ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
แขวนสตั๊ด
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 21 Sep 2013
ตอบ: 10040
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Feb 27, 2020 12:40
แมนยู กับแผน3-4-1-2 ในเกมชนะเชลซี
ช่วงนี้เริ่มชนะได้บ่อย บรรยากาศแฟนบอลก็เริ่มกลับมาดีอีกครั้ง
ดังนั้น ผมจึงต้องรีบแปล รีบนำมาลง ก่อนที่มันจะกลับสู่ลูปอีกครั้ง

(ขออนุญาตเน้นพูดถึงแทคติกแมนยูนะครับ แทคติกของเชลซีอาจจะน้อยหน่อย)


--เริ่มกันเลย--


เกมนี้เป็นเกมที่เต็มไปด้วยกลยุทธในการเพรสซิ่งของทั้งสองทีม
ซึ่งกลายเป็นปัจจัยสำคัญของเกมนี้
เราจะแสดงให้พวกคุณเห็นว่ายูไนเต็ดเอาชนะเชลซีด้วยวิธีใด


ไลน์อัพ

ทีมของแลมพาร์ด มาในระบบ 4-3-3 โดยใช้3แนวรุก เปโดร,วิลเลี่ยน และมิชชี่
คริสเตียนเซ่น ถูกเลือกมาแทนซูม่า จับคู่กับรูดิเกอร์

ส่วนทีมของโซลชาร์มาในแผนการเล่นที่น่าสนใจ 3-4-1-2
โดยมีนักเตะใหม่อย่าง"บรูโน่ เฟอร์นานเดส" คอยบัญชาเกมรุกอยู่ข้างหลังระหว่าง"เดเนี่ยล เจมส์" และ "มาร์กซิยาล"
หลัง3เป็น ลุค ชอว์, เอริค ไบญี่ และแมคไกวร์ โดยมีวิลเลี่ยม และวานบิสซาก้าในตำแหน่งวิงแบ็คทั้งสองข้าง





การเพรสซิ่ง ของเชลซี
อย่างที่บอกไป เกมนี้เป็นเกมที่เต็มไปด้วยการเพรสซิ่งของทั้งสองทีม
ในเกมนี้แลมพาร์ดได้ปรับแทคติกต่างไปจากเกมนัดแรกของฤดูกาล
ย้อนกลับไปเกมที่โอลด์ทราฟฟอร์ด แมนยูฉวยโอกาสจากการเล่นเพรสซิ่งใส่จอร์จินโญ่
โดยผู้เล่นอย่างแรชฟอร์ด เปเรร่า และลินการ์ด ที่พร้อมเพรสซิ่งใส่ทันทีที่เขาสัมผัสบอล

ดังนั้น เกมนี้แลมพาร์ดจึงพยายามแก้ปัญหาดังกล่าว
ด้วยการเติมผู้เล่นในพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มอีกหนึ่งคน ถือเป็นการปรับแผนที่ชาญฉลาด เนื่องจากโควาซิชสามารถปรับมาเล่นเป็นมิดฟิล์ดเกมรุกทางขวา หรือถอยลงต่ำเพื่อไปช่วยปิดพื้นที่ร่วมกับจอร์จินโญ่ก็ได้


จะเห็นว่าในเชิงตัวเลข ทั้งสองทีมมีจำนวนมิดฟิล์ดเท่ากันคือ3คน
ดังนั้น เมื่อพวกเขาเล่นเกมรับ จะเป็นการจับคู่แมนมาร์คระหว่าง3คู่พอดี
(Jorginho – Fernandes; Kovačić – Nemanja Matić; Mason Mount – Fred).

