โจนาธาน บาร์เน็ต เอเยนต์ของ แกเร็ธ เบล บอกว่าการฉลองชัยของสตาร์ทีมชาติเวลส์กับธง "เวลส์.กอล์ฟ.มาดริด" นั้นเป็นการตอกกลับสื่อสเปน

ฤดูกาลนี้เบลลงเล่นให้ "ราชันชุดขาว" แค่ 7 นัดทุกรายการ ขณะที่กับทีม "มังกรแดง" เขาลงเล่นไปแล้ว 5 นัด

เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เปแดร็ก มิยาโตวิช อดีตผู้อำนวยการเรอัล มาดริด ออกมาบอกว่าเบลนั้นให้ความสำคัญกับทีมชาติและการเล่นกอล์ฟมากกว่าต้นสังกัด

ทำให้ในช่วงโปรแกรมทีมชาติที่ผ่านมาแฟนบอลเวลส์เลยนำธงชาติที่มีข้อความว่า "เวลส์.กอล์ฟ.มาดริด" ล้อเลียนลำดับความสำคัญ เข้าไปล้อในสนามแข่ง

เบล ทำให้เกิดประเด็นมากขึ้นเพราะหลังเกมที่นำทีม "มังกรแดง" เปิดบ้านทุบฮังการี่ 2-0 คว้าตั๋วไปเล่นยูโร 2020 รอบสุดท้าย เขาไปกระโดดดีใจกับธงดังกล่าว

แฟนบอลมาดริดไม่น้อยที่ไม่พอใจกับเรื่องดังกล่าว ขณะที่สื่ออย่าง Marca ก็พาดหัวตอบโต้เบลด้วยการพาดหัวว่า "ไม่ให้เกียรติ,ผิดพลาด,เนรคุณ" แถมยังมีคอลัมน์บอกด้วยว่าเขาไม่มีทางเป็นตำนานสโมสร

มาดริด มีคิวเปิดบ้านรับมือ เรอัล โซเซียดัด ในคืนวันเสาร์นี้ ซึ่งคาดว่าเบลจะมีส่วนร่วมในเกม

พูดถึงเรื่องดังกล่าว ESPN รายงานคำพูดสั้นๆของบาร์เน็ตว่าการฉลองกับธงดังกล่าวของเบลนั้นเป็นการ"หมายถึงสื่อ" ไม่ใช่สโมสรหรือแฟนบอล และเขา "ไม่กังวล" กับการตอบรับของสนามซานติอาโก้ เบร์นาเบว ในเกมสุดสัปดาห์นี้

ขณะเดียวกัน AS ระบุว่ากุนซือ ซีเนอดีน ซีดาน นั้นยังหวั่นว่า เบล จะได้รับการตอบรับที่ไม่ดีจากแฟนบอลของตนเอง

ติดตาม SoccerSuck ใน Facebook ที่: https://www.facebook.com/soccersuck01/

นี่คือยุคที่ดูบอลแล้วความรู้สุกมันเปลี่ยนไปเยอะจริงๆ ทั้งแฟนบอลในโซเชี่ยล ในสนาม และตัวนักเตะ ยุคนี้เหมือนดูคนทั่วไปเตะไป หรือดูแค่เป็นอาชีพๆนึงเท่านั้น มันไม่ได้ดูเป็นโปรเฟสชั่นนอลแบบเมื่อก่อน ที่ทุกคนล้้วนจะใช่ผลงานในการตอบโต้ ดูมีวินัย และแทบจะเป็นแบบอย่างที่ดีของนักกีฬาเลย และเล่นด้วยใจ และไม่กล้ามาทำอะไรแบบนี้แน่นอน

ไม่เป็นมืออาชีพ ที่สุดเลยเว้ยแก

ตั้งใจเล่นเล่นให้ดีกลบเสียงวิจารณ์ก็พอเเล้ว ไม่ต้องมาตอบโต้อะไรแบบนี้หรอก มันไม่มีความเป็นมืออาชีพครับเบล

ไม่ว่านายจะตอบโต้ได้แย่แค่ไหน ไม่ว่านายจะทำไรที่ไม่ดี

แต่ถ้านายสวมยูนิฟอร์มชุดขาวแล้ว

เราจะเชียร์นายไปจนกว่านายจะถอดชุดและ

"ไม่ให้เกียรติ, ผิดพลาด, เนรคุณ"

นี่มันคุณสมบัติหลักของแฟนมาดริด (ที่โน่น) เลยนะ

ไม่ได้ลงอยู่แล้ว
ถึงลงก็โดนโห่ทั้งสนาม
เตรียมตัวได้

ไม่ได้ลงแน่ ในบ้านด้วย

ก็เชียร์เบลอยู่ตลอด ทุกครั้งที่เบลลงสนามก็เห็นว่าแกยังทุ่มเทให้กับทีม
แต่แกคงเซ็งสื่อที่สเปนจัดๆ เลยเลือกที่จะตอบโต้มาแบบนี้

