ป่ะ  

โอ้ทันน่าแรกด้วย  

ไลฟ์น้องมายด์ สนุกมาก เลย สรุปไลฟ์
https://www.facebook.com/YourSmileBNK48/posts/783401992046089?__xts__%5B0%5D=68.ARAN5HL9QZOJTs8hjtUXFrd3s0oD_0vhGZWwkDi8McHD5nQblQxtM_wVEU4z3GLBkoNmzpBwddORrxDXR1XbBmBTnntRN9mEqhSkxIWu8x-eWFoXOwhWsi-e3Kb9VWa4WxO0gwAm5sL0BbSqmA_XQxoUC0ZUtvAR7EsAUK4gZtPd4vgEJCaJNXvr9M84VqD83-LdMNe_Js53GsKMUtt_pk2N0Psq2iu6QNRNHO7iEMB80oxu_LgMFAD_AkKV5BvOunAw9gDB3msVMFJWKY9TAQMpAVh4oGeDmrzXe02rlUGfEDXPm42HarkCvrnHUdZWBWvEOcMXa__QVfI2BaGeG8Y&__tn__=K-R
สรุป Live Mind BNK48 21/3/2019

1. เปิดไลฟ์มาด้วยครอบครัวกาตุ่ยของน้องมายด์แต่ไร้ตัวเจ้าของ ทำให้ต้องนั่งมองเด็กๆพวกนั้นสักพัก น้องมายด์ถึงปรากฏตัวออกมาทักทาย

2. น้องมายด์โผล่ออกมาพร้อมกับเล่นหูเล่นตากับกล้องพร้อมพูดว่า “ หูยย รู้สึกเน็ตกากมากเลยอะ โห เน็ตก๊ากกาก เน็ตขึ้นสีแดง อะไรจะกากขนาดนี้ ”
(อีกแลัวหรอ?) เราก็นั่งดูน้องก็ทำท่าอึ่งไปสักพักใหญ่

3.พอน้องดูท่าทีได้สักพักแลัวน้องก็เริ่มพูดทักทาย “ ในที่สุดหนูก็มาไลฟ์แลัว เย้ ~ “ ต่อด้วย “ มาไลฟ์พร้อมกับเสื้อควีนส์การ์ด และกาตุ่นของหนูเอง เย้ ! “ และน้องก็บ่นเน็ตของน้องต่อว่าเน็ตของน้องดูช้ามาก อยากให้เน็ตเร็วกว่านี้ การแชทมันดูดีเลย์ไปหมด อ่านไม่รู้เรื่อง และพูดเสริมอีกว่า “ ทุกคนน หนูสาบานว่าหนูชื้อเน็ตแลัว แต่มันก็ไม่เร็วขึ้นจริงๆ .. มันต้องเป็นไลฟ์ที่กระตุกมากแน่ๆค่ะทุกคน หนูเสียใจจัง “จนเหมือนน้องจะทำใจและบอกว่า “ เอาเป็นว่า หนูจะไลฟ์ต่อไป แลัวให้ทุกคนเชื่ยมโยงกันเอาเองว่าหนูพูดอะไรไปบ้าง ก็จะเป็นการดีมากๆเลย ถ้าทุกคนสามารถเดาได้ “ และน้องเริ่มบ่นว่า ก่อนมาไลฟ์น่ะน้องได้ไปหาข้อมูลการเน็ตเรียบร้อยแลัวนะ เน็ตที่มันดีที่สุดสำหรับเราแลัว แต่โปรที่น้องเคยชื้อประจำ อยู่ดีๆมันก็ชื้อไม่ได้แลัว เลยใช้อันที่ดีที่สุดรองลงมาแทน ช่วงเวลานั้นน้องกัลวลมาก ว่าเน็ตมันจะเป็นไงต่อ