ส่วนตำแหน่งฟูลแบ็คของเชลซีถูกสั่งให้ออกจากตำแหน่งมากกว่าปกติ
แลมพาร์ดต้องการตัดโอกาสในการขึ้นเกมของแมนยู
ซึ่งมักจะส่งบอลจากหลังไปให้ผู้เล่นด้านข้าง

(ตัวอย่างรูปด้านล่าง) แดนกลางมีการประกบคู่3ต่อ3 ในขณะที่วิงแบ็คก็ถูกปิดเกม
เมื่อ”วานบิสซาก้า”รับบอลในแดนตัวเอง
“อิสปิลิกวยต้า”จะออกจากตำแหน่งเพื่อมาปิดการขึ้นเกมริมเส้นทันที





ปัญหาในการป้องกันพื้นที่Zone14ของเชลซี



แม้เชลซีมีมิดฟิล์ด2ตัวลงไปช่วยกันรับก็ไม่สร้างประโยชน์มากพอ
จากรูปล่าง เมื่อ”โควาซิช” ถอยลงไปช่วย”จอร์จินโญ่”คุมพื้นที่
ส่งผลให้เชลซีจะไม่สามารถประกบแบบแมนมาร์คผู้เล่นแมนยูได้
ทำให้ไม่มีใครมาประกบ”เฟรด”
เฟรดจึงสามารถจ่ายขึ้นหน้าทะลุไปให้”บรูโน่”ได้โดยง่าย




แม้จะมีปัญหาในเกมรับดังกล่าว
แต่ก็ต้องยอมรับว่าการเสียประตูแรกมาจากโชคที่ไม่เข้าข้างพวกเขาสักเท่าไหร่
ระบบเกมรับของพวกเขาปั่นป่วน เนื่องจากคริสเตนเซ่นต้องออกไปปฐมพยาบาล ทำให้”จอร์จินโญ่”ต้องขยับมาเล่นเป็นเซ็นเตอร์แบ็คจำเป็นในแผงแบ็คโฟว์แทน

เมื่อ”คริสเตนเซ่น”กลับมาสู่สนาม
แต่“จอร์จินโญ่”ขยับไปประจำตำแหน่งตัวเองได้ค่อนข้างช้า
ทำให้”บรูโน่” ที่ควรจะถูกประกบโดย”จอร์จินโญ่”ยืนว่าง
จนทำให้"โควาซิช"ต้องเข้ามาประกบ”บรูโน่”แทน
และนั่นเป็นต้นเหตุให้”เฟรด”กลายมาเป็นผู้เล่นที่ไร้ตัวประกบ
และใช้โอกาสจากการเปิดช่องในแดนกลาง
สร้างเกมรุกและนำมาสู่การเสียประตูในที่สุด





แน่นอนว่า เราไม่ลืมพูดถึงความผิดพลาดส่วนตัวของสองเซ็นเตอร์แบ็ค ที่ต้องรับผิดชอบกันไปคนละครึ่ง
โดยที่”รูดิเกอร์”ปล่อยให้”มาร์กซิยาล”มีพื้นที่ และ”คริสเตนเซ่น”ก็ประกบได้ไม่ดีพอ




แผนเกมรุกของแมนยู

การมาถึงของ”บรูโน่ เฟอร์นานเดส” ทำให้โซลชาร์มีทางเลือกในการปรับแทคติกมากขึ้น
โดยในเกมนี้ เขากลายเป็นแมนออฟเดอะแมทช์ จากการผ่านบอลสำเร็จ81% จากการส่งทั้งหมด36ครั้ง 1 คีย์พาส 3 shot assit และ มีโอกาสยิงประตูไป2ครั้ง

จากฮีทแมพข้างล่าง แม้ว่าเฟอร์นานเดส จะถูกจับให้ลงเล่นในตำแหน่งกลางตัวรุก
แต่เขาไม่เพียงปักหลังในzone14เท่านั้น แต่กลับเคลื่อนที่ไปทั่วสนาม
แต่หากสังเกตดีๆจะเน้นหนักไปทางเกมรุกฝั่งซ้าย ซึ่งจะเป็นจุดที่เราจะใช้อธิบายเกมรุกของยูไนเต็ด


จากการยืนตำแหน่งของบรูโน่ ดูเหมือนโซลชาร์วางแผนแล้วว่า
พวกเขาจะโจมตีเชลซีได้อย่างไร?

