นิว ฐิติพันธ์: “โค้ชต้องการให้ผมเล่นได้ 90 นาที เขาบอกว่าผมต้องทำให้ได้”
Cr. Page Sport Light
Sport Light Talk: เทอมแรกบนเจลีกของ "นิว" ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์...ผมจะกลับมายึดตัวจริงให้ได้อีกครั้ง
.
การที่นักฟุตบอลคนหนึ่งจะเดินทางไปค้าแข้งยังต่างแดนได้ ต้องผ่านการเคี่ยวเข็ญอย่างหนัก ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ บนสังเวียนแข้งโตโยต้าไทยลีก อันดุเดือดเข้มข้น
.
ไม่ว่าจะเป็น "ตอง" กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ จอมเซฟแห่ง โอเอช ลูเวิน, "เจ" ชนาธิป สรงกระสินธ์ จอมทัพขวัญใจสาวก คอนซาโดเล ซัปโปโร, "อุ้ม" ธีราทร บุญมาทัน แบ็คซ้ายใจเพชร แห่ง โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส
.
และน้องใหม่ "นิว" ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ กองกลางปอดเหล็กที่เพิ่งออกไปตะลุยแข้งในต่างแดนเป็นครั้งแรกกับสโมสร "โออิตะ ทรินิตะ" เฟรชชี่น่าใหม่ของศึกเจวันลีก ล้วนผ่านการทดสอบเหล่านั้นมาแล้วทั้งสิ้น
.
วันนี้เพจ Sport Light ได้มีโอกาสต่อสายตรงไปยังประเทศญี่ปุ่น เพื่อพูดคุยกับ "เจ้านิว" ที่เพิ่งผ่านครึ่งทางของการเล่นบนลีกระดับแนวหน้าของทวีปเอเชียเป็นครั้งแรก
.
"จริงๆ การมาเล่นเจลีก มันเป็นเรื่องที่ยากตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ผมเตรียมตัวก่อนเดินทางมาที่นี่ ทำให้การปรับตัวเข้ากับทีมเป็นไปได้ด้วยดี จนผมได้รับโอกาสลงสนามบ่อยครั้งในช่วงต้นฤดูกาล" มิดฟิลด์คนขยันของทัพ "ช้างศึก" เปิดเผยถึงความท้าทายครั้งใหม่ของตัวเองหลังผ่านการลงสนามในเจลีกไป 14 นัด และทำไปแล้ว 1 ประตู
.
การมาค้าแข้งที่ประเทศญี่ปุ่น นอกจากเขาต้องปรับตัวให้เข้ากับบรรยากาศใหม่ๆ แล้ว ที่สำคัญเขาต้องใช้ชีวิตคนเดียว คงไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ๆ ที่จะผ่านตรงนี้
.
แต่ด้วยหัวใจอันแข็งแกร่งส่งให้เขาก้าวผ่านจุดนั้นมาได้อย่างทุลักทุเล
.
"นักเตะที่นี่เขาไม่ค่อยสนใจกันเท่าไหร่ ก็มีพูดคุยกันบ้างตามปกติ ไม่ได้มีการแอนตี้หรือดูถูกกัน ทุกคนพยายามทำงานหนัก และทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด”
.
"ช่วงแรกโคตรเหงาเลยนะพี่ ที่นี่ซ้อมบอล 2 ชั่วโมง แต่หนักมาก จัดเต็มทุกเม็ด ซ้อมเสร็จก็กลับบ้าน ชีวิตที่นี่มันก็มีแค่นี้”
.
“แต่ตอนนี้ดีขึ้นหน่อยครับ เพราะแฟนมาอยู่ด้วยแล้ว แฟนพยายามทำอาหารให้เราทาน คอยดูแลเรา มันก็โอเคขึ้นตามลำดับครับ"
.
“ผมคุยกันกับเจ และก็พี่อุ้ม ตลอด ส่วนใหญ่จะคุยกับ เจ มากกว่า คอยถามกันว่าอาทิตย์นี้ลงไหม แท็คติคนี้เล่นยังไง ทำไมมันเล่นยากจังวะ ต้องทำยังไงบ้าง”
.
“เจก็บอกว่าเมื่อก่อน เจ ก็เล่นไม่ได้เหมือนกัน เจ บอกว่า ผมต้องเรียนรู้และปรับตัวให้ได้”
.