4. “ หนุอยากพูดมากตอนเนี้ย แต่คือเน็ตกากมาก “ จนน้องรู้สึกว่าต้องเริ่มพูดแลัว จึงเริ่มต้นด้วย “ เข้าประเด็นเลยดีกว่า เหมือนเราไม่ได้ไลฟ์มาประมาณ เอิ่มม จริงๆหนูคิดว่า 3 เดือน แต่ทุกคนบอกว่าหนูไม่ได้ไลฟ์มา 4 เดือนแลัว กับอีก 7 วัน ซึ่ง .. อยากให้ทุกคนรับรู้ เหตุที่ไม่ได้ไลฟ์เพราะว่า ทุกคนก็รู้ว่าตอนนี้เน็ตกระตุกแค่ไหน มันก็เป็นข้อเสียที่หนูไม่มาไลฟ์นั้นเอง คือไม่ได้ตั้งใจ แต่รู้สึกว่าถิ่นที่หนูอยู่ตอนนั้น และตอนนี้เน็ตก็ไม่ดีตลอดเลย เพราะว่าตอนนี้ไม่มีกล่อง Wifi แลัว ฮืออ ~ แต่ก็อาจจะชื้อ .. ชื้ออีกรอบนะทุกคน แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ ทุกคนอย่าเพิ่งโกรธหนูนะ “ ซึ่งมายก์อธิบายว่าเห็นตลอดว่ามีคนอยากให้ไลฟ์นะ แต่มายด์ก็คิดว่ายังไม่ใช่ตอนนี้ ซึ่งน้องก็เสียใจแหละ

