ดานิเอเล่ เด รอสซี่ กัปตันทีมโรม่า
“ข้อเท็จจริงเรื่องที่สัญญาของผมจะไม่ได้รับการต่อ ผมได้รับแจ้งมาเมื่อวานนี้ แต่ผมอายุ 36 แล้ว และผมก็ไม่ได้โง่พอที่จะไม่รู้อะไร ผมใช้ชีวิตอยู่ในโลกลูกหนัง รู้ว่าถ้าไม่มีใครโทรหาคุณเพื่อคุยเรื่องสัญญา นั่นคือมีการตัดสินใจเกิดขึ้นแล้ว
มันไม่มีการเจรจา ผมเคยคุยกับ มอนชี่ อยู่บ่อยครั้ง และเขารับปากผมเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ผมรู้สึกมาตลอดว่าเรื่องนี้มันจะต้องเกิดขึ้น ครั้งล่าสุดที่ผมเซ็นสัญญา 2 ปี เกิดขึ้นในวันถัดจากที่ ฟรานเชสโก้ (ต๊อตติ) แขวนสตั๊ด ผมเป็นคนพูดน้อยมาตลอด เพราะมันไม่มีอะไรจะพูด และผมไม่อยากสร้างปัญหาใดๆที่จะกระทบต่อทีม หรือไม่ว่ากับใครก็ตาม
ผมขอขอบคุณ กุยโด้ (เฟียงก้า) สำหรับข้อเสนอ และสำหรับการปฏิบัติต่อผมในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ผมยังอยากขอบคุณ (ริคกี้) มัสซาร่า ด้วย มันมีดีลที่ยิ่งใหญ่ของข้อตกลงร่วมกัน แต่ความรู้สึกของผมมันบอกว่าผมสามารถเดินหน้าต่อไปในฐานะนักฟุตบอล
ผมยังไม่ได้คุยกับสโมสรอื่นๆนะ ก่อนจะถึงเกมกับ เจนัว ผมยังมั่นใจเกี่ยวกับโควต้าแชมเปี้ยนส์ลีก และผมไม่ต้องการสร้างผลกระทบกับใคร ผมได้รับข้อความราวๆ 500 ครั้งส่งมา ผมยังไม่ได้เข้าไปดูเลยว่ามีข้อเสนอจากทีมไหนเข้ามารึเปล่า! ผมยังรู้สึกว่าตัวเองเป็นนักฟุตบอล และผมอยากจะเล่นต่อ ผมคงรู้สึกผิดต่อตัวเองถ้าผมเลิกเล่นตอนนี้
สโมสรจะเป็นตัวตัดสินว่าคุณสามารถเล่นต่อได้หรือไม่ได้ เราสามารถคุยกันได้เป็น 10 ชั่วโมงเกี่ยวกับสิ่งที่ผมคิด ว่าผมจะมีความสำคัญต่อทีมอย่างไรแม้แต่จะแค่ใน 5 เกม, 10 หรือ 20 เกม หรือจะในห้องแต่งตัว เพราะผมคิดว่าผมมีความสำคัญต่อพวกเขา
อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจจะต้องกระทำโดยสโมสร ต้องมีใครสักคนโทรมาบอก ที่ผมเสียใจไม่ใช่เรื่องนั้น แต่เป็นข้อเท็จจริงที่ปีนี้เราได้คุยกันน้อยเท่านั้นเอง ช่องว่างบางครั้งมันสร้างความเข้าใจผิดอะไรแบบนี้ได้ แต่ผมหวังเห็นสโมสรพัฒนาไปข้างหน้าอยู่แล้ว ด้วยความเคารพ เพราะผมก็เป็นแฟนบอลโรม่า สโมสรจะตัดสินใจว่าใครจะเล่น โค้ชจะตัดสินใจว่าใครบ้างที่เขาต้องการ ผมไม่สามารถไปคาดหวังอะไรได้
วันที่ 27 พ.ค. ผมมีเที่ยวบินที่ต้องเดินทางช่วงบ่ายสอง ผมจำเป็นต้องใช้เวลานอกที่จะไม่คิดถึงเรื่องฟุตบอล แม้ว่าผมจะต้องหาทีมเล่นก็ตาม ผมยังไม่รู้ว่าผมจะอยู่ในอิตาลี หรือไปต่างแดน ผมต้องคุยเรื่องนี้กับที่บ้าน คุยกับตัวเอง คุยกับเอเย่นต์ของผม มีผู้คนอีกเยอะเลยที่ผมต้องติดต่อ ดังนั้นเดี๋ยวเราค่อยดูกัน