ผู้เล่นเกมรุกของแมนยู ประกอบไปด้วย3ผู้เล่น
1.มาร์กซิยาล 2.เจมส์ และ3.บรูโน่

เขาเลือกเจาะไปที่เกมรับทางฝั่งขวาของเชลซี(ฝั่งซ้ายของแมนยู)
ซึ่งประกอบไปด้วย"รีซ เจมส์" และ"คริสเตนเซ่น" ประจำการอยู่

เหตุที่ตัดสินใจแบบนั้น เพราะเกมรับทางขวาของเชลซี ประกอบด้วย"รูดิเกอร์"และ"อิสปิลิกวยต้า"ทั้งคู่เปี่ยมด้วยประสบการณ์ และมีphysicalที่แข็งแกร่ง


ยูไนเต็ด เลือกใช้วิงแบ็คอย่าง”แบรนดอน วิลเลี่ยมส์” ไปกดดัน”รีซ เจมส์”
ซึ่งอย่างที่เคยอธิบายไปแล้ว “แลมพาร์ด”สั่งให้ฟูลแบ็คออกจากตำแหน่งเพื่อปิดเกมรุกของวิงแบ็คทั้งสองข้างของแมนยู
เมื่อ”รีซ เจมส์”เพรสซิ่งเข้าใส่”แบรนดอน วิลเลี่ยม” พื้นที่หลังแบ็คจะถูกเปิดออก
ระหว่างนั้น “มาร์กซิยาล”จะวิ่งไปรับบอลทางซ้ายก่อนที่”รีซ เจมส์”จะกลับมาประจำตำแหน่ง
จังหวะนี้เองเกมรับของเชลซีจะเหลือ3ตัว “คริสเตียนเซน”จะออกมาปิด”มาร์กซิยาล”
ส่วน”อิสปิลิกวยต้า”จะขยับมาประจำตำแหน่งของ”คริสเตนเซ่น”
ซึ่งจังหวะแบบนี้แหละ ที่สร้างประโยชน์ให้กับผู้เล่นเกมรุกของแมนยูอีก2ตัวที่เหลือ

1.สร้างประโยชน์ให้บรูโน่
เมื่อ”มาร์กซิยาล”สามารถดึงตัวประกบอย่าง”คริสเตียนเซ่นได้” บรูโน่ก็จะสามารถวิ่งทะลุช่องฝั่งซ้ายเข้าสู่พื้นที่สุดท้ายได้

2.สร้างประโยชน์ให้เจมส์
ตอนแรก”เดเนี่ยล เจมส์”จะปักหลักอยู่ตรงกลาง แต่เมื่อ”มาร์กซิยาล”ดึงตัวประกบอย่าง”คริสเตนเซ่น”จนหลุดจากตำแหน่งได้แล้ว ระยะห่างระหว่างผู้เล่นแนวรับก็จะมากขึ้น
ทำให้”เดเนี่ยล เจมส์”สามารถวิ่งตัดกลางระหว่าง”รูดิเกอร์”กับ“อิสปิลิกวยต้า”ได้ ตามรูปข้างล่าง




ตัวอย่างข้างล่าง
ปัญหาเดิมของเชลซีจากที่เคยอธิบายไว้
การมีมิดฟิล์ลงไปรับสองคน(“โควาซิช”กับ“จอร์จินโญ่”)
ทำให้ไม่มีตัวที่จะเพรสซิ่งหรือกดดันการขึ้นเกมของแมนยู

จังหวะนี้”เนมันย่า มาติช ” ขึ้นเกมไปให้สามแนวรุกของแมนยูได้อย่างง่ายดาย
ในขณะเดียวกัน”รีซ เจมส์”ก็ต้องออกจากตำแหน่งเพื่อปิดการเติมเกมของ”วิลเลี่ยม” ส่งผลให้แนวรับของเชลซีแต่ละคนต้องยืนห่างกันมากขึ้น

จากรูปจะสังเกตเห็นว่า เกิดพื้นที่ว่างขนาดใหญ่ข้างหลัง”รีซ เจมส์” ส่งผลให้”มาร์กซิยาล”ต่อบอลกับ”เดเนี่ยล เจมส์”จนหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ








การเพรสซิ่งของแมนยู

แมนยูใช้วิธีเพรสซิ่งสูง เพื่อก่อกวนไม่ให้เชลซีสามารถเซ็ตเกมขึ้นมาง่ายๆ
โดยให้นักเตะประกบแบบตัวต่อตัว หรือ man-marking และนักเตะของโซลชาร์ก็ทำได้สำเร็จในทุกๆพื้นที่

ไลน์ที่หนึ่งจะเป็นการเพรสซิ่งโดย3แนวรุก
“มาร์กซิยาล”เพรสใส่“คริสเตนเซ่น” ,”บรูโน่”เพรสใส่”จอร์จินโญ่” ,”เดเนี่ยล เจมส์”เพรสใส่”รูดิเกอร์”
หากพิจารณาจากแผงกลาง แมนยูมีจำนวนผู้เล่นเท่ากับเชลซี
ดังนั้นพวกเขาสามารถเข้าคู่ประกบมิดฟิล์ดของเชลซีได้อย่างอยู่หมัด

ประโยชน์ของการเล่น แบ็คสองคน(ชอว์และวิลเลี่ยม) ทำให้เกมรับมีความยืดหยุ่น
โซลชาร์สั่งให้วิงแบ็คออกจากตำแหน่งเพื่อเพรสซิ่งใส่ฟูลแบ็คของเชลซีมากกว่าปกติ
ในกรณีที่"วิลเลี่ยม"วิ่งขึ้นไปเพรสซิ่งใส่"รีซ เจมส์" ในจังหวะนี้ชอว์จะขยับขึ้นมาเล่นด้านข้างคอยซ้อนเอาไว้

ส่วนหลังสามตัวของแมนยูจะประกบแนวรุกสามตัวของเชลซีแบบประชิดตัว แม้กระทั่งตอนที่แนวรุกเชลซีถอยต่ำเพื่อไปรับบอล นักเตะแมนยูก็จะตามไปประกบติด(แม้ต้องหลุดตำแหน่งก็ตาม)

อย่างไรก็ตาม ระบบนี้ทำให้เกิดช่องว่างมากมายบริเวณพื้นที่หลังวิงแบ็ค
ถ้าหาก"วานบิสซาก้า"และ"วิลเลี่ยม"หลุดจากตำแหน่ง จะเกิดช่องว่างขนาดใหญ่ข้างหลังพวกเขาทั้งสอง



จากตัวอย่างด้านล่างเชลซีสามารถสร้างโอกาสทำประตูจากการเพรสซิ่งของแมนยู
"วานบิสซาก้า"ตามประกบ"อิสปิลิกวยต้า" ส่วนไบญี่ที่ยอมหลุดจากตำแหน่งเพื่อตามมาประกบ"เปโดร" แต่”ไบญี่”ตัดบอลไม่สำเร็จ
ส่งผลให้รูปแบบเกมรับของแมนยูเสียกระบวนในทันที จนเกือบเสียประตู




หลังจากแมนยูขึ้นนำ พวกเขาถอยลงไปรับลึกในช่วงท้ายเกม
แผนการเล่น 3-4-1-2 ส่งผลให้พวกเขาได้ประโยชน์ในแง่จำนวนผู้เล่นเกมรับจากวิงแบ็คทั้งสองข้าง จนสุดท้ายเชลซีไม่สามารถเจาะการป้องกันเข้ามาได้

ภาพข้างล่างนี้ แสดงให้เห็นว่ามีนักเตะถึง6คน คอยป้องกันพื้นที่ด้านข้าง
มาร์กซิยาลลงมาช่วย ไบญี่ขยับออกจากแนวรับเพื่อประกบกองหน้าเชลซี ทำให้เปโดรไม่มีตัวเลือกให้ส่งบอล
ในกรณีที่เปโดร สามารถฝากบอลให้เมาท์ และเมาท์สามารถเอาชนะวานบิสซาก้าได้ แมนยูจะยังมีแมคไกวร์คอยซ้อน อีกฟากนึง โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ก็จะถูกตามประกบด้วยชอว์และวิลเลี่ยม