5. “เอาหละค่ะ สิ่งที่หนูจะทำวันนี้ นั้นก็คือ หนูจะมาเปิดกระเป๋า เพราะจริงๆแลัวหนูดูไม่มีอะไรใช่มะ แลัวหนูไปอ่านทวิตเตอร์ไปเจออันนึงแลัวเหมือนทุกคนก็พูดประมาณว่า เออเนี้ย มายด์น่ะ มีโลกส่วนตัวสูงจังเลย หนูก็เลยรู้สึกว่าโลกส่วนตัวสูงของหนูก็คือ ของที่ใกล้ตัวของหนู ซึ่งมันก็คือกระเป๋าของหนูนี่แหละ เฉพาะนั้นจะมาพูดเกี่ยวกับกระเป๋าหนูกัน “ มายด์เริ่มเปิดกระเป๋าและเริ่มหยิบของมาโชว์ให้เพื่อนๆดู เพื่อจะโชว์ว่าการที่น้องเป็นคนโลกส่วนตัวสูงเนี้ย ของในกระเป๋าน้องจะมีอะไรบ้างนะ น้องก็เริ่มหยิบของมาทีละชิ้น ชิ้นแรกคือ กล่องใส่แว่น น้องเล่าว่าไปตัดแว่นมา เป็นแว่นสายตา และบ่นว่า เมื่อก่อนน่ะใส่คอนแทคเลนส์ เคยวัดที่ตอนเรียน รร เก่า แลัวเคยวัดได้ประมาณ 200 ก็ใส่แว่นกับคอนแทคเลนส์ 200 มาโดยตลอด แต่ก็ใส่บ้างไม่ใส่บ้าง พอใช้ไปสักพักน้องรู้สึกว่า คอนแทคเลนส์ที่ใช้อยู่มันไม่ชัดเลย น้องก็เลยไปวัดอีกรอบ ผลที่ได้คือ ตาข้างซ้ายของมายด์น่ะ สั้น 500 และเอียง 100 นึง ขวาก็สั้น 325 อีก เล่าไปพร้อมทำหน้าเศร้าไปด้วย ว่าทำไมสั้นเยอะกว่าเดิมขนาดนี้นะ หมอเองก็ตกใจเหมือนกัน เพราะอายุแค่นี้เอง มายด์ก็เลยไปตัดแว่นใหม่มา มายด์เลยบอกว่าเดวใส่ให้ดูๆ แต่ขอเปิดกระเป๋าให้เสร็จก่อน แต่ช่วงนี้ทุกคนจะเห็นมายด์ใส่บ่อยขึ้นนะ เพราะจะได้มองสบายๆไม่เบลอและดีต่อตาน้องมากๆ พูดจบก็หยิบของในกระเป๋าออกมาอีกชิ้นนั้นก็คือ เครื่องสำอาง และก็ ลิปสติก(สีชมพูกับสีแดง) และพูดชมตัวเองว่า เนี้ย ทุกคนต้องไปตามหาแน่ๆว่าน้องใช้ของอะไร เพราะปากหนูตอนนี้สวยมาก และก็หยิบคลีนซิ่ง ที่เอาไว้ล้างเครื่องสำอาง และของชิ้นที่หยิบออกมาต่อคือ หูฟังแบบไร้สาย อันนี้น้องเล่าว่า “ เป็นสิ่งที่ใช้ในชีวิตประจำวันบ่อยที่สุดเลย “ และพูดว่า ตอนนี้จะใช้ตัวนี้ตลอดเลย เพราะปกติแลัวเมื่อก่อน น้องจะใช้แบบมีสาย ซึ่งมันพังง่ายมาก เลยมาใช้แบบไร้สายจะดีกว่า จบจากหูฟังแลัวน้องมายด์ก็หยิบชิ้นต่อไปนั้นคือ ลูกอมรสแตงโม น้องบอกชอบมากๆเลย เสร็จปุ๊ปก็หยิบกระเป๋าตังมาโชว์ต่อ เป็นกระเป๋าตังที่มีกาตุ่ยห้อยอีกด้วย และก็มีกิฟติดผมด้วยที่น้องเอามาโชว์ต่อมา และน้องบอกว่า ชิ้นสำคัญต่อไปที่จะหยิบมาให้ดูเนี้ย จากที่ใครหลายคนบอกว่า หนูหายไป ไม่อัพ SNS อีกแลัว เพราะมายด์บอกว่า มายด์รู้สึกเป็นคนหาไรทำตลอดเวลาเลย และช่วงหลังก็รู้ตัวว่าเหตุผลที่เราไม่ไลฟ์ และไม่เล่น SNS เลยเนี้ย (แต่เข้า Twitter นะ เข้าบ่อยมากด้วย) จนหาเหตุผลได้คือ 1. มายด์ติดฟังเพลง 2. ชอบเล่น Youtube มากๆชอบหาอะไรดู ชอบดูการ์ตูน ดูเกมส์ ซึ่งน้องก็สารภาพมายด์ชอบ Youtuber นั้นก็คือพี่ เมอากับพี่พีช ซึ่งน้องยอมรับว่า ดูแลัวมีความสุขทุกครั้ง ดูบ่อย ดูแลัวติดคำพูดอะไรจากที่เค้ามาเยอะ รวมทั้งการดู แฮรี่พอตเตอร์ อีกด้วย ชอบเลียนแบบการพูด ซึ่งที่สิ่งน้องบอกมาทำให้น้องมายด์รู้สึกไม่มีเวลาให้ทุกคน แต่น้องก็บอกว่า จริงๆหนูก็มีนะ ออกแนวสารภาพ พร้อมอ้อนว่า “ ทุกคนต้องรักหนูเหมือนเดิมนะ “ และมีเหตุผลอีกอันที่ทำให้น้องห่างหายไปนั้นก็คือ น้องมายด์ติดอ่านหนังสือ มายด์บอกว่า “ ตอนนี้มายด์กำลังติดหนังสืออยู่ มายด์ไม่รู้ว่ามายด์จะอ่านให้ฟังได้มั้ย เพราะว่ามายด์อ่านทวิตแลัวเห็นหลายๆคนน่ะ เค้าก็พูดประมาณว่า ชีวิตก็ต้องนู้นนี้นะ เหมือนจะชอบอะไรที่เป็นคำคมน่ะ แต่เล่มนี้มันไม่ใช่ .. “ มายด์เลยบอกว่า เดวหนูจะอ่านให้ฟัง แต่หนังสือประเภทนี้จะเป็นแปลไทยมาจากต้นฉบับภาษาเกาหลี ก็เลยอาจจะฟังยากนิดนึง จะเป็นบทความที่ยาว ต้องอ่านและค่อยๆเข้าใจตัวเนื้อหา มายด์บอกว่าชอบบทนึง และอยากให้จะเล่าให้แฟนคลับฟัง

