ขอแบบไม่ต้องมีเบอร์ ไม่ต้องมีโลโก้ เขียน ชื่อ-นามสกุล คนที่ตัวเองจะเลือกก็พอ
ถ้าใครเขียนหนังสอไม่ได้ให้แจ้ง ค่อยมีแบบกาให้

ให้กำหนดบทลงโทษแรงแค่ไหน ถ้าบังคับใช้อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรมไม่ได้ ปัญหาก็ไม่จบหรอกครับ เมื่อความน่าเชื่อถือของระบบยุติธรรมมันไม่มี กระบวนการเรียนรู้ของภาคประชาชนก็ไม่เกิดหรอก เพราะผมมองว่าการนิยามของการศึกษาที่พูดถึงกันอยู่มันไม่ใช่คำตอบ เอาง่ายๆดร.หลายๆคนยังรับฟังข้อมูลด้านเดียว สื่อสารข้อความที่เป็นเพียงการโฆษณาชวนเชื่อเป็น propaganda ออกมาให้หลอกสังคม นี่คือประชาชนที่มีคุณภาพในระบอบประชาธิปไตยเหรอ?

ไม่สำคัญว่าประชาชนต้องเรียนสูงหรอกครับ แต่ต้องมีการเรียนรู้ในการรับฟังข้อมูลที่รอบด้านและคิดวิเคราะห์ มีความสงสัยและใคร่รู้ในการหาความจริงของข้อมูลที่ได้รับ สำคัญคือข้อมูลที่ถูกป้อนให้กับสังคมควรเอาข้อเท็จจริงมานำเสนอ ไม่ควรเติมข้อคิดเห็นแล้วรายงานเสมือนว่าเป็นข้อเท็จจริงเพื่อหลอกประชาชนครับ การเรียนรู้มันถึงจะเกิดได้ แล้วมันต้องใช้เวลา ไม่ใช่บอกว่าประชาชนไม่มีคุณภาพพอ งั้นปฏิวัติเลือกให้แทนเลยละกัน ซึ่งสิ่งที่ตามมาคือการฟอกตัวของคณะปฏิวัติด้วยการ propaganda ใส่ข้อมูลที่โจมตีฝั่งตรงข้าม ทำให้ประชาชนสับสนจนไม่รู้ว่าอันไหนคือข้อเท็จจริง วนลูปไปเรื่อยๆแบบนี้แล้วเมื่อไรประชาชนจะได้เรียนรู้ล่ะครับ

การเป็นเครือญาติหรือคนรู้จักกับส.ส. ไม่ว่าจะแบบเลือกตั้งหรือแต่งตั้งมันก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้หรอกครับ อย่างแต่งตั้งสนช.เองเราก็เห็นว่าเป็นคนรู้จักของผู้มีอำนาจแต่งตั้งทั้งนั้น
แล้วส.ว.แบบเลือกตั้งเอง มันก็มีทั้งจากฝั่งรัฐบาลและฝ่ายค้านนะครับ ผมว่ามันยังการคานอำนาจได้มากกว่าการแต่งตั้งที่มาจากฝั่งใดฝั่งหนึ่งอย่างชัดเจน ทางแก้ของการเพิ่มการคานอำนาจกับสภาล่าง มันก็สามารถทำได้หลายวิธีอย่างการกำหนดการเลือกตั้งส.ว.แบบทีละครึ่งโดยไม่ให้พร้อมกับการเลือกตั้งส.ส. ถ้ารัฐบาลทำผลงานดี ส.ว.จากฝั่งรัฐบาลจะเข้ามามากขึ้นทำงานสะดวกจึ้น แต่ถ้ารัฐบาลทำไม่ดี ส.ว.จากฝ่ายค้านจะเข้ามามากขึ้นไว้คอยเบรครัฐบาล หรือจะกำหนดข้อบังคับห้ามลงสมัครในกรณีคู่สมรสดำรงตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งอยู่ก็ได้ แต่จะบอกว่าห้ามเครือญาติและเพื่อนฝูงไปเลยมันทำไม่ได้หรอกครับ เพราะคนแบบเดียวกันเค้าก็จะคบกันอยู่ในกลุ่มคนแบบเดียวกันนั่นแหละ ซึ่งเป็นหน้าที่ของประชาชนในการตัดสินใจ

อันนี้จะมีแบ่งเขตหรือว่าลงสมัครเป็นตัวแทนแบบทั้งประเทศเขตเดียวไปเลยครับ แล้วผู้สมัครต้องสังกัดพรรคการเมืองมั้ยครับ เพราะสงสัยแค่เรื่องนโยบายว่าถ้าไม่มีพรรคการเมือง ไม่มีการกำหนดนโยบายก่อน พอเข้าไปในสภามันจะวุ่นวายในการดำเนินนโยบายรึเปล่า? แล้วบางคนก็ไม่ได้เลือกที่ตัวบุคคลแต่เลือกที่นโยบายพรรคเลยสงสัยครับ

ไร้สาระจริงๆ

นึกถึงตอนมัธยมเลย
เพื่อนผมนับถืออิสลาม ต้องมาเรียนวิชาพุทธศาสนา

จะสังกัดหรือไม่สังกัดก็แล้วแต่ครับแต่เวลาเลือกใช่เขียนชือ นามสกุลเอาครับ
ถ้าจะเผื่อคนเลือกนโยบายไม่ได้เลือกตัวบุคคล ก็คงต้องมีสองใบไว้เลือกพรรคก็ใช้วิธีเขียนชื่อพรรคเอา อันนี้ผมคิดเองนะ มันแสดงถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เราจะลือกดี

โห ชื่นชมมาตั้งนาน หางมาโผล่ตอนเลือกตั้งนี่เอง

อาจจะมีปัญหานิดหน่อยสำหรับเรื่องการลงคะแนนเป็นความลับนะครับ เพราะอาจสามารถระบุลายมือของผู้ลงคะแนนได้ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อหัวคะแนนในการไปไล่เช็คเสียงที่ซื้อไป
กับอีกกรณีที่ผมเป็นห่วงคือการสะกดชื่อ-นามสกุลผิดจะกลายเป็นบัตรเสียหรือไม่ เพราะถ้ามีคนที่ชื่อสะกดยากๆขึ้นมา (ยกตัวอย่างเล่นๆอย่าง ปัณฐฑิตญาณัฐฐุ์) แบบนี้อาจจะมีคนสะกดผิดเยอะเลย

กรุแอบปลื้มมาตั้งนานความคิดโครตต่ำตม

เสียดายความ milf

เงาะ อะไรของเงาะ เดี๋ยวจับตีก้นซักป้าบ