“จำคดีฆ่าเด็กหญิงแล้วยัดท่อระบายน้ำที่ จ.ตรังได้ไหม เหยื่อชื่อ "น้องเพลง" ผู้ต้องหาชื่อ "แต๋ม หมื่นบาล"(ผมขอเอ่ยชื่อเพื่อทวงคืนความถูกต้องของชื่อนี้จากสังคมให้กับเขา) เหตุเกิดตอนปี 57 ศาลชั้นต้นตัดสินประหารชีวิต ศาลอุทธรณ์ลดโทษเหลือประหารชีวิต เมื่อวานนี้ศาลฎีกาพิพากษาแบบพลิกตาลปัตรเลย คือยกฟ้อง คืนเสรีภาพให้กับจำเลย

ไปหาอ่านสำนวนกันเอาเองนะ ในสำนวนระบุรายละเอียดต่างๆ ที่ศาลนำมาพิจารณาแล้วไม่เชื่อว่าจำเลยเป็นผู้กระทำในคดีนี้ ซึ่งใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อตามคำพิพากษาก็ว่ากันไป แต่พอตัดสินถึงที่สุดแล้วจำเลยคือผู้บริสุทธิ์ แต่กว่าจะพิสูจน์ตัวเองได้ก็ติดคุกฟรีไปเกือบๆ 5 ปีเพราะไม่มีเงินประกันตัว ครอบครัวล่มสลาย ลูกต้องแตกกระจายไปให้คนอื่นเลี้ยง สองคนต้องหยุดเรียนเพราะหมดเงินในการสู้คดี

ถ้าจำกันได้อีก คดีนี้เป็นคดีที่เกิดปรากฏการณ์เรียกร้องโทษประหารกันเยอะมาก เกิดเคมเปญข่มขืน=ประหาร

ผมไปเจอคนคอมเม้นในข่าวยกฟ้อง พวกที่เคยเรียกร้องแคมเปญนี้แหละพยายามแก้ตัวว่า ให้ข่มขืน=ประหาร หมายถึงคดีถึงที่สุดแล้ว ไม่ได้อยากให้ประหารผิดตัว

ประเด็นคืออะไรรู้ไหมครับ การแก้ตัวแบบนี้เท่ากับลอยตัวเหนือปัญหา ขาดความรับผิดชอบ เพราะกระแสสังคมมันเกิดตอนเหตุการณ์กลายเป็นข่าว หมายถึงจำเลยถูกสังคมพิพากษาทันทีที่เป็นข่าว มีเพจดังเอาไปขยาย นายแต๋มเล่าว่า ครอบครัวถูกประณามหยามหมิ่น ไม่มีใครคบหรืออยากยุ่งกับครอบครัวตน เพราะเชื่อว่าตนเลว ไม่มีใครอยากช่วยเหลือ ส่วนลูกๆ กลายเป็นลูกฆาตกรฆ่าข่มขืนแล้วอำพรางศพ นั่นคือสายตาที่สังคมรอบข้างมองมายังครอบครัวนี้

ใครชดเชยความเสียหายนี้ได้บ้าง?

แน่นอนว่าไม่มี สังคมไทย เพจดังๆ สื่อใหญ่ๆ แค่รอเหยื่อรายใหม่เกิดขึ้นเท่านั้นเอง แต่ไม่มีใครเข้าใจกระบวนการยุติธรรมที่แท้จริง เรามองเห็นแต่ผล คือตัวนักโทษ อาชญากร จำเลยว่าเป็นคนชั่วช้าที่ควรกำจัด เราเอาแต่เรียกร้องและด่วนพิพากษา จนขาดความยั้งคิดถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้จำกัดอยู่แค่ตัวจำเลย ความเสียหายนั้นยากจะประเมินเป็นตัวเงิน สมาชิกครอบครัวจำเลยบางคนเครียด ป่วย ซึมเศร้า หยุดเรียน ครอบครัวแตกกระสานซ่านเซ็น

ที่เขียนนี่ไม่ได้ละเลยความสงสารต่อครอบครัวของเหยื่อคือพ่อแม่น้องเพลง แต่เป็นหน้าที่ของตำรวจ กระบวนการยุติธรรมชั้นต้นที่ต้องรื้อสำนวนสอบสวนใหม่(ซึ่งยากมากๆ แต่ก็ต้องทำ) แต่กำลังพูดถึงเหยื่ออีกคน หรือหลายๆ คน คือจำเลยที่ถูกสังคมพิพากษาก่อนกระบวนการยุติธรรมสิ้นสุด รวมถึงครอบครัวที่ได้รับผลกระทบที่ตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย

ในขณะที่พวกเรียกร้องแคมเปญให้ประหารนักโทษก็ยังลอยตัวอยู่เหนือปัญหาต่อไป พอใครคัดค้านก็พูดส่งเดชว่าให้รับไปเลี้ยงเองที่บ้าน เราอยู่กับคนกลวงๆ แบบนี้เยอะมากในสังคม ซึ่งมันก็สะท้อนคุณภาพของสังคมไทยได้ดีว่ายังขาดวุฒิภาวะมากมายมหาศาลเหลือเกิน.”

#มิตรสหายท่านหนึ่ง