แม้ในช่วงหลัง “เจ้านิว” จะหลุดเป็นตัวสำรองบ่อยครั้ง แต่เขาไม่เคยท้อ แต่ตรงกันข้าม เขากลับมุ่งมั่นมากขึ้นกว่าเดิม
.
"อาการเจ็บที่แขนตอนนี้ก็ดีขึ้น และเอาเฝือกออกแล้วครับ เป้าหมายในเลก 2 ผมต้องทำงานหนัก ต้องปรับตัวเข้ากับแท็คติคต่างๆ ให้ได้ รวมไปถึงเรื่องความฟิต”
“โค้ชเขาต้องการให้ผมเล่นได้ 90 นาที แต่ผมยังทำตรงนี้ยังไม่ได้เลยโดนดร็อปบ่อยในช่วงหลัง”
.
“เขาบอกว่าผมต้องทำให้ได้ เพราะเขาไม่อยากเสียโควต้าเปลี่ยนตัวในตำแหน่งของผม สู้เอาไปเปลี่ยนพวกนักเตะตัวรุกดีกว่า"
"ผมเองก็เข้าใจ และต้องพัฒนาตรงนี้ เพื่อกลับไปเป็นตัวจริงของทีมให้ได้อีกครั้งครับ"
.
ต้องบอกว่าความสำเร็จ มันไม่ได้มาง่ายๆ ชีวิตเกิดมาครั้งเดียว ต้องสู้และเดินไปข้างหน้าเท่านั้น
.
สุดท้ายฝากแฟนบอลชาวไทย ช่วยส่งกำลังใจให้ “เจ้านิว” กันเยอะๆนะครับ
เรื่องความฟิตของนิวนี่เป็นที่พูดถึงกันบ่อย เพราะแกเป็น 1 ในคนที่วิ่งเยอะอันดับต้นๆของไทยลีก
นึกว่าอย่างนิวนี่ไปเล่นญี่ปุ่นเรื่องความฟิตหายห่วง นึกว่าจะสบาย แต่กลับไม่ใช่เลย เพราะ...
1. เจลีก น่าจะเป็นหนึ่งในลีกที่วิ่งกันเยอะสุดๆในโลก วิ่งกันเป็นบ้าเป็นหลัง
2. โออิตะของนิว เป็นทีมที่วิ่งเยอะอันดับ 2 ของลีก รองแค่มารินอส
3. ตำแหน่งมิดฟิลด์ box-to-box ที่นิวเล่น คือตำแหน่งที่ต้องวิ่งเยอะสุดในสนาม
จากปัจจัยทั้ง 3 ข้อ เรียกว่านิวแม่งต้องโคตรของโคตรฟิตกว่าเดืมแบบ maximum จริงๆ ถึงจะอยู่ได้ 90 นาที
อย่างที่ผมเคยเอาสถิติมาลง ตอนอยู่ไทยเล่น 90 นาทีแกต้องวิ่งประมาณ 8-9 กิโล
แต่เล่นที่ญี่ปุ่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ของทีมโออิตะ ถ้าจะเล่น 90 นาที แกต้องวิ่งได้ 12-13 โล
ตอนนี้เท่าที่เห็นลิมิตของนิวอยู่ได้แค่ประมาณ 70 นาทีจะเริ่มป้อแป้ ซึ่งตอนนั้นคือวิ่งไปแล้ว 10 โล
ต้องเพิ่มทั้งความฟิตและความเข้าใจเกมแหละนะ ถึงจะเอาตัวรอดได้แบบเพื่อนๆ
แต่นิวโชคดีแล้วที่ได้มาอยู่โออิตะ โค้ชเก่งอ่ะผมว่า แล้วเล่นยากแบบนี้ทำให้แกพัฒนาตัวเองขี้นเยอะ
เมื่อก่อนเล่นทีมชาติก็วิ่งเยอะประมาณนึงแต่วิ่งมั่ว มาตอนนี้วิ่งเยอะกว่าเดิมเยอะและวิ่งแบบมีแบบแผน
การจับบอลคลึงบอลจ่ายบอลก็ดูดีขึ้นชัดเจน อยากให้ส่งออกไปกันเยอะๆ จะเป็นทางลัดในการพัฒนาทีมชาติจริงๆ