การเป็นผู้อำนวยการยังไม่เย้ายวนสำหรับผมเท่าไหร่ แต่มันก็มีเหตุผลที่ควรจะเป็น ถ้าเป็นกับที่โรม่า ผมเห็นงานที่น่าเบื่อของ ฟรานเชสโก้ และผมจะไปทำงานร่วมกับเขาถ้าวันหนึ่งผมเปลี่ยนใจ มันจริงแหล่ะที่พวกเขาจะอ้าแขนรอต้อนรับผม แต่ผมอยากจะทำงานที่ผมอยากทำก่อน มันเป็นการผจญภัยที่ยาวนาน และผมต้องเรียนรู้อีกเยอะเพื่อที่จะสามารถทำมันให้เกิดขึ้นได้
ผมอยากจะลงเล่น และมันมีความแตกต่างเล็กน้อยในความเห็นระหว่างเรา แต่ผมไม่อยากสร้างความขัดแย้งกับใคร ผมจะคุยกับท่านประธาน (เจมส์ ปัลล็อตต้า) สักวันหนึ่ง ผมไม่ได้มีปัญหาอะไรกับ ฟรังโก้ บัลดินี่ ด้วย ผมจินตนาการนึกถึงภาพตัวเองที่ถูกพันผ้าไว้ โดยที่พวกเขาร้องขอให้ผมลงเล่นต่อไป
มันไม่ได้เกิดขึ้นเช่นนั้น แต่ผมต้องยอมรับมัน และเดินหน้าต่อไป ถ้าผมเป็นผู้อำนวยการ ผมคงจะต่อสัญญาให้กับผู้เล่นแบบผม ผมทำได้ดีตอนที่ผมเล่นดี และแก้ไขปัญหาต่างๆในห้องแต่งตัวได้ ถ้าผมเป็นผู้อำนวยการที่ดี ผมคงจะต่อสัญญาให้ตัวเอง แต่ผมทำอะไรไม่ได้แล้วในตอนนี้
แฟนๆได้แสดงให้เห็นว่าพวกเขารักผมมากแค่ไหนตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผมทำในสิ่งเดียวกันกลับไป ผมไม่ได้เปลี่ยนสิ่งที่พวกเขารู้สึกด้วยถ้วยแชมป์ที่สมมติกันขึ้นมา ถ้วยที่คุณไม่มีทางรู้ว่าจะคว้ามันได้แน่ๆถ้าคุณย้ายออกไป
มันเคยมีช่วงเวลาหนึ่งเมื่อ 3-4 ปีก่อน ที่ผมมีโอกาสจะย้ายไปอยู่กับทีมที่ถูกมองว่าจะคว้าแชมป์ได้มากกว่า โรม่า แต่เราเลือกกันและกันเอง และมันคงเป็นความหายนะถ้าผมพูดว่าอยากจะย้ายไปที่ไหนสักที่ หรือถ้าแฟนๆเป็นฝ่ายพูดเองว่า เอ๊ะ เราจะเอายังไงกับ เด รอสซี่ ดี? เราคงอยากได้ อิเนียสต้า มากกว่า และอยากคว้าแชมป์ได้มากกว่านี้
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะไม่ขอเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของตัวเองที่จะจงรักภักดีต่อทีมๆนี้ ถ้าผมมีไม้คฑาวิเศษ ผมคงเสกให้มีถ้วยสัก 2-3 ใบในตู้โชว์ แต่เรื่องจริงไม่มีใครสามารถทำได้ หลายปีที่ผ่านมา บางครั้งผมเคยทำผิดพลาด แต่ผมก็จะไม่ย้อนเวลาไปเพื่อขอให้มันเป็นอย่างอื่นเช่นกัน
ผมยังคงมีความรักอย่างแท้จริงต่อสโมสร และผมคิดว่ามันจะเดินหน้าต่อในวิถีทางที่ต่างออกไป ผมไม่ได้ตัดประเด็นว่าในอีกกี่ปีที่กำลังจะมาถึง คุณอาจจะได้เห็นผมแอบเข้ามาพร้อมกับแซนด์วิช และเบียร์ เพื่อมานั่งเชียร์เพื่อนของผมเตะบอลก็ได้
