แข้งบุนเดสลีกา
Status:
: 0 ใบ
: 0 ใบ
เข้าร่วม: 31 Dec 2009
ตอบ: 9122
ที่อยู่: Manchester
โพสเมื่อ: Mon Mar 25, 2019 15:41
ลียง ในยุค # ลียง ลงเป็นยิง #
ถ้าเราจะพูดถึงฟุตบอลลีกเอิง ของฝรั่งเศษ ณ ชั่วโมงนี้คงจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่า "ปารีส แซงต์ แชร์กแมง" (P$G) คือทีมที่ผูกขาดความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่องในช่วงยุคหลัง ด้วยอำนาจอันมหาศาลทางด้านการเงินของกลุ่มทุน "Qatar Sports Investments (QSI)" ที่มี นาสเซอร์ อัล เคไลฟี เป็นประธานของสโมสร แน่นอนว่าพวกเค้าสามารถที่จะดึงดูดซุปเปอร์สตาร์ และโค้ชมากฝีมือของโลกใบนี้มาสู่ทีมได้อย่างไม่ยากนัก แต่หากเราจะมองย้อนไปช่วงยุคปี 2001 เป็นต้นมาจนถึงปี 2008 สโมสรฟุตบอลโอลิมปิก ลียง หรือที่บ้านเรารู้จักกันในนาม "ลียง ลงเป็นยิง" คือทีมที่ครองความยิ่งใหญ่ของฟุตบอลลีกฝรั่งเศสมาตลอดในช่วงเวลานั้น ด้วยผลงานการคว้าแชมป์ลีกเอิง 7 สมัยติดต่อกัน
Final Game of The Season 2001/02
ในฤดูกาล 2001/02 คือฤดูกาลสุดท้ายที่ฟุตบอลลีกสูงสุดของประเทศฝรั่งเศสใช้ชื่อว่า "French Division 1" ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็น "Ligue 1" ในฤดูกาลถัดมา โดยการแข่งขันนัดสุดท้ายของฤดูกาล ลียงต้องเปิดสนาม "Stade Gerland" รับทีมจ่าฝูงอย่างล็องส์ ที่มีเอล ฮัดจิ ดิยุฟ เป็นตัวทีเด็ด ก่อนเกมแข่งขันจะเริ่มต้น ลียงมีคะแนนตามหลังทีมผู้มาเยือนอยู่ 1 คะแนน ซึ่งแน่นอนว่าล็องส์ต้องการเพียงแค่ผลเสมอ พวกเค้าก็จะเข้าป้ายเป็นแชมป์ทันที ทำให้สถานการณ์ของลียงต้องเก็บ 3 คะแนนเท่านั้น ทันทีที่ผู้ตัดสินเป่านกหวีดเริ่มการแข่งขัน เจ้าถิ่นเปิดเกมรุกเข้าใส่ผู้มาเยือนทันทีและในนาทีที่ 7 กองเชียร์เจ้าถิ่นก็ได้เฮลั่นกันทั้งสนาม จากจังหวะที่ซิดนีย์ โกวู ได้บอลหนีจากตัวประกบก่อนจะสับไกระยะเกือบ 30 หลา บอลพุ่งเรียดเข้าเสาแรกไปอย่างสวยงาม เป็นประตูขึ้นในกับลียง และเป็นประตูที่ 10 ในฤดูกาลของเจ้าตัว หลังจากนั้นประตูที่สองก็ตามมาอย่างรวดเร็วในอีก 7 นาทีต่อมา เมื่อซอนนี่ แอนเดอร์สันได้บอลในจังหวะแก้ไขของโกวู ก่อนจะถ่ายบอลไปพื้นที่ด้านซ้ายให้ Pierre Laigle เปิดบอลเข้ากรอบเขตโทษแล้วเป็น Philippe Violeau ล้มตัวดีดบอลเข้าไปสู่ก้นตาข่าย เป็นประตูทิ้งห่างผู้มาเยือน 2-0 ทว่าในนาทีที่ 27 ล็องส์ก็ได้ประตูตีไข่แตกจากลูกยิงของ จาเซ็ค บาค ที่เคยค้าแข้งกับลียงมา 6 ปี จนกระทั่งหมดครึ่งแรกด้วยสกอร์ 2-1 เกมเข้าสู่ครึ่งเวลาหลัง ยังคงเป็นเจ้าถิ่นที่เปิดเกมบุก แล้วมาสัมฤทธิ์ผลในนาที 52 จากจังหวะที่จูนินโญ่ โชว์สกิลเลี้ยงบอลแหวกผู้เล่นล็องส์ 3 คน ก่อนจะคิลเลอร์พาสให้ Pierre