แทคติกเตะมุมของแมนยู

แมนยูใช้วิธีสร้างพื้นที่ขนาดใหญ่บริเวณเสาไกล จากการยืนตำแหน่งของนักเตะแมนยู
แมคไกวร์และไบญี่ เป็นสองนักเตะที่แข็งแกร่งและตัวใหญ่ที่สุดของแมนยู และพวกเขาคือเป้าใหญ่สำหรับการเล่นลูกเตะมุม พวกเขาทั้งสองยืนตำแหน่งบริเวณเส้นกรอบเขตโทษ


"ไบญี่"และ"แมกไกวร์"ถูกประกบแบบ2ต่อ2โดย"คริสเตนเซ่น"และ"อิสปิลิกวยต้า"
ขณะเดียวกันผู้เล่นแมนยูที่เหลือก็ไปยืนรวมกันที่เสาแรกซึ่งมีนักเตะเชลซีที่ประกบแบบman-markตามไปประกบอยู่

การยืนตำแหน่งลักษณะนี้ทำให้เกิดพื้นที่ขนาดใหญ่บริเวณเสาไกล
จะเห็นว่ามันไม่สำคัญว่าคนเตะมุมจะเป็นบรูโน หรือเฟรด
ตราบใดที่สามารถผ่านบอลเข้ามาในพื้นที่ดังกล่าวได้
มันจะเป็นโอกาสใกล้เคียงในการทำประตู




จบแล้วครับ ก็หวังว่าจะมีมาให้แปลเรื่อยๆ
(เดี๋ยวนี้เว็บtotal football analysis มันต้องสมัครสมาชิกเสียเงิน
ใครมีแหล่งวิเคราะห์เกมดีๆ ละเอียดๆ ช่วยแนะนำด้วยครับ)

ที่มา แปลมาจาก : https://totalfootballanalysis.com/match-analysis/premier-league-2019-20-chelsea-vs-manchester-united-tactical-analysis-tactics?fbclid=IwAR3cVsvcADaWayu-SSXL-hkWMZI2CTU2AnSJoMDAqd5ZTfO7LlbXreOQwgQ

แก้ไขล่าสุดโดย Famelaini เมื่อ Thu Feb 27, 2020 12:48, ทั้งหมด 4 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ออฟไลน์
แขวนสตั๊ด
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 21 Sep 2013
ตอบ: 10040
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Feb 27, 2020 13:05
Top Comment [RE: แมนยู กับแผน3-4-1-2 ในเกมชนะเชลซี]
เดี๋ยวถ้าคืนนี้ชนะเข้ารอบ เดี๋ยวแปลบทความชนะวัตฟอร์ด3-0ต่อเลยแล้วกัน
แพสชั่นกำลังมา
ออฟไลน์
คอมเมนเตเตอร์
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Oct 2009
ตอบ: 21406
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Feb 27, 2020 12:46
[RE: แมนยู กับแผน3-4-1-2 ในเกมชนะเชลซี]
ช่อง youtube ชื่อ Nouman

กับ แอคทวิเตอร์ พวก
Utdarena squawka

พอใช้ได้อยู่ครับ

ส่วนใหญ่เปน stat แล้วเราไปต่อจากสิ่งนั้นเอา 55555
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
แขวนสตั๊ด
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 21 Sep 2013
ตอบ: 10040
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Feb 27, 2020 13:05
[RE: แมนยู กับแผน3-4-1-2 ในเกมชนะเชลซี]
เดี๋ยวถ้าคืนนี้ชนะเข้ารอบ เดี๋ยวแปลบทความชนะวัตฟอร์ด3-0ต่อเลยแล้วกัน
แพสชั่นกำลังมา
ออฟไลน์
แขวนสตั๊ด
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 21 Sep 2013
ตอบ: 10040
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Feb 27, 2020 13:12
[RE: แมนยู กับแผน3-4-1-2 ในเกมชนะเชลซี]
chonbodee พิมพ์ว่า:
ช่อง youtube ชื่อ Nouman

