จากข่าว เผย "แรชฟอร์ด" พร้อมกัดฟันฉีดยาช่วยผีบุกรังหงส์

:: http://www.soccersuck.com/boards/topic/1844224/1 ::

ซึ่งหลายๆความเห็น มีทิศทางไปในทางเดียวกันว่า ... ถนอมตัวนักเตะเถอะ มันจะคุ้มอะไร



ใช่ครับ ผมเองก็มีความเห็นแบบเดียวกันกับทุกท่านนั่นแหละ กับเกมส์แห่งศักดิ์ศรี (ซึ่งปัจจุบันมันก็ไม่ได้เดือดอะไรขนาดนั้นแล้ว) เมื่อเทียบกับเป้าหมายของทีมทั้งฤดูกาล ความสำคัญมันคนละเรื่องเลย

แต่พอดีผมเพิ่งไปอ่านเจอ เรื่องราวคล้ายๆแบบเดียวกัน ที่ปรากฎขึ้นในเรื่อง

Giant Killing



สำหรับคนที่ไม่เคยอ่าน ไจแอนท์ คิลลิ่ง หรือแปลเป็นไทยว่า "ล้มยักษ์" เป็นเรื่องของผู้จัดการหนุ่ม (อดีตนักเตะทีมชาติญี่ปุ่น) ที่หวนกลับเข้ามาคุมทีมสุดห่วยอย่าง ETU - East Tokyo United ในลีค 1 ของญี่ปุ่น
ซึ่งมีวิธีการและแนวคิด รวมถึงแผนการเล่นสุดพิศดาร ที่จะล้มทีมยักษ์ใหญ่ในลีคให้ได้ และทำให้ทีมฟุตบอลสุดเห่ยนั้น กลับมาผงาดอีกครั้งหนึ่ง


กลับมาที่เรื่องของเราต่อครับ

ในตอนที่ #128 มีบทพูดคุยระหว่าง ผู้จัดการทีม ETU (พระเอกของเรา) กับ ผู้จัดการทีมแชมป์ (โตเกียว วิคตอรี่) เมื่อฤดูกาลล่าสุด

ถึงสถานการณ์ไม่ค่อยดีของนักเตะดาวรุ่งของทีม โตเกียว วิคตอรี่
ซึ่งผู้จัดการ ใส่ชื่อลงไปในเกมส์นัดล่าสุด ทั้งที่สภาพของนักเตะไม่เต็มร้อย



พระเอกถึงกับต้องถามผู้จัดการทีมโตเกียว วิคตอรี่ว่า "การต้องเลิกเล่นตั้งแต่หนุ่ม เพราะอาการบาดเจ็บนี่ ตลกมากใช่ไหม ?"



ผู้จัดการโตเกียววิคตอรี่บอกว่า .. หมายถึงแรสฟอร์ดเหรอ ?



คำตอบของผู้จัดการคือ ถ้านักเตะบอกว่าไหว.. ก็คือไหว
นั่นเป็นการตัดสินใจของนักเตะครับ







และปิดท้ายด้วย คำพูดที่ว่า นี่คือโลกของมืออาชีพครับ
ถ้านักเตะ ยืนยันได้ว่าจะลง รับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้

หน้าที่ของผู้จัดการ คือตอบสนองต่อคำขอนั้นครับ ในฐานะมืออาชีพเช่นกัน



ผมว่าฟีลลิ่งคล้ายๆการตัดสินใจที่เกิดขึ้นในช่วงนี้เลย
(ถ้าไม่ใช่กรณีที่ผู้จัดการสั่งให้ลงเล่นนะ)
ถ้ามันเป็นคำขอ ของตัวนักเตะเอง ผ่านความฟิต พร้อมลงเล่น

ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้จัดการ กับแผนการเล่นของทีมแล้ว
โดยไม่ใช่ความรับผิดชอบของใครอีก


เพื่อนๆอ่านแล้ว คิดว่าอย่างไรกันบ้างครับ

ของผมมองต่างจากในเรื่องอ่ะฮะ..

ผจก.ทีมมีประสบการณ์และมีมุมมองกว้างกว่านักบอล เพราะส่วนใหญ่เคยผ่านชีวิตนักบอลมาก่อน

เคยรู้ว่าตัวเองก็อยากลงสนาม(ในฐานะนักบอล) และเคยเห็นว่านักเตะที่ฝืนลิมิตตัวเอง ในตอนจบจะเป็นอย่างไร

ดังนั้นถ้ามีอะไรที่เห็นว่าเป็นความเสี่ยงในอนาคตล่วงหน้า ก็ต้องห้ามต้องปรามไว้อ่ะฮะ เพราะบางอย่างมันไม่ได้เกิดผลเสียทันตาเห็น

เคยอ่านชีวประวัติสมัยคลอปป์คุมดอร์ทมุนด์ เคยห้ามมาแล้วทั้งหมด หลายเหตุการณ์ ไม่ว่าจะเป็นเจ็บแล้วแต่ฝืนอยากลง

หรือเมียใกล้คลอดแล้วอยากจะซ้อม,ลงแข่งต่อ แกก็ไล่ให้กลับไปเฝ้าเมีย (เพราะฟุตบอลมันไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต)

เรื่องอาการบาดเจ็บก็เช่นกันฮะ..ถ้านักเตะกำหนดเองได้ ว่าอยากลงก็ปล่อยลง..สโมสรก็อาจไม่ต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านนี้เลยฮะ

ผจก.ควรปรึกษาให้รอบด้านอ่ะฮะ..1.นักเตะลงไหวใช่มั๊ย 2.ทีมแพทย์ว่างัยมั่งเสี่ยงแค่ไหน 3.ประสบการณ์ตัวเองคิดว่างัย

ถ้าทีมแพทย์ให้ความเห็นว่าเสี่ยง ถึงนักบอลบอกไหว แต่มองแล้วเป็นอันตราย ผจก.ก็ต้องเป็นคนระงับแบบเด็ดขาดอ่ะฮะ

บางทีแรชอาจมองว่าการได้มีโอกาสลงไปยิงทีมไร้พ่ายอย่างลิเวอพูลมันคือความต้องการสุดๆของเค้า ณ ตอนนี้ก้ได้ เหมือนสมัยน้าโอเล่ยังเป็นนักเตะที่เคยขอเซอร์ว่าอยากลง พร้อมลง และจะยิงให้ได้ ทั้งๆที่เพิ่งลงเล่นมา อาจจะเหนื่อยอาจจะล้าแต่เซอร์ก็ให้ลง

ของแบบนี้ไม่มีถูกผิดหรอกครับ เรามองในมุมมองแฟนบอล แต่นักเตะเองก็มีความต้องการในฐานะนักเตะ และคนตัดสินใจก็คือน้าโอเล่ในฐานะผจก.

ใครลงก็เชียร์ครับ สู้ให้เต็มที่ก็พอ

ผมคิดว่าแรชฟอร์ดเป็นแมนคูเนี่ยนเต็มตัว
และเค้าอยากจะชนะลิเวอร์พูลด้วนตนเองครับ
ถ้าไหวยังไงก็สู้ไว้ก่อน

เรื่องนี้ จะอ่านกี่รอบก็สนุก

แรชฟอร์ดอ้อนวอนขอลงไปเล่นเพื่อทีมเอง
ถ้าวันนึงเขาก้าวไปเป็นตำนาน เกมเหล่านี้แหละจะถูกกล่าวขานในหมู่แฟนบอล

ของผมมองต่างจากในเรื่องอ่ะฮะ..

ผจก.ทีมมีประสบการณ์และมีมุมมองกว้างกว่านักบอล เพราะส่วนใหญ่เคยผ่านชีวิตนักบอลมาก่อน

เคยรู้ว่าตัวเองก็อยากลงสนาม(ในฐานะนักบอล) และเคยเห็นว่านักเตะที่ฝืนลิมิตตัวเอง ในตอนจบจะเป็นอย่างไร

ดังนั้นถ้ามีอะไรที่เห็นว่าเป็นความเสี่ยงในอนาคตล่วงหน้า ก็ต้องห้ามต้องปรามไว้อ่ะฮะ เพราะบางอย่างมันไม่ได้เกิดผลเสียทันตาเห็น

เคยอ่านชีวประวัติสมัยคลอปป์คุมดอร์ทมุนด์ เคยห้ามมาแล้วทั้งหมด หลายเหตุการณ์ ไม่ว่าจะเป็นเจ็บแล้วแต่ฝืนอยากลง

หรือเมียใกล้คลอดแล้วอยากจะซ้อม,ลงแข่งต่อ แกก็ไล่ให้กลับไปเฝ้าเมีย (เพราะฟุตบอลมันไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต)

เรื่องอาการบาดเจ็บก็เช่นกันฮะ..ถ้านักเตะกำหนดเองได้ ว่าอยากลงก็ปล่อยลง..สโมสรก็อาจไม่ต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านนี้เลยฮะ

ผจก.ควรปรึกษาให้รอบด้านอ่ะฮะ..1.นักเตะลงไหวใช่มั๊ย 2.ทีมแพทย์ว่างัยมั่งเสี่ยงแค่ไหน 3.ประสบการณ์ตัวเองคิดว่างัย

ถ้าทีมแพทย์ให้ความเห็นว่าเสี่ยง ถึงนักบอลบอกไหว แต่มองแล้วเป็นอันตราย ผจก.ก็ต้องเป็นคนระงับแบบเด็ดขาดอ่ะฮะ

ถ้าตามอเมริกันเกมผมบอกได้เลยว่าถ้าฝืนลงส่วนมากจบไม่สวยนะครับ น้อยคนที่จะฝืนลงแล้วรอดได้ในลีค
ถ้าฟุตบอลก็ดูโอเว่นเป็นตัวอย่าง ทีมแพทย์กะโค้ชมีส่วนมากในการประคองอาชีพการเล่นของนักเตะ

ถ้าฝืนให้ลงเพราะคำพูดว่าไหวของนักเตะโดยไม่สนความเสี่ยง ก็อยู่ร่วมรับผิดชอบตอนแรชมันจบอาชีพไม่สวยด้วย
ส่วนตัวชอบให้หายให้สนิทแล้วยืดเวลาค้าแข้งตัวเองให้นานขึ้นดีกว่า แรชเนี่ยอนาคตยังได้อีกไกล

ฉีดยาลงเล่นผมนึกถึงโมราต้าเลย

สุดท้ายลงมาแล้วก็ไม่ช่วยให้ทีมดีขึ้น

แถมอาการเจ็บสะสมเรื่อยๆจนทำให้ฟอร์มไม่กลับมา

เทอรี่ยังฉีดลงเพื่อให้ได้เล่นทั้งฤดูกาลเลยครับ ฉีดทุกนัด

แรชฟอร์ดเอ๊ยยยย ชีวิตมีอะไรมากกว่านัดนี้เยอะ

นี่เพิ่งเริ่มอาชีพตัวเองไม่นาน อย่าฝืนนักเลย

นักเตะที่ฝืนลงมีเยอะครับอยู่ที่ผู้จัดการทีมแหละจะจัดการยังไง เฮนโด้กับลอฟเล่นก็ฝืนลงในยุคคล็อป

เป็นการ์ตูนที่เขียนเรื่องจิตวิทยาเกี่ยวกับการจัดการนักเตะได้ดีมากๆ อ่านการ์ตูนเรื่องนี้ เชื่อเถอะว่าคุณจะมีมุมมองดูบอลเปลี่ยนไปและคิดรอบด้านมากขึ้น

ซ้อมผ่านฟิตผ่านก็ได้ลงครับ มืออาชีพกันทั้งนั้น
แล้วแต่บางสโมสรวัดความฟิตกันแบบไหน
ถ้าคล๊อปนี่ฟิตไม่เจ็บมากได้ลงอยู่แล้วครับ

ขึ้นอยู่เจ็บระดับไหนนั่นแหละ แพทย์ประเมิณผ่านก็ได้เล่นสบายๆ

ผมมองว่าโค๊ชเห็นแก่ตัวเลยล่ะ เคยมีโค๊ชคนไหนเคยออกมาแสดงความรับผิดชอบต่ออาการเจ็บเรื้อรังของนักเตะไม๊ล่ะ เคยมีคนออกมาพูดว่า"เอ่อ เป็นความผิดผมเองที่ทำให้โรนัลโด้ต้องผ่าเข่าสิบกว่าครั้งทั้งที่อายุยังไม่ถึงสามสิบและทำให้ทั้งโลกไม่ได้เห็นจุดพีคของเค้า" ถ้ามองแบบนี้โค๊ชก็เห็นนักเตะเป็นแค่เบี้ยตัวนึงที่ทำให้ตนเองประสบความสำเร็จแค่นั้น

ผมว่าถ้ารักนักเตะจริง ก็คงต้องรักษาสภาพนักเตะให้เตะฟุตบอลที่เค้ารักและหาเลี้ยงชีพเค้าได้นานๆอ่ะครับ

ไม่ต้องมาพูดถึง passion หรือ emotion ไรพวกนี้หรอกครับ (ผมว่ามันแค่การ์ตูนอ่ะ สร้างแรงบัลดาลใจ ฯลฯ)

ถ้าแรชเจ็บเรื้อรัง มีใครจะรับเลี้ยงแรชตลอดชีวิตมั้ยอ่ะ??