Laigle ยิงแฉลบกองหลังบอลลอยข้ามหัวผู้รักษาประตูทีมเยือนไป เป็นประตูทิ้งห่างให้กับเจ้าถิ่นอีกครั้ง แม้ว่าในเวลาที่เหลือล็องส์จะทวงเอาประตูคืนแต่ก็ไม่สำเร็จ จบเกมการแข่งขัน ลียงเก็บชัยชนะเหนือล็องส์ 3-1 คว้าแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร ภายใต้การคุมทีมของ ฌัก ซ็องตีนี่ ที่วางมือหลังจบฤดูกาล เพื่อไปคุมทีมชาติฝรั่งเศสในเวลาต่อมา
4 Managers and 7 Titles
ฌัก ซ็องตีนี่ (2000/2002) : เป็นผู้บุกเบิกความยิ่งใหญ่ของลียง อีกทั้งยังฝากสมบัติอันล้ำค่าให้กับทีมอย่าง "จูนินโญ แปร์นัมบูกาโน"
Division 1: 2001–02
Coupe de la Ligue: 2000–01
โปล เลอ เก็น (2002/2005) : เข้ามาสานงานจากสิ่งที่ ฌัก ซ็องตีนี ได้เริ่มไว้ ผู้นำพาลียงคว้าแชมป์ลีกมากที่สุด และเป็นกุนซือที่สร้างสรรค์ลียง ให้เป็น "ลียง ลงเป็นยิง"
Ligue 1: 2002–03, 2003–04, 2004–05
Trophée des Champions: 2002, 2003, 2004
เชราร์ อุลลิเย่ร์ (2005/2007) : ผู้รับไม้ต่อความสำเร็จ เพิ่มเติมคือของแสลงในเวทียุโรปแก่ "เรอัล มาดริด"
Ligue 1: 2005–06, 2006–07
Trophée des Champions: 2005, 2006
อแล็ง แปร์แร็ง (2007/2008) : ผู้เข้ามาปิดตำนานความยิ่งใหญ่ของลียง
Ligue 1: 2007–08
Coupe de France: 2008
UEFA Champions League
ในเวทีระดับยุโรปก็เป็นอีกสิ่งหนึ่ง ที่พิสูจน์ความแข็งแกร่งของลียง ที่ไม่ใช่ใครจะมาต่อกรด้วยง่ายๆ หากย้อนไปตั้งแต่ฤดูกาล 2003/04 - 2006/07 ทีมแชมป์ลีกเอิง 7 สมัยซ้อน สามารถผ่านรอบแบ่งกลุ่มในฐานะแชมป์กลุ่มได้ทุกฤดูกาลเหนือบิ๊กทีมอย่าง บาเยิร์น มิวนิค, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเรอัล มาดริด ตามลำดับ โดยเฉพาะเรอัล มาดริด ที่อยู่รอบแบ่งกลุ่มเดียวกับลียงในฤดูกาล 2005/06 - 2006/07 ไม่สามารถเอาชนะลียงได้เลยตลอด 4 นัด ที่พบกัน แพ้ 2 เสมอ 2 สกอร์รวม 3-8 เรียกได้ว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากันอย่างชัดเจน ซึ่งลียงสามารถทะลุถึงรอบ "Quarter-finals" ได้ถึง 3 จาก 4 ฤดูกาลที่กล่าวมาข้างต้น อีกเหตุการณ์สำคัญที่น่าสนใจคือในฤดูกาล 2004/05 รอบ First knockout round ที่ลียงต้องโคจรมาพบกับ "นกนางนวล" แวร์เดอร์ เบรเมน ของเยอรมัน ซึ่งลูกทีมของโปล เลอ เก็น ประกาศศักดาความเป็นยอดทีมของยุโรป อัดทีมแชมป์บุนเดสลีกาทั้งไป-กลับ แบบยับเยิน (3-0, 7-2) ผ่านเข้ารอบด้วยสกอร์รวม 10-2 และนั่นคือที่มาของฉายา "ลียง ลงเป็นยิง" โดยผลงานดีที่สุดในเวทีแชมเปี้ยนส์ ลีก ของพวกเค้าก็คือฤดูกาล 2009/10 ที่สามารถทะลุเข้าถึงรอบ Semi-finals ก่อนจะพ่ายให้กับบาเยิร์น มิวนิค
มิคาเอล เอสเซียง และซิลแวง วิลตอร์ ทำคนละ 2 ประตู ในเกมที่เปิดบ้านถล่มเบรเมน 7-2
