[RE: นักโทษคดีฆ่าข่มขืน ออกมาก่อนพยายามก่อเหตุซ้ำ]
D.Agger พิมพ์ว่า:
BallbatovM7 พิมพ์ว่า:
ผมคิดเหมือนกัล จชกท. ครับ
ผมยังมองไม่เห็นถึงสิ่งที่กฏหมายลงโทษว่ามันจะชดเชยอะไรได้เลย
ยกตัวอย่าง การฆ่าคนตาย อย่างมากก็ 10-30 ปี ถ้าอ้างว่าไม่เจตนา ก็น้อยหน่อย ถ้าเจตนาก่นานหน่อย แต่ประเด็นคือ สุดท้ายก็ได้ออกมาใช้ชีวิตปกติ อาจจะลำบาก แต่ก็ยังได้เจอหน้าพ่อหน้าแม่ ได้พูดได้คุย
ในขณะที่ครอบครัวผู้ตาย ไม่มีแม้โอกาศได้คึยกันเป็นครั้งสุดท้าย ไม่มีโอกาศได้เข้าเยี่ยม ไม่ทีโอกาศที่จะมีแม้ความหวังว่าจะได้พบหน้ากันอีกครั้ง ไม่ต้องพูดถึงเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายนะครับ ที่ต่อให้ถามใครหน้าไหน ก็ไม่มีทางตอบได้ว่า "ทำไมต้องเป็นเขาที่กระทำ" แล้ว "ทำไมผู้ที่กระทำกับชีวิตเขาถึงได้รับโทษเพียงน้อยนิด และได้รับโอกาศอีกมากมาย"
ยังไม่ต้องพูดถึงทำผิดซ้ำหรอกครับ ฆ่าคน ข่มขืน สองเรื่องนี้ แค่ครั้งเดียวมันก็ไใควรได้รับความเมตตาจากใครแล้ว ไม่แม้แต่สมควรเรียกว่าคนด้วยซ้ำ
สำหรับผม ในกรณีที่ชัดแล้วว่าผิดจริงๆ ไม่มีจับผิดตัว คดีในรูปแบบที่ผู้เสียหายไม่มีโอกาศได้รับการชดเชยที่เท่าเทียมแบบนี้ สมควรประหารสถานเดียว ไม่มีตลอดชีวิต ไม่มีลดโทษ ไม่ควรปล่อยให้มันได้หายใจ ในขณะที่เหยื่อหมดโอกาศไปแล้วทุกอย่างครับ
เพราะกม.ไม่ได้อยากให้ทุกอย่างเท่าเทียมกันหมดครับเพราะยังไงก็เป็นไปไม่ได้ และการประหารก็ชดเชยไม่ได้เช่นกันเพราะชีวิตชดเชยไม่ได้อยู่แล้ว
ถ้าบอกว่าเราฆ่าเขา = เราก็ต้องถูกฆ่า
งั้นจะบอกว่าถ้าเราตัดมือเขา = เราต้องถูกตัดมือด้วย ก็คงไม่ใช่ครับโดยเฉพาะกรณีที่บอกว่าไม่เจตนา
และต่อให้ลงโทษแบบนั้นจริง ถ้าฆ่าปิดปากได้ก็คงทำ ไม่ก็หนีหรือไม่ยอมรับสารภาพทำให้คดียืดเยื้อออกไปได้มากขึ้นครับ
วิธีแก้จริงๆคือควรลดความยากจน ช่วยเรื่องการศึกษา สถาบันครอบครัว เพิ่มความปลอดภัย และเข้มงวดในการจับกุมมากกว่า
ผมเกรงว่าวิธีแก้ไข้แบบนั้นมันจะเป็นแค่นามธรรมสิครับ จะเห็นได้ว่า คดีที่เจตนาฆ่าก็มีตั้งแต่รากหญ้ายันรัฐมนตรี หรือคดีข่มขืนก็มีตั้งแต่พวกขี้ยาไปยันนักศึกษาปริญญา ถามว่าถ้ายกระดับสิ่งเหล่านั้นขึ้น คดีก็ยังคงมีอยู่ดีผมมั่นใจ อาจน้อยลง แต่ยังมีอยู่ และตราบใดที่ยังมีอยู่ นั้นแสดงว่า "มีผู้บริสุทธิต้องรับเคราะห์"
