เดี๋ยวนี้ทีมเล็กๆได้เงินจากพรีเมียร์ ปีละ100ล้านปอนด์ (แค่นี้ก็ต่างจากยุค90'แล้ว)

ทำให้มีเงินซื้อดาวรุ่งฝีเท้าดี เอามาขุนให้โต

สมัยนี้ทุกทีมเล่นเพรสซิ่ง กองหน้าลงมาช่วยซ้อนfull back

ถ้าจะให้ทีมใหญ่ไล่ต้อนทีมเล็ก ทีมใหญ่ต้องแกร่งทั่วแผ่นซะก่อน อ่อนจุดไหนซื้อตรงนั้น

ที่สำคัญ ใครอยากลุ้นแชมป์ ไม่ต้องซื้อนอกลีกแล้ว ในเมื่อนักเตะฝีเท้าดีอยู่เต็มไปหมด

มันมักจะมีทีมเล็กขาโหดอยู่บ่อยๆ อย่าง ต้นปี 2000 ก็ อิฟสวิท มา ฟูแล่ม แล้วมา พอร์ทสมัธ จากนั้นมา เซาธ์ สวอนซี ทุกวันนี้ คือ วูลฟ์กับเลสเตอร์ ส่วนพวกเคี้ยวยากอยู่แล้ว อย่าง เอฟเวอร์ตัน นิวคาสเซิล ก็พร้อมลงโทษทีมใหญ่ตลอดอยู่แล้ว ยังไม่รวมโบกี้ทีมของแต่ละทีม แมนยูกินพอร์ทสมัธ ยาก อาร์เซน่อลแพ้ทางโบลตั้น เชลซีกับพาเลซ ไรงี้

แต่ทีมที่ลุ้นแชมป์ เต็งหนึ่งสอง ของแต่ละปี มักไม่มีปัญหา ส่วนพวกลุ้นพื้นที่ UCL ก็มักจะโดนครับ

ใหญ่ VS เล็ก
ใหญ่ จะติดประมาท ขณะที่ เล็กจะไม่ประมาณ จะฮึด ของจะขึ้น

เล็ก VS เล็ก
อันนี้ทะลึ่งประมาทกันเอง ออกได้ทุกหน้า

เรามักจะเห็นว่า บางทีมพอเจอ Big4 Top6 นี่เล่นโคตรดี ชนะ เสมอ นี่เป็นไปได้

แต่พอเจอทีมที่อ่อนกว่า กลับแพ้แบบว่าไม่น่าเชื่อก็มี แต่มันคือฟุตบอลไงครับ แต่ละนัดแต่ละเกมส์ มันมี Timeline ของมัน ไม่ใช่ว่าแต่ละทีมที่เจอกันมันจะต้อง ชนะ แพ้ เสมอ เหมือนกันซะหน่อย

ทีมใหญ่อ่อนลงกันเอง

บวกกับทีมเล็กมีเม็ดเงินให้พอขัดขืนเอาแต้มได้บ้าง

ส่วนแมนยูผมมันกากเองครับ

ไม่ว่าจะยุคไหน ผมว่ามันก็ไม่เคยง่ายนะ ทุกลีคแหละ อยู่แค่ว่าแต่ละทีมจะทำผลงานได้สม่ำเสมอขนาดไหน นั่นแหละคือความมืออาชีพของนักเตะและโค้ชจริงๆ



เราอาจจะเห็นว่าทีมเล็กๆมันเล่นดีขึ้นเวลาเจอทีมใหญ่ แต่เราก็ไม่เคยไปดูไอทีมนั้นๆเวลาเจอทีมเล็กด้วยกันหนิครับ



เล่นเป็นเทพ สามสี่นัดต่อฤดูกาลมันเรียกว่ามาตรฐานสูงขึ้นรึเปล่าล่ะ??