The Three Musketeers
ในช่วง 7 ฤดูกาลที่โอลิมปิก ลียงครองความยิ่งใหญ่ ย่อมจะมีนักเตะที่เป็นกำลังสำคัญ ในตามยุคสมัยของผู้จัดการทีมของแต่ละฤดูกาลมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ซอนนี่ แอนเดอร์สัน, มิคาเอล เอสเซียง, มาฮามาดู ดิยาร์ร่า, เอริค อบิดัล, คริส, ฟลอร็อง มาลูด้า, เฟร็ด, ฮาร์เต็ม เบน อาร์กฟา, ยอน คาริว, คิม คัลสตรอม และคาริม เบนเซม่า ฯลฯ แต่มีเพียงสามนักเตะที่อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับทีม นับตั้งแต่ฤดูกาล 2001/02 ที่คว้าแชมป์ลีกสมัยแรก จวบจนมาถึงสมัยที่ 7 ในฤดูกาล 2007/08 ก็คือ เกรเกอรี่ คูเปต์, ซิตนีย์ โกวู และจูนินโญ่ แปร์นัมบูกาโน โดยทั้งสามติด 10 อันดับผู้เล่นที่ลงเล่นให้สโมสรมากที่สุด โดยนายทวารเลือดน้ำหอมย้ายมาจากแซงต์ เอเตียน เมื่อปี 1997 ลงเล่น (518 นัด/อันดับ 2) เป็นรองนักเตะรุ่นพี่ในช่วงทศวรรษ 69's - 83's อย่าง Serge Chiesa (541 นัด) ทั้งยังเคยได้รางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมของลีกเอง 4 สมัยติดต่อกัน (ปี 2003-2006) ด้านโกวู เป็นนักเตะเยาวชนของลียงตั้งแต่ปี 1996 ด้วยวัย 17 ปี และก้าวสู่ทีมชุดใหญ่ในปี 1999 ลงเล่น (412 นัด/อันดับ 5) ปิดท้ายด้วยเจ้าพ่อฟรีคิก จูนินโญ่ ย้ายมาร่วมทีมปี 2001 หลังจากค้าแข้งกับวาสโก ดา กามา ในลีกบ้านเปิดมา 6 ปี ลงเล่น (344 นัด/อันดับ 7)
Juninho Pernambucano
ลูกยิงยิงฟรีคิกระยะเกิน 30 หลา บอลพุ่งแหวกอากาศเช็ดสามเหลี่ยมบนเข้าประตูไปอย่างสวยงาม ชนิดที่ผู้รักษาหมายเลขหนึ่งของโลก ณ เวลานั้นอย่าง "โอลิเวอร์ คาห์น" ถึงกับเสียผู้เสียคน ในศึกฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2003/04 มันคือที่มาของการยิงลูกฟรีคิกแบบ "Knuckle Balling" เค้าคือตำนานอย่างแท้จริงของสโมสร มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่ว่าใครก็ยากจะเลียนแบบหรือทำตาม ตลอดระยะเวลา 8 ปี ที่ดาวเตะเลือดแซมบ้าค้าแข้งให้กับลียงนั้น ยิงไปทั้งหมด 100 ประตู โดยมาจากลูกฟรีถึง 44 ประตู เรียกได้ว่ายุค "ลียง ลงเป็นยิง" ได้ลูกฟรีคิกก็เสมือนได้ลูกจุดโทษ ไม่ว่าจะเป็นระยะกี่หลา มุมแคบ มุมกว้างหรือเกือบครึ่งสนาม ก็ถือเป็นระยะทำการของจูนินโญ่ทั้งหมด ด้วยการเป็นนักเตะที่มีระเบียบวินัย ความเป็นผู้นำ การให้เกียรติเพื่อนร่วมอาชีพ ลูกฟรีคิกที่ได้รับการยอมรับว่าดีที่สุดในโลก และผลงานในการพาลียงเป็นแชมป์ลีก 7 สมัยติด ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่า จูนินโญ่คือนักเตะที่ดีที่สุดของลียงเท่าที่เคยมีมา โดยตำนานเลือดแซมบ้าได้กล่าวประโยคสั้นๆเพียงว่า...
“I spent the best years of my life with Lyon.”
