ไม่ได้ประชดใดๆ ทั้งสิ้น ผมว่า VAR คือวายร้ายของวงการฟุตบอลด้วยเช่นกัน ถ้าใช้ไม่ถูกต้อง จากเกมส์บิ๊กแมตช์ จากภาพผู้ตัดสินเห็นเหตุการณ์ชัดเจน (ผมหมายถึง VAR จะสู้สายตาผู้ตัดสินได้เหรอ?) แต่พอนำภาพช้าขึ้นจอ อะไรมันก็ดูรุนแรงไปหมด บางทีต่อให้มีการสัมผัสกันนิดเดี่ยว แต่ด้วยภาพภาพสโลโมชั่น มันก็ดูรุนแรงขึ้นทันที (ยกตัวอย่างภาพยนตร์ ต่อยกันเบาๆ แล้วทำภาพสโลโมชั่น)
สรุป VAR สามารถเป็นปีศาจได้ในเวลาเดี่ยวกัน ถ้าเราเชื่อมันมากเกินไป

งั้นยกเลิกใช้varเลยครับ

กรรมการ ในสนามคือที่สุดครับ กฎ ก็เขียนบอก

ไอ้พวก VAR Goal line มันขึ้นเทคโนโลยีมาช่วยการตัดสิน

แต่กรรมการ คือ ผู้ตัดสิน ชื่อก๋บอก ผู้ตัดสิน

เมื่อคืนไม่ได้คิดอะไร ตามที่คนพากย์บอกคือ ผู้ตัดสินอยู่ใกล้เหตุการณ์มากกว่า

แต่จากมุมในภาพนี่ แมคโทฯไม่บังแอตกินสันหรอเนี่ย

ผมว่า var ควรใช้แค่บางเหตุการณ์เท่านั้น

อย่างจังหวะนี้ถ้าเป็นเมื่อก่อน กรรมการไม่เป่าก็คือไม่ฟาวล์แหละ

ผมว่าทางที่ดี กอง VAR ควรยกมาตั้งข้างสนาม

ไม่ใช่อยู่ในห้องที่ไหนก็ไม่รู้แบบนั้น

อย่างน้อยคือมันได้อยู่ในบรรยากาศจริงด้วย

จะได้รู้ว่าก่อนหน้านั้นมีอะไรหรือเปล่า

ก็อย่างว่า ฟุตบอลมันเป็นแบบนี้มานาน จนเป็นเหมือนรากของวัฒธรรม

VAR แค่สีสันตามยุคตามสมัยเท่านั้นเอง

สุดท้ายแล้วสิ่งที่แฟนบอลๆอยากเห็นคือ ฟุตบอลที่ดี .... เท่านั้นเอง

ซึ่งไม่ว่าจะผ่านมากี่สิบปี กี่ร้อยปีแฟนบอลก็ไม่มีทางได้เห็น เพราะสิ่งที่มันขับเคลื่อนโลกฟุตบอลคือความไม่แน่นอนของผลการแข่งขัน การเชียร์ การขับเคี่ยว ความหวัง ความผิดหวัง ....และการพนัน

ขนาดดูVAR หลายๆรอบมันก็ยังไม่ชัด100%เลยว่ามันโดนจริงไหม แรงแค่ไหน ถ้าโดนก็เหมือนจะโดนปลายเท้าซึ่งมันแทบจะไม่รู้เลย แต่แอคชั่นของ โอริกี้มันดูเหมือนแรง กรรมการอาจจะมองว่าเตรียมพุ่งล้มอยุ่แล้ว ก็ได้คือไม่ได้แรงขนาดที่จะทำให้ล้มเสียหลักอะไรได้ ถ้าโดนก็เหมือนปลายเท้าจิ้มโดนน่อง

เดี๋ยวจะมียูสเซอร์นั้นโควทท่านแน่นอนครับ

จากมุมนี้ผมว่ากรรมการแม่มไม่เห็นด้วยซ้ำ

ว่าตามผู้ตัดสินครับ var คือตัวช่วย

var=เฮเก้อ

ถ้าเชื่อตาตัวเองทำไมไม่เดินไปดูซักหน่อย มีไว้ทำไมละนั่น

VAR ในอังกฤษยังมีหลายอย่างให้ปรับผมว่านะ แต่ก็ค่อยๆดูกันไป บางทีเอาเทคโนโลยีมา Implement ทันทีมันก็คงยังต้องทดสอบหลายๆอย่าง