กับ แอคทวิเตอร์ พวก
Utdarena squawka

พอใช้ได้อยู่ครับ

ส่วนใหญ่เปน stat แล้วเราไปต่อจากสิ่งนั้นเอา 55555  


ผมยกให้ ของNouman วิเคราะห์ได้ดีที่สุด
บทความนี้ผมไปหยิบเอาที่อื่นมา พอแปลเสร็จ แล้วมาดูของNouman
อ่าว!วิเคราะห์แทคติกเกมรุกของเชลซี ไม่เหมือนกันเลย
ของNouman ดูจะสมเหตุสมผลกว่า

สุดท้าย ผมเลยตัดกระทู้นี้ให้เหลือแค่แทคติกของแมนยูพอ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
คอมเมนเตเตอร์
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Oct 2009
ตอบ: 21406
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Feb 27, 2020 13:34
[RE: แมนยู กับแผน3-4-1-2 ในเกมชนะเชลซี]
Famelaini พิมพ์ว่า:
chonbodee พิมพ์ว่า:
ช่อง youtube ชื่อ Nouman

กับ แอคทวิเตอร์ พวก
Utdarena squawka

พอใช้ได้อยู่ครับ

ส่วนใหญ่เปน stat แล้วเราไปต่อจากสิ่งนั้นเอา 55555  


ผมยกให้ ของNouman วิเคราะห์ได้ดีที่สุด
บทความนี้ผมไปหยิบเอาที่อื่นมา พอแปลเสร็จ แล้วมาดูของNouman
อ่าว!วิเคราะห์แทคติกเกมรุกของเชลซี ไม่เหมือนกันเลย
ของNouman ดูจะสมเหตุสมผลกว่า

สุดท้าย ผมเลยตัดกระทู้นี้ให้เหลือแค่แทคติกของแมนยูพอ
 



เพิ่มเติมปกติถ้าดู ช่องSky post match บางทีก็ดีนะครับ

พวกเนวิล กับ คาร่า ก็วิเคราะห์ดีอยู่ เพราะ ถือลิขสิทธิถ่ายทอดอยู่

มันจะชอบมีมุมกล้องแบบเห็น 22 คนทั้งสนาม เห็นตำแหน่งการยืนหมดเลย

หรือมัมกล้องที่ไม่มีตอนถ่ายทอดสดไรงี้ครับ ผมว่า ก็โอเคอยู่ สำหรับบางนัดนะ

อย่างนัดวัตฟอด ผมพยายามหา ลูก 2 ว่า หมาก ล้ำหน้ามั้ยจาก VAR แต่ก็ไม่มี 55555

ฟังฝรั่งวิเคราะห์ แล้วไปดูเพิ่มจาก ฟูลแมท ส่วนใหญ่ผมทำงี้

แต่กินเวลามากเลย หลังๆผมเลยขี้เกียจทำละ 55555
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Sep 2013
ตอบ: 11
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Feb 27, 2020 13:51
[RE: แมนยู กับแผน3-4-1-2 ในเกมชนะเชลซี]
ขอบคุณมากครับ ชอบมากเป็นกำลังใจให้นะครับ

ช่วงนี้เห็นผีกลับมาชยะค่อยอยากดูสดหน่อย

ก่อนหน้านี้ทำงานเครียดๆเสร็จมาดูแล้วเครียดกว่าเดิม ช่วงนี้ค่อยดีหน่อย 555+
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status: EPL / NBA / NFL
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Jan 2020
ตอบ: 388
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Feb 27, 2020 14:12
[RE: แมนยู กับแผน3-4-1-2 ในเกมชนะเชลซี]
ในเกมที่เราดูอย่างรวดเร็ว มีรายละเอียดยิบย่อย เยอะมาก