ความผิดหวังเล็กๆที่ผมมีอยู่ คือในหลายๆครั้งที่ผมรู้สึกว่าทีมเราจะกลายเป็นทีมที่แข็งแกร่งสุดๆ ใกล้เคียงสุดๆกับทีมที่คว้าแชมป์รายการต่างๆ แต่จากนั้นเราก็ก้าวถอยหลัง มันมีกฎเกณฑ์ต่างๆในตลาดอยู่ บางรายสามารถซื้อรถได้ บางรายซื้อได้แค่อะไหล่เท่านั้น
ผมไม่อาจโทษสโมสรเรื่องนั้นได้ ผมจะไม่ลงลึกไปถึงตัวเลข แต่ผมหวังว่า โรม่า จะสามารถกลับมาแข็งแกร่งได้ด้วยสนามแข่งใหม่ มีผู้เล่นหลายคนอำลาทีมไป และหลังจากนั้น 2 เดือน พวกเขาโทรหาผม และถามผมถึงวิธีที่จะกลับมา
ผู้คนคุ้นชินกับที่อื่นๆ แต่ที่นี่ดีนะ มันเป็นที่ๆเร่าร้อนสำหรับการเล่นฟุตบอล และมีอีกย่างก้าวที่จำเป็นต้องข้ามไป ถึงผมจะพูดแบบนี้ แต่เราเองก็มีทีมที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ด้วยผู้เล่นดาวรุ่งหลายคนที่ซึ่งเราสามารถเริ่มต้นกันใหม่ได้ และเราคือทีมที่มีอนาคตอยู่ มีบางอย่างที่ผิดพลาดไปในฤดูกาลนี้ แต่อย่าเพิ่งพูดถึงมันวันนี้เลย
ผมอยากจะขอบคุณพระเจ้ากับอาชีพค้าแข้งที่ผมมี ก่อนที่ผมจะอายุเข้า 14-15 ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะก้าวมาได้ถึงในระดับนี้ ผมคงจะมีความสุขกับอาชีพค้าแข้งแบบเดียวกับพ่อของผมก็พอ (อัลแบร์โต้ เด รอสซี่) เขาลงเล่นใน เซเรีย ชี 15 ปี และเขาคือไอดอลของผม ผมภูมิใจในตัวเขาจริงๆ
ผมได้ทำงานที่ผมรัก ในทีมที่ผมจะยังคงรักต่อไป ด้วยผู้คนที่วิเศษ เจอกับบรรดาคู่แข่งที่วิเศษ หลากหลายความรู้สึกที่ดีที่สุดของผมในสนามเป็นเกมนัดเยือน ดวลกับทีมคู่ปรับในเกมดาร์บี้ ในนาโปลี ในแบร์กาโม่ ในเรจโจ้ กาลาเบรีย พวกเขาทำให้ผมรู้สึกว่ายังมีชีวิตอยู่ ผมเติบโตมากับมัน
ในสายตาผม ฟุตบอลมันเกี่ยวกับการเป็นทั้งคู่แข่งและการสนับสนุน มันมีความจริงใจอยู่ตรงนั้น ผมดีใจนะที่มีทั้งเพื่อนและศัตรูซึ่งเปิดเผยตัวตนว่าอยู่ฝั่งเดียวกับผม หรืออยู่ฝั่งตรงข้ามผม มันหมายถึงการที่ผมกลายมามีตัวตนอะไรบางอย่างได้
แข้งสายเลือดโรมัน เคยมีความสำคัญอย่างมากต่อเรา และตอนนี้มันอยู่ในมือที่ปลอดภัยของ อเลสซานโดร (ฟลอเรนซี่) และ ลอเรนโซ่ (เปลเลกรินี่) พวกเขาไม่ต้องถามหาการลอกเลียนแบบผมหรือ ฟรานเชสโก้ แต่เป็นการแสดงให้เห็นถึงตัวตนของคุณเอง แสดงให้เห็นสายสัมพันธ์กับสโมสรผ่านตรงนั้น
ดูอย่าง ไบรอัน คริสตันเต้ ที่มาจากแบร์กาโม่ หรือภาคเหนือของอิตาลี เขาไม่ได้มาจากโรม แต่เขาทุ่มเททุกๆอย่างในการฝึกซ้อม และในเกมการแข่งขัน ผมอยากจะมีผู้เล่นแบบเขาอีกสัก 100 คน ผมไม่อาจพูดได้ว่า โรม่า จำเป็นต้องมีแข้งโรมัน โรม่า จำเป็นต้องมีแข้งที่เป็นมืออาชีพ และถ้ามืออาชีพมาจากโรม อย่าง อเลสซานโดร หรือ ลอเรนโซ่ นั่นจะถือเป็นเรื่องที่ดีขึ้นไปอีก