"ผมใช้ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตไปกับลียง"
“I studied him intently, collecting DVDs, even old photographs of games he’d played. He never got it wrong. Never. I checked out his stats and realised it couldn’t just be chance.”
"ผมศึกษาการยิงลูกฟรีคิกของเค้าอย่างตั้งใจ ทั้งดีวีดี หรือกระทั่งภาพถ่ายเก่าๆที่เค้าเล่น เค้าไม่เคยพลาดเลย ไม่เคย ผมเช็คดูจากสถิติของเค้า และตระหนักขึ้นได้ว่ามันแทบไม่มีโอกาสเลย" ปีร์โล่กล่าวถึงผู้ที่เป็นต้นแบบในการยิงลูกฟรีคิก
Juninho Best Free-kicks
2007–08 Olympique Lyonnais season
ฤดูกาล 2007/08 ถือเป็นฤดูกาลที่ลียงทำผลงานได้ดีที่สุด นับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรมา 58 ปี (ก่อตั้งสโมสรปี 1950) โดยอแล็ง แปร์แร็ง เข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีมลียง แทนที่ของเชราร์ อุลลิเย่ร์ ที่ประกาศวางมือ ซึ่งแปร์แร็งสามารถนำลียง คว้าถึง 3 แชมป์ในฤดูกาลเดียว เริ่มต้นจาก Trophée des Champions ที่เป็นการนำทีมแชมป์ลีกเอิงมาพบกับ แชมป์ฟุตบอลถ้วยของประเทศอย่าง Coupe de France ในฤดูกาลที่แล้วมาเจอกัน โดยลียงสามารถกำชัยเหนือโซโชช์ไป 2-1 และเป็นการชนะเลิศ 6 สมัยติดต่อกันในรายการนี้ ต่อด้วยแชมป์ Ligue 1 สมัยที่ 7 ติดต่อกัน และปิดท้ายกับแชมป์ Coupe de France ซึ่งเป็นถ้วยที่ห่างหายไปนานของสโมสร นับตั้งแต่ปี 1973 ในเวทียุโรปกับฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก สามารถเข้าถึงรอบ Quarter-finals โดยปราชัยให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสโมสรในฤดูกาลนี้ มันก็เปรียบเปรยกับวลีเด็ดที่ว่า "ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า" หลังจากที่ลียงครองความยิ่งใหญ่ฟุตบอลลีกสูงสุดของฝรั่งเศส มานับตั้งแต่ฤดูกาล 2001/02 ลียงก็ไม่สามารถที่จะคว้าแชมป์ลีกได้อีกเลย นับตั้งแต่ฤดูกาล 2007/08 เป็นต้นมา ถือเป็นการปิดฉากความยิ่งใหญ่ในยุค "ลียง ลงเป็นยิง"
แชมป์ Coupe de France ครั้งแรกในรอบ 35 ปี
คาริม เบนเซม่า ยิงไปทั้งหมด 31 ประตู จากทุกรายการ ครองตำแหน่งดาวซัลโวของทีม
จังหวะหลอกยิง GK แบบเหนือชั้น
Present -
นับตั้งแต่ได้แชมป์ลีกเอิงครั้งสุดท้าย ในฤดูกาล 2007/08 ผลงานในลีกของลียงสามารถเกาะกลุ่มบนของตาราง และจบอันดับ 2-5 ของฤดูกาล ได้มาโดยตลอด คว้าตำแหน่งรองแชมป์ถึง 3 ฤดูกาล (2009/10, 2014/15, 2015/16) อีกทั้งยังได้แชมป์ Coupe de France ในฤดูกาล 2011/12 ซึ่งเป็นสมัยที่ 5 ของประวัติศาสตร์สโมสร โดยเป็น P$G ที่ก้าวขึ้นมาครองความยิ่งใหญ่ของฟุตบอลฝรั่งเศสแทน ถึงแม้ว่าลียงจะไม่ประสบความสำเร็จในลีกสูงสุด มานานเกินกว่า 10 ปี และยังคงโหยหาแชมป์ลีกสมัยที่ 8 ของพวกเค้า แต่ผลงานของลียง ในยุค "ลียง ลงเป็นยิง" ก็ยังคงที่จดจำ และเป็นเรื่องที่เล่าขานของแฟนฟุตบอลไปอีกนานเท่านาน
List of French Football Champions
แก้ไขล่าสุดโดย piyakun เมื่อ Mon Mar 25, 2019 16:12, ทั้งหมด 2 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