ผมไม่ชอบงานพิธีทุกชนิด งานศพ งานแต่ง งานหมั้น รับปริญญา รับของ รับรางวัล
สำหรับผม งานพวกนี้ แม่งต้องมีสิ่งที่ผิดมนุษย์อยู่ตลอด ก็แหงล่ะ มันเป็นงานพิธีนี่หว่า
ต้องเตรียมวางแผนกันก่อน ว่าต้องทำงี้ๆๆๆ นะ โอเค แยกย้ายเจอกันพรุ่งนี้
งานแต่งงานหมั้น
แห่ขันหมาก ถือของ กล้วย ข้าวตอก ข้าวแตน เงิน ทอง แห่มา ขอ ยกให้แม่ผู้หญิง ต้องมีพิธีกรยืนพูดปาวๆๆ
จะแต่งละ ต้องบอกผู้ใหญ่ก่อน ผู้ใหญ่นี่ก็เป็น นายก อบต. ใครวะไม่รู้จัก ยื่นทองให้ ยกขึ้นบ่า อ่ารอพระสวด
รดน้ำสังข์ เอ้าแต่งได้ ลงไปกินข้าว
ทำไมมันไม่ใช่แค่ แต่งงาน พูดผมรักคุณจะดูแลคุณให้ดีที่สุด ฉันก็รักคุณจะดูแลให้ดีที่สุด เอ้าแต่ง
ลงไปร่วมฉลอง จบ ทำให้เหมือนทุกวันที่เคยทำ แต่แค่ทำต่อหน้าคนอื่นเท่านั้น
งานศพ
รอนายก อบต. เป็นประธานมาจุดเชิงเทียน ยื่นของให้พระ ให้ซอง พระสวด
อีกวันเปลี่ยนประธาน พระสวดวนไปเรื่อยๆ จนวันสุดท้าย เผา รอพระสวด ต้องไปรับไฟพระราชทาน
แห่รอบวัด วนไป ยกไปข้างบน วางดอกไม้ เล่าประวัติคลอเคลียเพลงเศร้า ยัดเข้าเตา เผา แยกย้าย
ทำไมมันไม่ใช่แค่ ตาย ฝังดินหรือเผาไปเลย ญาติๆมาอยู่ร่วมกัน ให้กำลังใจกัน บอกลากันเป็นครั้งสุดท้าย
ร่วมรับประทานอาหาร
งานรับปริญญา
ซ้อม 3 วัน ต้องเดินงี้ ถอยงี้ เลี้ยวออกมางี้ คำนับ ออกห้องไป ซ้อมอยู่ 3 วันกับเรื่องแค่นี้
รับวันเดียวก็จบแล้วเอาจริงๆ
งานบวช
ญาติโก โหติกา ยกขโยงมาทั้งตำบล วันโกนผม เลี้ยงฉลองหน่อย เวทีหมอลำ ให้ นาคขึ้นไปกล่าวขอบคุณพ่อแม่บนเวที หัวโล้นใสเลย นาคไปพักผ่อนหรือแอบดื่มกับเพื่อนๆ เปิดเพลงดังไป 3บ้าน7บ้าน
ตื่นเช้ามา เอานาคขึ้นรถ แห่ขบวน รถประมาณนึง พร้อมเพลงหมอลำ และเหล่าบรรดามิตรที่ เมาได้อย่างเต็มที่ ถึงวัด เจ้าอาวาสให้ขวัญนาค เกือบ 2 ชั่วโมง ถ่ายรูปหน่อย ออกไปแห่วนรอบวัด พร้อมกับเพลงหมอลำจัดเต็ม เข้าวัด ท่องภาษาบาลี ที่ไม่รู้คำแปล เอสาหัง ภันเต, นั่งๆสวดอยู่ซักพักไล่เราไป เปลี่ยนผ้า
กลับมา ถือบาตร คลานๆเข้าไป มีพระนั่งล้อมเหมือนยากูซ่า ไล่เราไปยืน ตรงทางเข้าสวดๆๆ เคย้ายอาชีพละ
เป็นพระละ เดินออกมา พ่อแม่พี่น้อง รอเอาดอกไม้ เงินใส่ย่าม ถ่ายรูปนิดหน่อย แยกย้าย
ทำไมไม่แค่ ตามประเพณีของศาสนาอย่างเดียว โกน เทศ วนรอบวัด เข้าไปสวด ทำไมต้อง มีงานฉลอง มีวันโกน มีการให้ อบต. จังหวัดเป็นประธานในพิธี
แต่ตอนผมบวชอ่ะ จัดเงียบๆ ญาติๆผมมาไม่ถึง 10 คน ก็โอเคอยู่ แต่พระอีกคนนี่ จัดเต็มหมอลำ ยกมาทั้งหมู่บ้าน พอบวชเข้าไปจริงๆ นิสัยอย่างแย่ ตอนผมบวชออกมาเสร็จนะ ผมได้ยินคำนึงที่แม่ผมพูดละ ผมปี๊ดอยู่ในใจเลย "รู้งี้ แม่ไม่จัดงานเล็กๆแบบนี้หรอก อายเค้า" WHAT THE FUCK MOM !? จัดงานพิธีใหญ่โตแบบนี้ เพื่อใคร เพื่อเรา หรือเพื่อตัวเอง หน้าตา ชื่อเสียงอย่างนั้นหรอกเรอะ โฮ่... กล้าทำขนาดนั้นเชียวรึ
ยาวๆให้อ่านยามเช้า พอดีกำลังจะหมั้น ที่คุยกับแฟนไว้คือหมั้นที่บ้าน ทำกับข้าวมานั่งกินร่วมกัน พ่อแม่ผมกับแฟน ญาติๆ อาๆ แต่พอเอาเข้าจริง งานหมั้นงานแต่งมันไม่ใช่เรื่องของคน 2 คน มันคือเรื่องของคน 2 ครอบครัว ตามที่แม่ผมบอกเลยครับ งานไม่เล็กแน่นอน สุดท้าย จัดโรงแรม มีพิธีรีตอง ขอขมา ยื่นนู่น ยื่นนี่ เอาใครก็ไม่รู้มาเป็นประธานในพิธี ค่าใช้จ่ายเกือบ 50k มีพิธีกรดำเนินรายการ มีการเช่าชุดกันเกิดขึ้น มีอาหารเป็นสิบๆอย่าง งานระยะเวลา 2 ชั่วโมง แขก 40 คน อาหารเยอะเกิ๊น มีเบรกกาแฟซอง ชาซองอีก
จ้างตากล้อง คือความเรียบง่ายที่ผมกับแฟนต้องการ มันหายไปหมดแล้วครับ
keep it simple keep it like human being
นี่แหละที่เขาเรียกว่างานสังคม มันเป็นความเชื่อ ขนบธรรมเนียม ประเพณีที่สืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ถ้าท่านไม่ชอบก็ไม่ต้องด่าก็ได้ ท่านชอบอย่างไหนก็ทำอย่างนั้นแค่นั้นเอง ส่วนตัวผมมองให้เป็นกุศโลบาย เช่น งานแต่งทำไมพิธีต้องเยอะ ก็เพราะกว่าจะได้แต่งได้ร่วมหอกันมันเหนื่อยยากร่วมกันมาขนาดไหน เวลาทะเลาะกันก็ให้คิดถึงวันนั้นๆ แต่มันก็ไม่ใช่เครื่องการันตีหรอกนะว่าจะไปรอด ขึ้นอยู่กับสามัญสำนึกของคนด้วย เหมือนเช่นกับการจัดการคำพูดความคิดของเรานั้นแลฯ