การจะประสบความสำเร็จ สิ่งที่คุณจำเป็นต้องมีคือการสร้างทีมที่แข็งแกร่ง แบบที่สโมสรอื่นๆสามารถทำตามกำลังที่มี นั่นคือเรื่องของสถานะทางตลาด แต่ผมคิดว่าสโมสรได้มุ่งมั่นจดจ่อไปยังสถานการณ์ที่กำลังเปลี่ยนแปลงเรียบร้อยแล้ว และผมหวังว่าพวกเขาจะทำสำเร็จ”
---
กุยโด้ เฟียงก้า ซีอีโอ สโมสรโรม่า
“เราจัดแถลงข่าวเพื่อที่จะบอกพวกคุณถึงเรื่องเมื่อวานนี้ คือผมได้ไปหา ดานิเอเล่ เพื่อบอกเขาเกี่ยวกับการตัดสินใจของสโมสรที่จะไม่ต่อสัญญากับเขาในฐานะผู้เล่น
เราคุยกันอยู่นาน ผมอธิบายความตั้งใจของผมเองที่จะรั้งตัวเขาไว้ที่สโมสร ในบทบาทที่ต้องตัดสินใจกันอีกที มันแทบจะดูเป็นการเห็นแก่ตัว ที่ผมเองตั้งความหวังไว้และกำลังพยายามทำให้ ดานิเอเล่ ตอบรับแนวคิดที่จะอยู่ต่อในบทบาทที่ถัดไปจากผม
ตอนนี้ผมอยากที่จะทำงานเคียงข้างบุคคลอย่างเขา สโมสรตระหนักดีว่าพวกเขาจำเป็นต้องปรับเปลี่ยน และต้องตัดสินใจเลือกวิธีที่เหมาะสมกับในช่วงที่ผ่านมา เพื่อที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ผมมั่นใจว่า ดานิเอเล่ จะตอบรับโอกาสดังกล่าวเมื่อเขาเห็นว่าถึงเวลาเหมาะสม ข้อเสนอสำหรับเขาจะยังคงอยู่ตรงนั้นไปตลอด
ดานิเอเล่ ได้อธิบายถึงแนวคิดที่ต่างออกไป ซึ่งเราให้ความเคารพ แบบเดียวกันกับที่เขาเคารพแนวคิดเรา ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่เราได้เปิดใจคุยกันตรงๆแบบไม่มีอะไรปิดบังซ่อนเร้น ถือว่าเป็นธรรมต่อทั้งสองฝ่าย
ผมพูดตรงนี้ในนามสโมสร ผมต้องขออภัยต่อเขาที่การพูดคุยระหว่างเราไม่ได้เกิดขึ้นเร็วกว่านี้ มันมีประเด็นเรื่องนอกสนามบางอย่าง และเราต้องเจอกับหลายปัญหาที่เข้ามา ทั้งหมดนี้คือจุดสำคัญเลยกับสิ่งที่เกิดขึ้นในฤดูกาลนี้
สโมสรทราบดีถึงความผิดพลาดที่ได้ทำลงไป มันมีประเด็นเรื่องการวิจารณ์กันเองเยอะมากที่กำลังเป็นอยู่ในตอนนี้ ผมอธิบายให้ ดานิเอเล่ ฟังว่าสโมสรจะไม่ได้มองเห็นเขาในฐานะนักฟุตบอลอีกต่อไปแล้ว แต่เรามองเห็นว่าเขาพร้อมที่จะช่วยเราพัฒนาสโมสรได้
เขาแสดงให้เห็นถึงบุคลิกความเป็นผู้อำนวยการมานานแล้ว เขาเองไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ และอยากจะลงเล่นต่อไป แต่จริงๆเขาพร้อมแล้วล่ะที่จะรับหน้าที่ความรับผิดชอบหลายๆอย่าง นั่นคือเหตุผลที่ผมเสนอให้เขาเข้ามารับงานในสายผู้อำนวยการ เขาสามารถช่วยผมได้ และบางทีอาจจะมาแทนที่ผมในวันพรุ่งนี้เลยก็ได้
การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นหลังการตัดสินใจของสโมสร นอกเหนือไปจากคำชื่นชมของเราที่มีต่อสิ่งที่เขาได้ทำมา ซึ่งไม่อาจอธิบายเป็นประโยคคำพูด มันยังมีการแสดงออกที่เปี่ยมไปด้วยวุฒิภาวะและแรงสนับสนุนที่เขามอบให้กับเรา