ส่วนตัว ผมมองว่าตอนนี้ทีมเล็กๆมันได้เม็ดเงินมากขึ้น ทำให้เริ่มมีคุณภาพมากขึ้น และเวลาเจอทีมใหญ่ๆ นักเตะจะมุ่งมั่นเป็นพิเศษ เผื่ออนาคตจะได้ย้ายไปทีมใหญ่ๆ


หลักๆ เวลาเจอทีมเล็กเนี่ย ถ้านักเตะในทีมเล็กมันวิ่งสู้ฟัดแบบเล่นแมตช์เดียวต่อฤดูกาลเลย มันก็ชนะได้ทุกทีมเหมือนกันนะ


แล้วแต่มุมมองครับ ลองดูซิตี้สิ เจอใครก็เล่นเค้ายับได้ทุกทีมเหมือนกัน

ผมมองว่าเวลาเล่นในบ้านยังมีGAPห่างอยู่นะ แต่พอเยือนทีมเล็กนี่ไม่หมูจริงๆ

เคยมีคนวิเคราะห์เรื่องตัวของซิตี้ไปเเล้วมู้นึง เร็วๆนี้เเหละ มันน่าสนใจที่ว่า ซิตี้เองไม่ได้บ้าทุ่มซื้อเเต่ตัวเกรด A นะครับ ผู้เล่นพวก เฮซุส / ซาเน่ / เเบร์นาโด้ ซิลวา / หรือเเม้เเต่ สเตอร์ลิ่ง ล้วนเอาเข้าทีมมาตอนที่ยังไม่เทพขนาดนี้เลยซักคนเดียว มันมาเทพเเละสร้างชื่อให้ตัวเองขึ้นมาเป็นตัวโหดกันตอนมาอยู่ซิตี้เเล้วทั้งนั้นเลย เรียกว่าเเมวมองซิตี้คือเฉียบคมมาก พอไปผสมกับระบบของเป๊บมันเลยยิ่งส่งเสริมกันไปหมด ปีที่เเล้วเองเนี่ย ซิตี้ก็ไม่ได้เสริมเยอะนะครับ น่าจะเเค่ มาเรซ คนเดียวด้วยซ้ำ มาปีนี้ ก็มีเเค่ คันเซโร่ กับ โรดี้ ซึ่งก็คือจะเอามาเเทนตัวเดิมที่เริ่มโรยราเเล้ว พร้อมดันเด็กอย่าง ซินเชนโก้ กับ โฟลเด้น ขึ้นมาด้วย เเล้วเป็นเด็กเทพที่เล่นได้ดีเข้ากับทีมชุดใหญ่อีก เหมือนได้ตัวใหม่เเบบไม่ต้องทุ่มซื้อมากมายเลย

ดังนั้น สิ่งที่ซิตี้กำลังทำได้ประสบความสำเร็จมากที่สุดเหนือทุกทีมตอนนี้คือ มีผู้เล่นที่เล่นเเทนกันได้ทุกตำเเหน่ง เเบบที่คุณภาพไม่ลดเลย เเละโดยที่ทุกคนยอมรับที่จะเเข่งขันกันเเย่งตำเเหน่งตัวจริงในทีม เพราะทุกคนต่างรู้ว่าตัวเองมีโอกาสทั้งนั้น จึงไม่มีการถูกดูดผู้เล่นตัวหลักออกจากทีมไปได้ง่ายๆซักปี เรียกว่าไม่เสียตัวหลักในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาในยุ๊คของเป๊บเลยดีกว่า เเละถ้าไปดูในเรื่องค่าเหนื่อยที่ผู้เล่นได้รับ เเม้เพดานจะสูงกว่า เเต่เอาจริงๆก็ให้เยอะมากๆอยู่เเค่ไม่กี่คนเท่านั้น ซึ่งก็ไม่ได้เยอะมหาศาลเเบบที่เข้าใจกัน นอกจานั้นพวกดาวรุ่งเก่งๆก็ไม่ได้งอเเงจะเอาเงินมากมายด้วย

นี่จึงทำให้ซิตี้มีขนาดทีมที่ใหญ่เเละคับด้วยคุณภาพได้เเบบที่เห็นทุกวันนี้ เหนือทุกทีมในพรีเมียร์ด้วยกัน เเละถ้าดูค่าเฉลี่ยอายุของผู้เล่นในทีมด้วยเเล้ว ซิตี้เป็นทีมที่จะครองความยิ่งใหญ่ได้ในช่วงเวลา 5 ปีต่อจากนี้เป็นอย่างต่ำได้ง่ายๆเลย

ผมมองว่างเป็นทีมระดับกลางมากกว่าที่ลดความห่างชั้นกับทีม Top6

ส่วนทีมเล็กหลายๆทีมดีขึ้นจริงแต่ยังมองว่ายังห่างกับทีมหัวตารางพอสมควร

ส่วนใหญ่ที่ไปแพ้หรือพลาดเป็นเพราะเล่นติดประมาท ไม่บะเอียดกันเอง