เข้าไปอ่านบทความยังครับ ?

“After almost six years in the job at Dortmund, perhaps the time was ripe for a change of scenery.”

ผมกลับดีใจนะที่ JK ไม่ได้มาแมนยู

เพราะคนอย่างเอ็ด มันไม่รอให้สร้างทีมจนเป็นตำนานแบบลิเวอร์พูลปีนี้หรอก

แกต้องคุมทีมที่ให้เวลาแกปั้นได้ แต่แมนยูมันไม่ใช่ทีมแบบนั้นไงในตอนนั้นอ่ะ

คล๊อปพึ่งฝึกพูดอังกฤษตอนมาคุมลิเวอร์พุลหรอ

ไม่น่าเชื่อ สำเนียงภาษาแกเหมือนพูดมาตั้งแต่เกิดเลย

ผมจำได้ว่าคาร์เรเกอร์เคยให้สัมภาษณ์ที่คล็อปปฏิเสธแมนยูว่า
คล็อปมองว่าแมนยูไม่ได้ให้ความสำคัญกับฟุตบอลเป็นอันดับหนึ่ง
พูดง่ายๆคือเน้นธุรกิจมากกว่าฟุตบอล

ผมก็คิดแบบนั้น คลอปต้องใช้เวลาด้วย

ความต้องการของผู้บริหารต่างกันครับ

แมนยูคือเอาแชมป์

ส่วนลิเวอร์พูลคือต้องทำทีมจบ top 4 ให้ได้ ฉะนั้นว่าวไม่เป็นไร ซึ่ง Klopp ก็ทำได้ตามเป้าหมาย

ตอนนี้แมนยูทำทีม จบ ท็อป 6 -*- คาดว่าจะจบ 7

ส่วนตัวอ่านข่าวประเภทนี้แล้วรำคาญ (ไม่ได้รำคาญจขกท.นะครับ)
ประเภท ย้อนอดีตแล้วเคลมนุ่นเคลมนี่ เช่น หากเราเซ็นเมสซี่ตอนนั้น ทีมเราคงไม่เป็นแบบนี้ ผู้จัดการทีมอปลากาบูโต้(มั่วเอา) แห่งอาเจนติน่าเมื่อ 20 ปีที่แล้วได้กล่าวไว้ หรือประเภท เคยเกือบคว้าตัวนักบอลชื่อดังตอนนี้ เช่น ทีมปาปัวนิวกินี้ เกือบคว้าตัวโรนัลโด้มาได้ หลังจากแมวมองเห็นฝีมือเค้าตั้งแต่อายุ 5 ขวบ แต่เค้ายังติดแม่อยู่เลยเซ็นชื่อไม่ได้ อะไรแบบนี้ คือพวกข่าวเกือบไรงี้ ไม่รู้ทำทำไม นอกจากเอามาขายข่าวยามว่าง และก็ไม่รู้ว่าจะสื่ออะไรด้วย สื่อว่ากุเก่งเหรอ ที่เกือบได้ตัวคนดังนะเว้ย ไม่ได้โง่นะ ไรงี้เหรอ

ตามความคิดผมเองนะ ย้ำว่าผมคนเดียว


ไปแมนยูน่าจะกดดันถึงเรื่องแชมป์มากกว่า


มาหงส์ตอนนั้น ขอแค่ Top 4 ก็พอแล้ว น่าจะกดดันน้อยกว่า