ซึ่งเป็นการตอบโต้ที่ผิดวิธี จริงๆ แค่กลบปากสื่อด้วยผลงานก็น่าจะพอแล้ว

เจ็บมาดริดก็รักษาจนหายตลอดๆ ต่อสัญญา ให้ค่าเหนื่อยมากสุดในสโมสร แต่ทั้งพูดทั้งการกระทำเอาตีนลูบตราสโมสรเลย

หมดใจกับเบลมาก

คือไม่เข้าใจมากกว่าว่าเริ่มต้นทำไมไปทำกับเบลแบบนั้น โดนดร็อบตลอด

ทั้งที่ฟอร์มก็ดี เข้าใจเจ็บแต่พอหายนี่ซิ

จากลูกรักเปเรซ ซื้อมาเพื่อเป็นตัวแทนโด้ ไม่ว่าฟอร์มจะดีจะห่วย ก็จะมีใบสั่งจากท่านประธานให้ลงตัวจริงอยู่เสมอ ตั้งแต่ยุค อันเช ราฟา มาจนถึงซีดานภาคแรก

รอยร้าวคือ การเจ็บออดๆแอดๆ กว่าจะเรียกความฟิต กว่าจะเรียกฟอร์มเก่ง พอเริ่มจะดีก็วนลูปกลับมาเจ็บอีก แต่ทีนี้ซีดานซึ่งสร้างทีมขึ้นมาจากสปิริตความเป็นอภิสิทธิ์ชนของเบลที่ต้องการลงตัวจริงทุกนัดมันขัดแย้งกัน

จุดแตกหักมาอยู่ที่นัดชิงUCL เบลหายเจ็บให้สัมภาษณ์นักข่าวกดดันซีดานว่าต้องการลงตัวจริง แต่ตอนนั้นฟอร์มอิสโก้ดีกว่ามาก แน่นอนซีดานไม่บ้าจี้ตามและคว้าแชมป์มาได้ หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรที่เหมือนเดิมระหว่างเบลกับซีดาน

แน่นอนใบสั่งยังคงมีอยู่ ปีต่อมาเบลยังได้รับการการันตีตัวจริงจากท่านประธาน สปิริตทีมเริ่มพังสุดท้ายซีดานยื่นคำขอต่อเปเรซให้ขายเบล แต่เปเรซกลับขายโรนัลโด้ลูกชังแทน ซีดานลาออกพร้อมสัมภาษณ์ว่าทีมต้องการการเปลี่ยนแปลง

เบลได้เป็นSของทีมสมใจเปเรซ แต่เอสอย่างเบลก็ทำให้โค้ช2คนโดนไล่ออกเพราะเอาเวลาไปตีแต่กอล์ฟ มาดริดเริ่มแย่สุดท้ายต้องตามซีดานกลับมาเช็ดขี้ ข้อแม้นของซีดานคือห้ามประธานลงมาล้วงลูก การจัดทีมและซื้อนักเตะบางคน ต้องให้อำนาจโค้ช

ภาค2ของซีดาน อย่างแรกเลยคือการขายเบล แต่ก็ขายไม่ออกค่าเหนื่อยที่ท่านพ่อให้มันเยอะเกินกว่าฝีเท้ามากนัก สุดท้ายเกือบให้ฟรีกับทีมมังกรแต่ไม่รู้จบแบบหักมุมได้ไง

สุดท้ายมีการพยามพูดคุยกัน แรกๆก็ดีอยู่นะ ซีดานให้ลงตัวจริงตั้งแต่นัดแรก จากนั้นแกเจ็บ แล้วพอหายซีดานดร็อปไปนัดนึง แกเลยหัวร้อนเลยเป็นที่มาของธง

เราอยากให้ซีดานทำแบบแมนยูที่ทำกับชไวน์สไตเกอร์คือ ยึดเบอร์เสื้อ ไม่ให้ใช้ล็อกเกอร์ ไม่ให้ใช้สนามซ้อม ไล่ออกจากทีมชุดใหญ่ให้ไปเล่นกับเด็กกาสตีย่า เอาแบบนั้นเลยหรืออย่างน้อยๆก็เอาแบบลิเวอร์พูลทำกับบาโลเตลลี่ก็ยังดี

เบลคงอยากย้ายเเหล่ะเเต่อยากได้เงินติดปลายนวมด้วยเหมือนเล่นเกมประสาท

พอกันทั้งเบล ทั้งสื่อ ทั้งแฟนบอลที่โห่

ไม่น่ารอดอ่ะ