ทีมที่เก็บทุกรายละเอียดได้ ก็สมควรที่จะกำชัย
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ก.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Dec 2015
ตอบ: 4590
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Feb 27, 2020 14:19
[RE: แมนยู กับแผน3-4-1-2 ในเกมชนะเชลซี]
Famelaini พิมพ์ว่า:
เดี๋ยวถ้าคืนนี้ชนะเข้ารอบ เดี๋ยวแปลบทความชนะวัตฟอร์ด3-0ต่อเลยแล้วกัน
แพสชั่นกำลังมา  


ผมกลัวจะอดเเปลจังเลย
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลลีกภูมิภาค
Status: ชมรมคนรักเมีย
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 10 Apr 2015
ตอบ: 2678
ที่อยู่: ห้องขังหมายเลข 7
โพสเมื่อ: Thu Feb 27, 2020 15:14
[RE: แมนยู กับแผน3-4-1-2 ในเกมชนะเชลซี]
อันที่จริง เกมส์กับเชลซี ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า หลายช่วงเชลซีทำเกมส์ดีกว่าจริงๆ เพียงเเต่จังหวะของเชลซีมันยังไม่เป็นใจ ถ้าเชลซีคมๆเเมนยูก็อาจจะไม่ได้เป็นแบบนี้ เพียงเเต่เเมนยูมีโชคที่ได้ประตูจากลูกโหม่งของหมาก ซึ่งก็ไม่ง่ายเหมือนกันต้องชมทั้งหมากเเละวานบิสสาก้าที่เปิดได้ดี ส่วนการวางหมากด้วยสภาพผู้เล่นเเบบนั่นก็ต้องชมโซลชาเหมือนกัน

ที่นี้สิ่งหนึ่งที่ต้องพูดคือ ถ้าเเมคโท หรือปอกบากลับมา เเมนยูจะจัดการกับกลางยังไง เพราะตอนนี้ มาติชกับเฟรด จะว่าเล่นเข้าคู่กันได้ดีก็ไม่ใช่ ผมขอใช้คำว่าพอยืนคู่กันก็พอเล่นได้ เเต่ยังไม่ใช่คู่ที่ดีที่สุด ที่นี้ทั้งเกมส์เจอเชลซีเเละวัตฟอร์ดเห็นได้ชัดว่า พอโดนบี้เร็วหนักๆ สองคนนี้จ่ายบอลเสียเยอะมาก มาติชมีข้อดีหลายอย่าง เเต่ยังช้ากว่าคู่เเข่งอย่างเห็นได้ชัด ส่วนเฟรดบางจังหวะจ่ายติดดื้อๆ เลย เเต่ข้อดีที่ดีมากๆ คือการพาบอลขึ้นมาข้างหน้าเเละการเอาตัวรอด ที่นี้สิ่งที่ต้องคิด ถ้าเเมนยูอยากจะคุมเกมส์ให้ได้ เเมนยูจะจัดการกับคู่กลางยังไง เพื่อให้สมดุลกับการเล่น เกมส์โต้กลับผมไม่ห่วง ที่ห่วงคือเจอทีมรับลึก หรือเพรสสิ่งเป็นระบบ อย่างเชฟฟิลด์ เเมนยูต้องหลากหลายกว่านี้ คุมเกมส์ให้ได้ ไม่ใช่ให้เขากดเราเป็นช่วงๆ อย่างหลายเกมส์ที่ผ่านมา ถ้าเเก้ไม่ได้ก็อาจ คงต้องบอกลา UCL
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 13 Feb 2011
ตอบ: 66
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Feb 27, 2020 17:02
แมนยู กับแผน3-4-1-2 ในเกมชนะเชลซี
ขอบคุณมากๆฮัฟฟฟ
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวเตะลา ลีกา
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 15 Jul 2008
ตอบ: 19779
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Feb 27, 2020 17:38
[RE: แมนยู กับแผน3-4-1-2 ในเกมชนะเชลซี]
วิเคราะห์ได้ดีครับ


