- แปลจากบทความ https://www.dailymail.co.uk/sport/football/article-5073645/Klopp-wanted-Manchester-clubs-Tottenham.html
- เขียนโดย Raphael Honigstein
- อันนี้ย่อมาให้อ่านเล่นๆกันครับ รายละเอียดเล็กน้อยอาจจะมีตกหล่นก็ขออภัยไว้ ณ ทีนี้ด้วย
- เนื้อหาบางส่วนเอามาจากหนังสือของ Honigstein เคยเขียนไว้ในหนังสือ “Bring the Noise” ซึ่งเกี่ยวกับชีวิตของ Klopp
——————————————————————————-

- เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2014 ในช่วงเวลา 4 ทุ่ม Klopp ได้นัดดื่มกับ CEO ของ Dortmund อย่าง Hans-Joachim Watze ที่โรงแรม Hilton เมือง Munich เพื่อแจ้งว่าเขาจะอยู่คุม Dortmund ต่อไป

- หลังจากที่ Watzke ดินเนอร์กับลูกสาวเสร็จ Watze ได้นัด Klopp มาคุยกันโรงแรมและหลังจาการสนทนากันในห้องครัว Klopp ได้บอกกับ Watzke ว่า ตัวเขารับความกดดันแบบนี้ไม่ไหวอีกต่อไปและได้ปฏิเสธแมนยูไปเรียบร้อยแล้ว

- โดยก่อนหน้านั้น ก่อนเกมเยือน Bayern Munich ยักษ์ใหญ่ของ Bundesliga ที่สนาม Alliance Arena Klopp ได้รับการติดต่อจากทีมอังกฤษนิรนามทีมนึงจากทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะอังกฤษ ให้ไปคุมและปฏิวัติ หนึ่งในสโมสรที่ใหญ่ที่สุดของโลกอย่าง Manchester United

- Ed Woodward ได้บินมาเจอ Klopp ถึงที่เยอรมัน เพื่อโน้มนาวให้เขามารับงานต่อจาก David Moyes ที่กำลังทำผลงานอย่างย่ำแย่ และกำลังจะโดนไล่ออกหลังคุมมาได้แค่เพียง 8 เดือน

- Ed ได้ใช้คำหวานในการกล่อมคล็อป โดยการเปรียบเทียบ สนามเหย้าของแมนยู อย่าง Old Trafford ว่าเป็น “Disneyland สำหรับผู้ใหญ่” ( Adult Disneyland ) ที่ลายล้อมไปด้วยมนต์เสน่ห์ และเป็นสถานที่ที่มอบความบันเทิงระดับ Worldclass และที่ที่ความฝันแปลเปลี่ยนเป็นความจริง

- โดย Klopp ได้เล่าให้เพื่อนเขาฟังว่าเขารู้สึกว่าคำสวยหรูที่ Ed ใช้กล่อมเขานั้นฟังดู ไม่ค่อย sexy และน่าสนใจซักเท่าไหร่แต่ก็ไม่ปิดโอกาสของตัวเองโดยทันทีโดยการสงวนคำตอบของตัวเองไว้ก่อน

- ความจริงคือ ลึกๆ Klopp เริ่มอิ่มตัวกับ Bundesliga มาซักพักหลังคุม Dortmund มาเกือบ 6 ปีและเริ่มมีความคิดอยากเปลี่ยนความท้าทายใหม่ๆดูบ้าง

- Watze ในฐานะเพื่อนและหัวหน้า ที่มีความสัมพันธ์อันดีเยี่ยมกับ Klopp เล่นจิตวิทยากับ Klopp เพื่อให้คุมอยู่คุมบังเหียนตอ โดยบอกให้ Klopp เคารพสัญญาที่เพิ่งต่อไป แต่ถึงยังไงก็พร้อมจะไม่ขวาง หาก Klopp ตัดสินใจลาออกจากทีมไปรับงานที่ OTF ซึ่งสุดท้าย Klopp ประกาศว่าเขายังมีงานที่ยังทำไม่สำเร็จที่ Signal Iduna Park และจะอยู่คุมทีมต่อไป

