ขออนุญาต แชร์อีกมุมมองนึงเรื่องพระอุลตร้าแมนนะครับ
ตามที่เป็นข่าวเรื่องรูปวาดพระพุทธรูปอุลตร้าแมน ผมขออนุญาตแชร์ความคิดเห็นในมุมมองจากประสบการณ์ของผมบ้างนะครับ
โดยส่วนตัวแล้วผมเป็นคนไม่สนใจเรื่องความเชื่อพวกฤกษ์ยามเวลาต่างๆ หรือคำเชื่อที่ปราศจากเหตุผลเลย ผมจะสนใจและปฏิบัติตามคำสอนที่เป็นแก่นของพระพุทธศาสนาโดยตรง หรือคำสอนและแนวทางของสายพระป่า เช่นหลวงปู่มั่น หลวงปู่ชา และผมก็ไม่รู้สึกเดือดร้อนหรือรำคาญใจเลยแม้แต่น้อยเรื่องข่าวที่ออกมานะครับ ซึ่งผมก็ไม่รู้สึกเห็นด้วยกับวิธีการที่ทางผู้ใหญ่ต้องบังคับให้เด็กออกมาขอโทษตามที่เป็นข่าวครับผม ผมคิดว่าผู้ใหญ่ควรใช้เหตุผลอธิบายมากกว่าว่าไม่ดีหรือจะส่งผลเสียยังไงครับผม
แต่พอดีเห็นมีหลายๆคอมมเม้นท์ บอกในลักษณะที่ว่าศาสนาพุทธสอนให้ปล่อยวาง จะไปโวยวายเรื่องนี้กับเด็กทำไม ผมก็เลยอยากให้แยกประเด็นนะครับว่าแก่นของศาสนาพุทธสอนให้ปล่อยวางจริงๆถูกต้องครับผม แต่ก็ไม่ได้สอนให้ปล่อยปละละเลย หรือไม่ดูแลปกป้องรักษาเพื่อสืบทอดศาสนา ถ้าจะมีเหตุที่ทำให้ศาสนาอาจจะเสียหายได้ (ตรงส่ววนี้เดี๋ยวผมค่อยไปขยายความนะครับ) เปรียบเหมือนพระสายหลวงปู่มั่น ที่ท่านดูแลรักษาศาสนวัตถุที่ญาติโยมร่วมทำบุญมาอย่างดี แต่เมื่อถึงคราวที่ของต้องสูญหายหรือแตกพังไปท่านก็ไม่ได้เดือดร้อนใจอะไร
หรือถ้ามองในแง่ของคนธรรมดาอย่างเราๆ ศาสนาก็จะสอนว่าให้กตัญญูดูแลพ่อแม่ ไม่ได้ปล่อยปละละเลยไม่ดูแลท่าน แต่เมื่อถึงคราวที่ท่านจากไปก็ไม่ต้องเสียใจเพราะเป็นธรรมดาของสัจธรรมครับผม
ส่วนในกรณีที่มีบางคนบอกว่าสมัยพุทธกาลไม่มีพระพุทธรูป ผมขอชี้แจงอย่างงี้นะครับว่า การที่เวลาผมหรือพระที่ปฏิบัติดีท่านกราบพระพุทธรูปทุกครั้ง ท่านไม่ได้กราบเศษหินหรือเศษปูน แต่ใจท่านหรือผมจะน้อมไปถึงพระพุทธเจ้าหรือพระคุณของท่าน เหมือนที่คนทั่วไปอย่างเราๆเวลาไปไหว้อัฐิหรือสุสานหรือรูปวาดของพ่อแม่ที่จากไปก็ไม่ได้ไหว้กระดาษหรือหินแต่ไหว้สิ่งที่ใช้ระลึกถึงบุคคลสำคัญของเราครับผม
ส่วนประเด็นเรื่องรูปวาดที่เป็นข่าวนี้ ผมมองว่าถ้าเราปล่อยไว้เลยโดยไม่ให้ความรู้หรือความเข้าใจที่ถูกต้องอาจจะทำให้ศาสนาเสียหายได้ เนื่องจากถ้าเราปล่อยให้มีอุลตร้าแมนมาได้ อีกหน่อยก็คงมีอย่างอื่นตามมาเลยเถิดแน่นอน ซึ่งในสังคมถ้าเราไม่มีกรอบให้บางเรื่องที่สำคัญหรือเรื่องอ่อนไหวสำหรับบางคนเลย คงจะมีปัญหาตามมาในภายหลังได้ครับ (ตรงนี้ผมขอข้ามประเด็นเรื่องบาปกรรมจากผลของการกระทำนะครับ เพราะต้องดูที่เจตนาและเป็นเรื่องที่จะต้องลงลึกในแง่มุใของศาสนาลงไปอีก เดี๋ยวมันจะยาวเกินไปครับผม)
สำหรับในกรณีที่มีศิลปินแห่งชาติบางท่าน ออกมาให้ความเห็นสนับสนุนเด็กที่วาดรูป โดยส่วนตัวแล้วผมมองต่างออกไปในแง่ที่ว่า ศิลปะกับศาสนานั้นโดยแท้จริงแล้วเป็นคนละส่วนกัน ศิลปินแค่เอาแง่มุมนึงของศาสนามามาทำเป็นศิลปะ ซึ่งผมก้คิดว่า เรื่องทุกเรื่องต้องมีความเหมาะสมในบางบุคคล กาล สถานที่ หรือเวลาครับ เช่น ศิลปะนู้ดคงไม่เหมาะจะเอามาไว้ในที่สาธารณะ เพราะอาจจะทำให้เกิดการกระตุ้นทางเพศมากขึ้นในสถานที่ที่ไม่เหมาะสม เป็นต้น ผมจึงมองว่าความเห็นของบุคคลผู้มีความสามารถบางท่านก็ไม่สามารถเอามาชี้ว่าเป็นสิ่งผิดหรือถูกได้ เพราะความเก่งกับความถูกต้องเหมาะสมเป็นคนละเรื่องกัน เหมือนนักการเมืองที่มีคนเก่งมากมาย แต่ก็เข้าไปโกงกิน หรือแม้แต่ สว.ในสภาตอนนี้ก็มีศิลปินแห่งชาติท่านนึงที่ผมชื่นชอบผลงานด้านดนตรี แต่ผมก็ไม่เห็นด้วยกับท่าทีทางการเมืองของเค้าที่สนับสนุนรัฐบาล (ตรงนี้ผมขอนุญาตข้ามนะครับเดี๋ยวผมจะปลิวซะก่อนครับ 555)
สุดท้ายนี้ผมขอขอบคุณทุกท่านนะครับที่อุตส่าห์เข้ามาอ่านและแสดงความเห็นตอบกลับโดยใช้เหตุผลคุยกันครับ ผมแค่อยาหให้เพื่อนสมาชิกได้อีกมุมความเห็นนึงที่ยังไม่มีคนเข้ามาแชร์แค่นั้นเองครับ
ปล.เพื่อนๆที่อ่าน บางคนอาจคิดว่าทำไมมรึงไม่ไปบวชเลยล่ะ ผมเคยคิดจะบวชตลอดและลาออกจากงานแล้ว แต่ติดด้วยข้อจำกัดทางบ้านเลยทำให้บวชตลอดชีวิตไม่ได้ครับ