ในเมื่อยังมีผู้รับเคราะห์ และใช่ครับ "เขาฆ่าเรา" ไม่ได้หมายความว่า "เราจะฆ่าเขา" ได้ เราจึงต้องพึ่งกฏหมาย และความยุติธรรม ซึ่งหมายถึงกระบวนการที่จะดำเนินบทลงโทษอย่างเท่าเทียมแก้เหตุที่ผู้กระทำได้กระทำลงไป แต่ปัจจุบัน กฏหมายของเรามันไม่ใช่แบบนั้นครับ มันมองไม่เห็นความเท่าเทียม หรือใกล้เคียงเลยด้วยซ้ำ (ผมพูดถึงเฉพาะในกรณีของการ เจตนาฆ่า และข่มขืนนะครับ ในที่นี้ไม่ได้หมายรวมกรณีอย่างความประมาท หรือไม่ได้เจตนาฆ่า อาจเป็นอุบัติเหตุอะไรพวกนั้น) เพราะปัจจุบันโทษของทั้งฆ่าคนตายโดยเจตนา และการข่มขืน ระบุไว้ตามกฏหมายว่าโทษสูงสุด คือการประหารชีวิต แต่!แทบทุกคดีไม่มีการตัดสินประหาร หรือแม้แต่ตัดสินก็ไม่ประหาร รับโทษจริงคือ ติดคุกตลอดชีวิต ซ้ำยังมีสิทธิในการอภัยโทษ
*สิทธิเหล่านี้ การลดหย่อนพวกนี้แหละครับ ที่ผมมองว่ามันไม่ยุติธรรมเลยกับ ผู้เสียชีวิต หรือผู้ถูกกระทำ ที่เขาไม่มีสิทธิเรียกร้องอะไรกลับมาได้เลยครับ
อีกเรื่องหนึ่งครับ ผมมองว่าโทษของทั้งสองกรณีนี้ รับรู้โดยทั่วกันอยู่แล้วว่าโทษสูงสุดมันคือประหาร? แต่ผมมองว่าก็รับรู้โดยทั่วเหมือนกันว่า รับโทษจริงๆ ไม่ถึง ตรงนี้รึเปล่าที่เป็นเหตุให้ไม่มีความเกรงกลัวต่อการก่อเหตุ แล้วเอาเข้าจริง ณ ขณะก่อเหตุ ผู้ก่อเหตุใช้ความรุนแรงของกฏหมายคิดคำนึงจริงๆ หรือว่าจะ "ฆ่าหรือไม่ฆ่า" เหยื่อรายนั้นๆ ผมว่าน้อยแบบโคตรน้อยเลยนะที่จะคิด
ผมไม่ค่อยเห็นด้วยที่เรายอมไม่ลงโทษสูงสุด โดยเหตุผลที่ว่ากลัวว่าเหยื่อจะเป็นอันตราย เพราะการลงโทษพวกนี้มันไม่ได้เป็นเหตุการซึ่งหน้า แบบคนร้ายจับตัวประกันแล้วเราใช้วิธีเกลี่ยกร่อม ไม่ยิงมั่วซั่วเข้าไป แต่คดีที่เจตนาฆ่า หรือคดีข่มขืน เหตุการณ์มันจบไปแล้ว ผู้เสียหายถูกกระทำไปแล้ว มันเป็นหน้าที่ของศาลที่ต้องลงโทษผู้กระทำผิดให้สมกับที่ได้ก่อคดีไว้ แต่เท่าที่เห็นมันไม่ใช่ กลับมีการลดหย่อน ผ่อนปรน แล้วยังมีพวกนักสิทธิอีกที่เรียกร้องเรียกยกเลิกโทษประหาร
ที่ผมคิดแบบนี้เพราะทุกครั้งที่ผมเห็นผู้ก่อเหตุที่เจตนาจะทำลายชีวิตผู้อื่น หรือแม้แต่พวกที่กลับมาก่อเหตุซ้ำๆ แล้วผมลองนั่งถามตัวเองว่า "ผู้เสียชีวิตเขาผิดอะไร?" "ทำไมเขาต้องโดนฆ่า" "ทำไมต้องเป็นเขาที่โดนข่มขืน" "ทำไมเขาต้องเจอเหตุการณ์เลวร้ายแบบนี้" แล้วทำไมคนที่กระทำยังมีโอกาสที่สอง ในขณะที่พวกเขา "ไม่มี" ผมเลยมองว่างั้นตัดโอกาสพวกผู้ก่อเหตุไปด้วยเลย เพื่ออย่างน้อยก็เท่าเทียมกับคนที่ถูกกระทำครับ