- อย่างไรก็ตาม Ed Woodward ยังมีความเชื่อว่า เขายังมีโอกาสในการชักชวนกุนซือชาวเยอรมันรายนี้ให้มาเป็นกุนซือที่โรงละครแห่งความฝัน และในวันที่ 22 เมษายน 2014 ก็ได้ทำการปลดโค้ชชาวสก๊อตออกจากตำแหน่ง ท่ามกลางข่าวลือและบ่อนพนันที่โหมว่า Klopp กำลังจะกลายมาเป็น ผจก. ของ Man U คนต่อไป

- เพื่อหยุดข่าวลือเหล่านั้น Klopp ได้ใช้สื่ออย่าง Guardian เพื่อประกาศว่าเขาจะอยู่คุม Dortmund ต่อ โดยข้อความมีดังต่อไปนี้

- “Manchester Utd is a great club and I feel very familiar with their wonderful fans but my commitment to Dortmnd and the people is unbreakable” เพื่อตอกย้ำจุดยืนว่าเขาจะอยู่คุมทีม Dortmund ต่อไป

- แม้จะผ่านไป 6 เดือนแล้ว Klopp ก็ยังได้รับการติดต่อจากสโมสรชั้นนำจากอังกฤษหลายทีม ไม่ว่าจะทั้งจาก Tottenham Hotspurs หรือ Manchester City แต่ Klopp ก็ไม่สนใจและโฟกัสกับการคุม Dortmund ต่อไป

- จากวันนั้นเกือบ 1 ปีที่ Klopp ปฏิเสธแมนยูไป ในที่สุดความสัมพันธ์ระหว่าง Klopp กับ Dortmund ก็ต้องจบลง โดย Klopp ประกาศจะลาออกจากทีมจากการเป็น ผจก. ของ Dortmund โดยมีผลทันทีหลังจากที่ฤดูกาล 2014-2015 จบลง โดยคล็อประกาศว่าเขาอยากพักจากฟุตบอลซัก 1 ปี แต่จริงๆแล้ว Klopp ไม่มีแผนที่พักเบรคและพร้อมหาความท้าทายใหม่โดยทันที

- อีกไม่กี่อาทิตย์ต่อมาหลังจากที่ พรีเมียร์ลีคเปิดฤดูกาลก็มีโทรศัพท์จากตัวแทนของทีมนิรนามจากเกาะอังกฤษติดต่อไปหา Agent ของ Klopp อย่าง Mark Kosicke เพื่อขอคุยกับ Klopp และ Mark ก็ให้สัญญาว่าจะจัดการให้ทั้งสองฝ่ายได้นั่งคุยกัน

- หลังจากนั้นอีกไม่นาน Ian Aye Chief Executive ของ Liverpool ในสมัยนั้นก็ได้ติดต่อมาหา Marc อย่างเป็นทางการเพื่อยื่นข้อเสนอในการดึง Klopp มาปลุก Liverpool และขอโอกาสเพื่อพูดคุยเป็นการส่วนตัวกับ Klopp

- Marc อนุญาติให้ Ian Ayre คุยกับ Klopp ได้ แต่ต้องเป็นการคุยผ่าน Skype ก่อน ซึ่งหลังคุยกันเสร็จ Ian Ayre ก็ได้ใช้อีก app ติดต่อมาเพื่อเน้นย้ำถึงความตั้งใจในการดึง Klopp มาคุมบังเหียน

- Martin Quast เพื่อนสนิทของ Klopp ได้กล่าวกับ Klopp ที่กำลังตัดสินใจอยู่ว่า “นอกจากการคุมทีมชาติแล้ว เยอรมันไม่ใช่ที่ที่ท้าท้ายอีกต่อไป ไม่เว้นแม้แต่การคุม Bayern ก็ตาม”