เราเคารพคำตอบของ ดานิเอเล่ ที่มีต่อข้อเสนอของเรา แต่เขาแสดงให้เห็นแล้วว่าเขามีวุฒิภาวะในการจะเป็นผู้อำนวยการ เมื่อไหร่ที่เขาตัดสินใจที่จะช่วยพัฒนาทีมที่เขารู้จักดีที่สุด เรามั่นใจเลยว่าเขาจะช่วยเราได้
มันไม่มีช่องว่างระหว่างเรากับ ดานิเอเล่ คำเชื้อเชิญที่เรายื่นไปให้เขาไม่ได้บ่งบอกถึงการปลดระวาง หรือบ่งบอกถึงการไม่เห็นถึงคุณค่าไปยังเขา เรามีแนวคิดที่ต่างออกไปในเรื่องที่ ดานิเอเล่ สามารถช่วยเหลือสโมสรแห่งนี้ได้ แต่ไม่มีใครต้องการให้เขาไปจากที่นี่ มันไม่เคยมีปัญหาใดๆเกี่ยวกับเรื่องเงินค่าจ้าง เรียนด้วยความเคารพ”
---
แอดมิน Totti Club Thailand
เมื่อวานถือว่าเหตุการณ์ที่โรม่า เปรียบได้กับฟ้าผ่าลงมาตรงกลางใจแฟนๆก็ว่าได้ครับ เมื่อเว็บไซต์และสื่อโซเชียลทางการของทีมหมาป่าระบุว่ากัปตัน ดานิเอเล่ เด รอสซี่ จะลงเล่นนัดสุดท้ายให้สโมสรในเกมพบ ปาร์ม่า ที่โอลิมปิโก้ ก่อนจะอำลาทีมไปเล่นให้สโมสรอื่น เนื่องจากเจ้าตัวยังไม่แขวนสตั๊ด
คือเราพอจะรู้กันอยู่แล้วว่าสัญญาของ เด รอสซี่ จะหมดลงหลังจบซีซั่นนี้ แต่ก็คิดว่ายังมีเวลาพอที่สโมสรและกัปตันจะเจรจากัน ส่วนตัวคาดหวังว่าอย่างน้อย เด รอสซี่ น่าจะได้สัญญาฉบับสุดท้ายอีก 1 ปี ถึงเวลานั้นเขาจะมีอายุย่าง 37 ซึ่งนั่นน่าจะเหมาะกับการปิดฉากในฐานะ One Club Man ผู้ยิ่งใหญ่ต่อจาก ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ ทว่าทุกอย่างกลับไม่เป็นเช่นนั้น
จากถ้อยคำแถลงข่าวเริ่มจากคำพูดวกไปวนมาของ กุยโด้ เฟียงก้า ซีอีโอทีมหมาป่า ที่เปิดประเด็นเรื่องนี้ ก็รู้สึกผิดหวังกับแนวคิดเรื่องดูแลตำนานของสโมสรแล้ว มันดูเก้ๆกังๆ แบบตบหัวแล้วลูบหลัง พอได้ฟังในสิ่งที่ เด รอสซี่ พูด มันยิ่งสะเทือนใจ ทุกคำพูดถูกถ่ายทอดด้วยอารมณ์เสียใจ น้อยใจ และผิดหวังอย่างชัดเจนเมื่อความต้องการของเขาและสโมสรที่เขารัก ไม่ได้ไปในทางเดียวกัน
พูดแบบง่ายๆคือบอร์ดโรม่า อยากให้ เด รอสซี่ เลิกเล่น แล้วมาทำงานกับสโมสรในฐานะ ผอ. แบบเดียวกับ ต๊อตติ แต่เจ้าตัวยังอยากเล่นต่อ และไม่ได้สนใจงาน ผอ.ที่ทีมเสนอให้ สุดท้ายเลยต้องแยกทางกัน เป็นอะไรที่ทั้งน่าเศร้า และน่าละอายที่ทีมหมาป่าไม่อาจรั้งตำนานให้ปิดฉากการค้าแข้งกับทีมรักได้ เห็นฟุตบอลเป็นธุรกิจเต็มรูปแบบ
เอาล่ะครับ ต่อจากนี้คือบทแถลงข่าวฉบับเต็มที่ยาวมากๆ ต้องเตือนกันก่อน แต่แอดคิดว่ามันคุ้มค่าที่จะอ่านถ้อยคำ ความในใจของทั้งสโมสร และตัว เด รอสซี่ ถ้าพร้อมแล้วไปฟังกันได้เลย
---
Cr.
