหา ในการเหลืออีกแค่ 10 นัด ทำไมถึงจะไม่เตะให้จบ เพื่อให้ทุกอย่างรันในฤดูกาลหน้าได้ เพราะแทบไม่ต้องปิดฤดูกาลแล้ว เตะจบก็เริ่มฤดูกาลใหม่ได้ เพราะตอนนี้ เหมือนการพักฤดูกาลไปในตัวอยู่แล้ว
- กรณีที่2 ถ้าสถานการณ์ยังลากยาวถึงปลายปี อย่างเช่นเดือนพฤศจิกายน การแข่งให้จบของฤดูกาลนี้ กับการเริ่มฤดูกาลใหม่ โดยโปรแกรมต้องเบียดฤดูกาลหน้า อันไหนจะง่ายมากกว่ากัน
- กรณีที่3 ถ้าสถานการณ์ไม่ดีขึ้นเลย ลากไปถึงเดือนกุมภา-มีนา แล้วดีขึ้น ควรจะรันตามกำหนดเดิม ให้เป็นแชมป์ - ตกชั้น เป็นฤดูกาล 2019/2021 มั้ย
การตัดจบโมฆะ กับการตัดสินใจเตะต่อในอีกไม่กี่นัด อันไหนควรจะเป็นการจัดการที่ง่ายกว่ากันล่ะครับ?
ข้อแรก คือเรื่องสัญญาครับ สัญญานักเตะหรือสปอนเซอร์ส่วนใหญ่จะหมดสัญญาวันที่ 30 มิถุนา
ยกตัวอย่างเช่น (พวกที่เหลือสัญญาปีสุดท้าย หรือพวกรอย้ายฟรี) ชาก้าของปืน สัญญาหมดมิถุนานี้ แล้วถามสมมุติเค้าไปตกลงกับยูเว่ไปแล้ว ซึ่งถ้าลีคอิตาลี่ยกผลว่าโมฆะ เริ่มเตะฤดูกาลใหม่ สิงหาเลย เท่ากับว่าชาก้าไม่สามารถอยู่ช่วยอาเซนอลได้แล้ว เพราะต้องไปเตรียมทีมกับสโมสรใหม่
เรื่องสปอนเซอร์ก็กรณีเดียวกัน ส่วนมากจะเซ็นเป็นฤดูกาล ยกตัวอย่างกรณี NB กับ NIKE ของลิเวอร์พูล ถ้ากลับมาเตะหลังเดือนกรกฎา ลิเวอร์พูลต้องใส่ชุดไหนลงสนาม เมื่อสัญญากับ NB หมดลงแล้ว แล้ว NB จะยอมไหมในเมื่อมีโอกาศได้ผลิตเสื้อที่ลิเวอร์พูลใส่คว้าแชมป์ลีคครั้งแรกในรอบ 30 ปี (คิดดูแล้วกันว่าชุดนี้มันจะลิมิเต็ดและมีมูลค่าสูงขนาดไหน) ก็ตต้องไปฟ้องกันอีก
ข้อที่ 2 ถ้ายกไปเตะปลายปี แล้วเริ่มฤดูการใหม่อีก โปรแกรมของฤดูกาลถัดไปก็ต้องยัดให้เต็มให้ลงตัว ก็ว่ายากอยู่แล้ว เพราะค่าลิขสิทธ ค่าถ่ายทอดมันจ่ายล่วงหน้า
แล้วยังต้องเอา 10 นัดนี้ไปยัดเพิ่มไว้ก่อนหน้า แล้วมีเตะบอลยุโรป บอลถ้วยอีก เกรงว่าต้องเตะทุกๆ 2 วันยังไม่พอเลย
ข้อ 3 อันนี้ไม่น่าเป็นไปได้มากที่สุด เพราะเชื่อว่าวิกฤตินี้มันไม่มีทางลากยาวเป็นปีๆได้ อยากมากสุดไม่เกิน 2-3 เดือนข้างหน้าก็ควบคุมสถาณการณ์ได้แล้ว (จีนใช้เวลาตั้งแต่เริ่มระบาดจนควบคุมได้ในเวลาแค่ 5 เดือน) แล้วถ้าต้องเลื่อนยาวไปเป็นปี จนสามารถรันแข่งต่อจากเดิมได้ ก็จะเป็นการแข่งกันที่กินเวลาไป 2 ฤดูกาล คิดว่าพวกที่ได้ลิขสิทธถ่ายทอด หรือพวกสปอนเซอร์ที่จ่ายเงินไปมหาศาลจะยอมได้ไหม เงินก้อนที่เค้าจ่ายไปกับสัญญา จากเดิมได้ 2 ฤดูกาล กลับได้ใช้จริงแค่ฤดูกาลเดียว หรือสโมสรฟุตบอลนี่แหละ จ่ายค่าเหนื่อยนักเตะ เงินเดือนพนักงานไป 2 ปี แต่ได้รับผลตอบแทนเท่ากับเตะลีคปีเดียว มันคุ้มค่าไหม
เราคิดมันง่ายครับ เหลืออีกแค่ 9 นัด เตะๆไปให้จบสิ ถ้ามันง่ายเหมือนที่เราคิด ตอนนี้แฟนๆอย่างเราคงไม่ต้องมาเครียด มาลุ้นอะไรแบบนี้หรอกครับ
ปล. ยูโรคนละเคสกับบอลลีคนะครับ นับเป็นรายการพิเศษ เตะแล้วจบในทัวร์นั้นเลย
มันจะไม่มีผลกระทบไปถึงปีต่อๆไป เลื่อนไปปีหน้าก็สามารถทำได้เพราะไม่ชนกับโปรแกรมอะไรอยู่แล้ว
นอกจากจะเลื่อนไป 2 ปี อันนั้นถึงจะไปชนกับบอลโลก ซึ่งดูแล้วโควิดคงไม่น่าจะมีผลยาวเป็น 2 ปีได้นะครับ
ผมอยู่ในฝ่ายไม่อยากตัดจบ แต่อันนี้ผมเห็นด้วย ถ้ามันลากยาวขนาดที่ว่า พฤษภายังเตะไม่ได้
ผมว่าตัดจบอาจเป็นสิ่งที่เวิร์คที่สุด ค่าลิขสิทธิ์ถึงเสียปีนี้อย่างน้อยมันยังไม่มาก
ถ้าไปยกเลิกปีหน้าเลย ฟ้องกันบาน นักเตะดีไม่ดีจะโดนลดเงินเดือนด้วย
มองจริงๆมันคืออาชีพๆนึงอะ ถ้าเป็นเจ้าของผมว่าคงต้องประคองผลกำไรให้มากที่สุด ดีกว่าเสียที่สุด
แต่ก็ไม่รู้ว่าเจ้าของแต่ละคนจะคิดยังไงอะนะ เพียงแต่ไอที่ยากคือบอลยุโรปปีหน้าจะตัดอันดับกันยังไง
ดูจากทรงถ้าตัดจบ คงใช้อันดับของปีก่อนมาเตะแหละ ทำเหมือนฤดูกาลนี้ไม่เคยเกิดขึ้น
หากมองในแง่ของเม็ดเงินอะนะ พวกนักลงทุน สถานีโทรทัศน์ สปอนเซอร์ คงอยากได้ตังค์อยู่ละ
เพราะโควิดมันกระทบเศรษฐกิจขนาดนี้ คงไม่มีฝั่งไหนอยากกเสียตังค์หลายล้านแหงๆ