- Klopp เป็นคนที่มี passion อย่างแรงสูง และมีความตั้งใจที่อย่างมากที่จะะสร้างและเป็นส่วนหนึ่งของความยิ่งใหญ่ และ Martin ก็เห็นว่า Klopp สามารถทำตามความฝันนั้นได้ หาก Klopp เลือกรับงานที่ Liverpool

- Chritian Heidel อดีต ผจก. ของ Shalke 04 ได้เผยว่า Klopp ถามเขาว่าเขาควรไปอังกฤษหรือไม่ และเขาก็แนะนำว่าหากต้องการที่จะย้ายไปคุมทีมใน EPL ภาษาจะเป็นสิ่งที่สำคัญสุด

- Klopp ป่าวประกาศว่าเขาอยากจะไปที่อังกฤษ และเขาพร้อมที่จะเริ่มเรียนภาษาทันที เพื่อเตรียมความพร้อมในการโยกไปคุมทีมในอังกฤษ

- หลักจาก dinner ส่วนตัวระหว่าง John W Henry เจ้าของทีม FSG กับ Klopp เกิดขึ้นที่ New York ถึงตอนนั้นก็ไม่มีทีมไหนที่จะสามารถเปลี่ยนความมุ่นมั่นในการมาคุมทีม Liverpool ของ Jk ได้อีกต่อไป

แมนยูตอนนั้นมาผิดจังหวะ และไม่เร้าใจพอ

เหมือนกับมาเจอคนที่มีแฟนอยู่แล้วและยังรักกันดี

ลิเวอร์พูลเหมือนสาวที่อมทุกข์มากนานแต่หน้าตาดี มาเจอคนที่อยากจะค้นหาและนำพาออกจากความทุกข์นั้น ถึงแม้ว่าต้องใช้เวลาก็ตาม

ตอนนี้คล๊อปป์ได้ลงหลักปักฐานแล้ว ด้วยการต่อสัญญาต่อไป
และลิเวอร์พูลและกองเชียร์ก็พ้นจากความทุกข์และได้สมหวังเต็มที


Happy Valentine's Dayyyyyyyyyyyyyyyy

ไม่ใช่หรอกครับ คนเสนองานมันเน้นธุรกิจและผลกำไร ไม่เน้นเรื่องกีฬา แล้วจะไปมัดใจคนที่บ้าฟุตบอลแบบ Klopp ได้ยังไง

John W Henry เจ้าของทีม Liverpool คือนักธุรกิจที่มีเเพชชั่นเรื่องกีฬามากๆ

แมนยูตอนนั้นมาผิดจังหวะ และไม่เร้าใจพอ

เหมือนกับมาเจอคนที่มีแฟนอยู่แล้วและยังรักกันดี

ลิเวอร์พูลเหมือนสาวที่อมทุกข์มากนานแต่หน้าตาดี มาเจอคนที่อยากจะค้นหาและนำพาออกจากความทุกข์นั้น ถึงแม้ว่าต้องใช้เวลาก็ตาม

ตอนนี้คล๊อปป์ได้ลงหลักปักฐานแล้ว ด้วยการต่อสัญญาต่อไป
และลิเวอร์พูลและกองเชียร์ก็พ้นจากความทุกข์และได้สมหวังเต็มที


Happy Valentine's Dayyyyyyyyyyyyyyyy

เรื่องมันผ่านมาแล้ว ไม่อยากไปดิสเครดิตแมนยูหรือเอ็ด แต่คนอย่าง klopp ลองตัดสินใจว่าไม่ก็คือไม่

สถานีหน้ามิลานเลยครับ

เป๊ป:ยูเว่
คอนเต้:อินเตอร์
คล๊อป:มิลาน

จะเปลี่ยนลีกดูบอลเลยเอ้า

Klopp ลังเลใจนะครับ ไม่ใช่ว่าแมนยูไม่มีสิทธ์นะตอนนั้น

โชคดีที่ Ed กล่อมคนอย่าง Klopp ไม่เป็น

แมนยู เราไม่มีแรงดึงดูด แล้วซินะ

ไม่ใช่หรอกครับ คนเสนองานมันเน้นธุรกิจและผลกำไร ไม่เน้นเรื่องกีฬา แล้วจะไปมัดใจคนที่บ้าฟุตบอลแบบ Klopp ได้ยังไง

John W Henry เจ้าของทีม Liverpool คือนักธุรกิจที่มีเเพชชั่นเรื่องกีฬามากๆ

ในตอนนั้น ตอนนี้ หรือตอนไหน ยูไนเต็ด ก็น่าดึงดูด และ มีเสน่ห์ อยู่ดี

เพียงแต่ ไม่เข้าเคมีกับคล็อปป์ แค่นั้นเอง แกเลยไม่เลือกรับ

ไม่ใช่ยูไนเต็ดไม่ดี แค่คล็อปป์ไม่เลือกแค่นั้นเอง

เอ็ด มีสบการณ์7ปีละนะ ซัมเมอร์ ผมให้เป็นโอกาสสุดท้ายแกละ ถ้าทีมไม่ทรงอยู่ ควรพิจารณาตัวเองได้ละ ไม่ใช่หว่านคำหวาน ละฆ่าโค้ชแบบที่เคยทำมา คล็อปมาตอนนั้นก็ตายครับ สู้กับลิเวอร์มากี่ปี กว่าแกจะได้รับการยอมรับ

จะชวนเขามาทำงานดันอวยตัวเองก่อนซะเยอะเลย มันน่าจะผิดที่คนเจรจานะครับ

ซื้อหนังสือมาอ่านรึเปล่าครับ

ว่าจะซื้อมาอ่านอยู่เหมือนกัน

เจอมาจาก reddit ของแมนยูนี้เเหละครับ

มันโพสต์ข่าวนี้มาด่าเอ็ดว่ามือไม่ถึง

ส่วนหนังสือฉบับเต็มผมยังไม่อ่าน รออ่านเต็มๆตอนแกวางมือจาก Liverpool ดีกว่า

อ่านๆมาดูเหมือนจะเอาข่าวต่างๆ มาปั้นเป็นเรื่อง
คล๊อปเนี่ยนะหมด Passion ในฟุตบอลเยอรมันหลังทำทีมแค่ 6 ปี

งั้นแบบนี้อีกปีเศษก็ต้องหมด กับลิเวอร์พูลงั้นซิ
ฤดูกาลสุดท้ายของคล๊อป นักบอลมันกรอบจากแท๊คติกที่พีคมาแล้ว 2-3 ปี มากกว่า เลยทำให้ผลงานทีมไม่ดี
สุดท้ายก็คล๊อปเองเข็นกลับมาจนไป ยูโรป้า ได้

ผมว่า คล๊อปนี้ แก Energy เยอะ Passion สูงมาก
ถ้านักบอลลิเวอร์พูลยืนระยะไม่ได้เหมือนที่ ดอร์ทเป็น แกก็ไป

แต่ถ้าทำได้ก็น่าจะอยู่ยาวๆๆ เลย

ดอร์ทมุนตอนนั้นน่าเห็นใจ ตัวไหนฟอร์มดีหน่อยโดนบาเยินดูดไปตลอด

อย่างเลวานไปแบบฟรีๆด้วย เป็นผจก.ดอร์ทตอนนั้นอย่างเซ็งต้องปั้นใหม่แทบทุกปี

เป็นความโชคดีของคล็อปนะ ถ้าเป็นกุนซือที่ไม่ใช่นักเตะเก่า
แล้วทำทีมว่าว2-3 ฤดูกาล บอร์ดแมนยูไม่ใช่ไม่เสริมให้ไม่พอนะ
แม่งปลดด้วย 555 อันนี้เจ้าของใหม่ลิเวอร์พลูมีโปรเจ็คเป็นชิ้นเป็นอัน
เสริมให้ต่อเนื่อง ของมูนี่ขนาดได้แชมป์ติดมือตั้งแต่ปีแรก มันยังไม่เสริมต่อเนื่องเลย