Francesco Totti Club Thailand https://www.facebook.com/totticlubthailand/posts/1236457673184813?__tn__=K-R
ต่อไปเป็นความคิดเห็นจากผมบ้าง ที่อ่านมาคือบอร์ดโรม่าต้องการให้พี่แดงแขวนสตั๊ดแล้วไปทำงานกับสโมสรเหมือนเฮียต๊อต
แต่พี่แดงแกยังไม่หมดไฟ ส่วนตัวมันอาจจะเพราะเร็วไปให้ก็ได้ คือถ้า EDF ยังอยู่พี่แดงน่าจะได้ต่อสัญญาตามที่ได้สัญญา
แต่เมื่อ EDF ไปแล้ว มอนชี่ก็ไปแล้ว สัญญาที่ยังไม่ได้ต่อเลยครุมเครือยิ่งไปใหญ่ จนสโมสรบอกว่าพี่แกจะไม่ได้รับการต่อสัญญา
ซึ่งเห็นอะไรที่ปุ๊ปปั๊ปจนเกินไป แฟนๆ โรม่าและอาจรวมถึงแฟนกัลโช่ซึ่งรวมถึงผม ส่วนใหญ่ให้ความเห็นไปในทางเดียวกันว่า
ควรให้สัญญาอย่างน้อยอีกสักปี แล้วแขวนสตั๊ดจบตำนาน One Man Club กับโรม่าอย่างสวยๆ แต่นี่มันฉุกละหุกจนเกินไป
เข้าใจฟีลแฟนโรม่าเลย 2 ปีก่อนต๊อตติเลิกเล่น ปีต่อมาเสียนักเตะอย่างเนียงโกลันกับสตรูทมัน มาปีนี้ก็จะเสียพี่แดงไปอีก
เชื่อว่าแฟนมลานก็เคยมีประสบการณ์นี้กับปีร์โล่หรือแม้แต่เทพดำ, น้าอัม แฟนยูเว่ที่เคยประสบพบเจอกับกรณีป๋าเดล
หรือแม้แต่แฟนอินเตอร์ที่ต้องบอกลาซานเน็ตติที่นัดสุดท้ายแกยังวิ่งขึ้นลงได้เป็นม้าอยู่เลย หลังๆ ตำนานจบไม่สวยกันทั้งนั้น
ส่วนตัวถึงจะเป็นแฟนมิลาน แต่พี่แดงก็เป็นหนึ่งในรักเตะที่ชอบและรักมากที่สุด ถูกชะตามาตั้งแต่บอลโลก 2006
ช่วงช่อง 11 เอากัลโช่มาถ่ายก็เชียร์โรม่านี่แหละให้แย่งแชมป์กับอินเตอร์ ผมยังพูดเสมอเลยอยากให้แกได้แชมป์ลีกกับโรม่าสักครั้ง
แต่ภาพนั้นคงจะไม่เกิดตามจินตานาการของผมแล้วล่ะ และคิดว่าบอร์ดโรม่าทำเกินไป ไม่ให้เกียรติแกเลย
ตั้งแต่ดูบอลมาช่วงพีคๆ นี่มีข่าวหมดทั้งเชลซี แมนยู บาร์ซ่า มาดริด มิลาน อินเตอร์ บลาๆ จะย้ายก็หลายรอบ แต่แกก็ไม่ย้ายสักที
ถ้าย้ายไปสโมสรเหล่านี้ เชื่อว่าแกคงมีถ้วยประดับบารมีเยอะกว่านี้ แหละได้การยอมรับในวงกว้างมากกว่าที่เป็นอยู่แน่นอน
ว่าแล้วก็เจ็บใจแทน เชื่อล่ะว่าฟุตบอลตอนนี้มันเป็นธุรกิจจนเกินไป เกินกว่าจะให้ความสำคัญกับนักเตะที่จงรักภักดีแบบพี่แดงเสียแล้ว