เห็นด้วยว่าแดนกลางเชลซีมีปัญหาจริงๆในเรื่องเกมรับ การประกบกบตัว การเข้าประทะ คอยสกรีนบอลให้กองหลัง ทำได้แย่มากๆ บอลไปถึงกองหลังไว ตำแหน่งยืนระหว่างกองหลัง ไม่ได้ยืนเป็นโซน1 โซน2 มีพื้นที่ให้ฝั่งผู้มาเยือนได้เล่นเยอะมาก

กลับกันทางฝั่งแมนฯยูมีแท็คติคที่ดี ปิดพื้นที่ด้านข้าง ตรงกลาง และ ระหว่างกองหลังได้ดี กองหลังผิดพลาดน้อย มีทีเด็ดทีขาดเรื่องลูกตั้งเตะ(เห็นมาตั้งแต่นัดเจอกับซิตี้เกือบทำได้หลายครั้ง)

เกมรุกเชลซีเองก็ไม่มีผู้เล่นที่มีทีเด็ดทีขาด กองหน้าสามตัวจบสกอร์ไม่เก่งทั้งหมด กองกลางหลวม กองหลังมีhuman errorมักจะผิดพลาดบ่อยๆและมักจะแพ้ผู้เล่นที่มีความเร็ว แล้วยังแพ้แท็คติครัดกุมอีก ต้องยอมรับกันไปครับว่าครั้งนี้แมนฯยูดีกว่าเยอะ
แก้ไขล่าสุดโดย Jueii เมื่อ Thu Feb 27, 2020 17:39, ทั้งหมด 1 ครั้ง
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
แขวนสตั๊ด
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 21 Sep 2013
ตอบ: 10040
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Feb 27, 2020 18:30
[RE: แมนยู กับแผน3-4-1-2 ในเกมชนะเชลซี]
Jueii พิมพ์ว่า:
วิเคราะห์ได้ดีครับ


เห็นด้วยว่าแดนกลางเชลซีมีปัญหาจริงๆในเรื่องเกมรับ การประกบกบตัว การเข้าประทะ คอยสกรีนบอลให้กองหลัง ทำได้แย่มากๆ บอลไปถึงกองหลังไว ตำแหน่งยืนระหว่างกองหลัง ไม่ได้ยืนเป็นโซน1 โซน2 มีพื้นที่ให้ฝั่งผู้มาเยือนได้เล่นเยอะมาก

กลับกันทางฝั่งแมนฯยูมีแท็คติคที่ดี ปิดพื้นที่ด้านข้าง ตรงกลาง และ ระหว่างกองหลังได้ดี กองหลังผิดพลาดน้อย มีทีเด็ดทีขาดเรื่องลูกตั้งเตะ(เห็นมาตั้งแต่นัดเจอกับซิตี้เกือบทำได้หลายครั้ง)

เกมรุกเชลซีเองก็ไม่มีผู้เล่นที่มีทีเด็ดทีขาด กองหน้าสามตัวจบสกอร์ไม่เก่งทั้งหมด กองกลางหลวม กองหลังมีhuman errorมักจะผิดพลาดบ่อยๆและมักจะแพ้ผู้เล่นที่มีความเร็ว แล้วยังแพ้แท็คติครัดกุมอีก ต้องยอมรับกันไปครับว่าครั้งนี้แมนฯยูดีกว่าเยอะ  


ผมว่าส่วนสำคัญ คือ การบาดเจ็บของกองเต้ตั้งแต่ต้นเกม
ตัวที่จะช่วยไล่เพรสซิ่ง ช่วยตัดเกมมันไม่มี แล้วเกมนี้เชลซีเพรสซิ่งสูงด้วย
ต่อให้กองเต้ในบทบาทกลางรุก ก็น่าจะมีส่วนในการเล่นเพรสซิ่งกดดันได้ดีกว่าเมสัน เมาท์

ดูอย่างวัตฟอร์ตที่เจอแมนยู เฟรดที่ว่าออกบอลขึ้นหน้าเก่งๆ
พอเจอแนวรุกคู่แข่งช่วยกันเพรสซิ่งเข้าใส่ทำเอาเป๋เหมือนกัน

1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel