ยาย่า ตูเร่ อดีตมิดฟิลด์ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มองว่าปัญหาการเหยียดผิวในโลกฟุตบอล เริ่มเป็นปัญหาที่หนักขึ้นกว่าเดิมเพราะแฟนบอลและผู้คนโง่เง่ามากขึ้น

ฟุตบอลยุโรปในฤดูกาลนี้ ถือได้ว่าเป็นปีที่มีปัญหาเรื่องการเหยียดผิวมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ หลังเกิดประเด็นปัญหามากมายทั้งในลีกใหญ่ๆอย่าง เซเรีย อา และ พรีเมียร์ลีก หรือแม้แต่กระทั้งในฟุตบอลระดับบนานาชาติ อย่างยูโร 2020

โดยยาย่า ที่เคยค้าแข้งในลีกใหญ่ของยุโรปเองก็เชื่อว่าปัญหาดังกล่าวหนักขึ้นกว่าในอดีต

"ผมได้คุยกับทางฟีฟ่าแล้ว เพราะว่าเรื่องนี้เป็นอะไรที่สำคัญ และเราต้องดูแลมันด้วยความระมัดระวัง" ยาย่า กล่าว

"ผมรู้ว่าเป็นงานที่หนักและยาก เพราะการจะเอาชนะเรื่องนี้ได้มันต้องใช้เวลานาน"

"ในตอนนี้แฟนบอล และผู้คน เริ่มจะโง่เง่ากว่าเมื่อก่อน"

"เรื่องนี้มันน่าตกใจเพราะเราอยู่ในปี 2019 แล้ว และในปี 2020 ถีง 2025 เราก็จะมีลูกหลานของเราเข้ามาด้วย เราจะทำอะไรต่อล่ะ? มันจะเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้"

"จริงๆแล้วผมอยากจะเล่นต่ออีกสักปี แต่พอเห็นเรื่องพวกนี้แล้ว ผมก็อยากจะแขวนสตั๊ดเพื่อมาช่วยฟีฟ่า แก้ปัญหาในเรื่องนี้ เพราะมันเป็นอะไรที่เจ็บปวดจริงๆ"

"การที่ต้องมารู้สึกและเห็นอะไรแบบนี้มันเป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อ ผมไม่รู้ว่าจะเชื่อใจผู้คนได้อีกขนาดไหน"

"ผมรู้ว่าองค์กรแบบฟีฟ่า และยูฟ่า กำลังพยายามทำอะไรหลายอย่างเพื่อให้หยุดมัน"

"เราจะพูดถึงเรื่องการศึกษาก็ได้เพราะแฟนบอลก็มีมุมที่ต่างกันไป หรือคุณจะแทรกแซงสโมสรทำให้สนามพวกเขาว่างเปล่าก็ได้"

ภาพหนังเรื่อง idiocracy แว๊บขึ้นมาเลย

ว่าคนอื่นโง่ไม่เป็นการเหยียดเหรอ หรือว่านับแต่เหยียดผิว

พูดแบบนี้ออกมาจริงๆหรอ

คนที่ไม่เหยียดคงแยกแยะได้

แล้วอีกอย่างมันก็เรื่องจริงอะ พูดดียังไงคนมันไม่รู้จักคิดมันก็เหยียดอยู่ดี

ถ้ารู้ว่าไม่ดีแล้วก็ยังจะทำ แบบนี้นับว่าโง่ดักดาน

เอางี้เลย? 55555​

คนเหยียดยิ่งได้ใจ เพราะเขาจะมองว่า วร้ายๆดิ้นๆ

คือ การตอบโต้แบบนี้มันก็ทำได้นะ แต่ผลที่จะตามมานี้สิ

ดูทรงแล้วถูกเหยียดหนักกว่าเดิม จะใช้ ไฟ ดับ ไฟ หรอ

ถ้ายาย่าพูดแบบนั้นจริง ตัวเองก็ไม่ได้ต่างจากคนอื่นๆ เพราะลึกๆก็เที่ยวไปรู้สึกเหยียดคนอื่นๆเหมือนกัน

เดี๋ยวนะอย่าเพิ่งไปด่ายาย่าว่าเหยียดคนดู ลองหาต้นข่าวอ่านกันก่อนว่าที่นักข่าวแปลว่าโง่เนี่ยคือคำอะไร การตั้งกระทู้เรียกคนอ่านเข้ามาอ่านมันเป็นเรื่องที่นักข่าวกระทำกันอยู่แล้ว

คนไม่ได้โง่ลงหรอก แต่วิธีการที่พวกคุณใช้บางทีมันก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา แต่กลายเป็นเพิ่มปัญหามากขึ้น

สมัยนี้มันเหมือนกับคุณไปไล่ทำลายล้างกันมากกว่าเมื่อก่อน เช่น ใครเหยียดผิวต้องถูกสังคมตามล่า โดนไล่ออกจากงาน หรือทำให้ชีวิตเขาพังกันไปข้าง การกระทำแบบนี้มันไม่ได้ทำให้คนเหยียดกลับตัวกลับใจ แถมจะทำให้เหยียดหนักกว่าเดิม เพราะเขารู้สึกว่าถูกบีบคั้นไม่ให้เหลือที่ยืนในสังคม

ทั้งเรื่องผิว เรื่องเพศทางเลือก สมัยนี้คนที่รณรงค์ไปใช้วิธีที่กดดันและบีบคั้นให้คนอื่นต้องยอมรับตัวเองมากเกินไป ซึ่งตามธรรมชาติของมนุษย์มันจะให้ผลในทางตรงกันข้าม คุณยิ่งบีบคนพวกนี้ เขาก็ยิ่งเกลียดคุณ

ผมจำได้ว่าช่วงต้นยุค 2000 คนเค้าก็ยอมรับความแตกต่างกันมากขึ้นแล้ว แต่ปี 2020 นี่คนกลุ่มเหล่านี้กลับถูกเกลียดมากกว่าเมื่อช่วง 20 ปีก่อนซะอีก เพราะอะไร? เพราะวิธีดำเนินการของพวกนักสิทธิทั้งหลายนี่แหละ

55555 ตอบกลับได้.....มาก