“ ในปกติแลัวในชีวิตของคนเรา เราจะได้รับโล่รางวัลกี่อัน คนธรรมดาๆอย่างฉันจะได้รับโล่รางวัลมาเพียงอันเดียวเท่านั้น มันเป็นโล่รางวัลในการแข่งขันเปียโน ตอนอายุประมาณ 10 ขวบ ตอนก่อนที่ฉันจะได้เข้าเรียนชั้นประถม ฉันจำได้ว่าได้ยินเสียงดนตรีแว่วมาจากโรงเรียนสอนเปียโนเล็กๆ ที่เปิดได้ไม่นานและก็จำได้ว่ามีครูสอนเปียโนผู้หญิงคนนึง เวลาเล่นจะชอบเอาผมไปถักหูไว้ข้างนึง ในความคิดของฉันคุณครูคนนั้นเหมือนนางฟ้า ตอนที่ฉันดินผ่านโรงเรียนสอนเปียโน ฉันจะคอยดูเปียโนผ่านหน้าต่างอยู่เสมอ สักพักฉันเลยบอกกับแม่ว่า ฉันอยากเรียนเปียโน และแม่ก็อนุญาตด้วยความเต็มใจ ในตอนนั้นมันดูเหมือนเป็นเรื่องไกลตัว เพราะว่าเด็กผู้ชายต้องเรียนเทควันโด ส่วนผู้หญิงก็ต้องเรียนเปียโน พอเรียนไปหลายครั้งจนจบเรื่องทฤษฎี ฉันเลยได้นั่งหน้าเปียโนครั้งแรก ฉันนั่งลง นั่งหลังตรง และรู้สึกว่าฉันเป็นนักเปียโนที่ยิ่งใหญ่ และเริ่มเล่น โด เร มี ฟา ซอง รา ที โด ตอนนั้นการไปเรียนเปียโนเป็นอะไรที่สนุกมาก คีย์เปียโนมันเปร่งประกายสวยงาม และในวันจันทร์ ฉันต้องตัดเล็บให้สั้น ถึงจะผ่านการตรวจ และจะได้รับลูกอมสีสันสวยงามเป็นรางวัล รสชาติของมันก็หวานอร่อยมาก การได้อ่านแค่โน็ตทั่วไป หรืออย่างเพลง เครื่องบิน หรือ ลูกหมีสามตัว ก็ยังรู้สึกสนุกได้ จากที่ตอนแรกที่ทำได้แค่ดู แต่พอได้เริ่มกดคีย์สีดำเป็นครั้งแรก กับการเหยียบแพดเดิ้ล(เป็นแป้นเหยียบที่ใช้ควบคุมเสียงคีย์บอร์ดและเปียโน) เป็นครั้งแรก หัวใจของฉันเต้นตุบๆ ตอนนั้นฉันกำลังลังเลกับความฝันตัวเองมาก ว่าระหว่างนักเปียโน กับ ครูสอนเปียโน ฉันจะเป็นอะไรดี ..

ความจริงแลัว ยังมีสิ่งนึงที่หวานกว่าลูกอมที่ได้รับหลังจากตรวจเล็บซะอีก สิ่งนั้นก็คือ คำชม เปียโนได้เปิดโลกให้กับฉัน ที่ฉันปกติเป็นคนหัวช้า และต้องสละคำชมให้เพื่อนๆคนอื่นเสมอ แต่ผ่านไม่ไปไม่นานฉันก็ได้เรียนจนจบเบเยอร์ก่อนเพื่อนๆจะเรียนจบกัน และวินาทีที่ฉันได้รับหนังสือเซอนี่เล่มสีแดงที่ฉันไฝ่ฝันอยากเรียนมาโดยตลอด ฉันก็ได้รับรู้ว่า เป็นครั้งแรกที่มีความรู้สึกเหนือกว่าคนอื่นมันหอมหวานแค่ไหน ตอนนี้เพื่อนๆมองกระเป๋าของฉันที่ใส่หนังสือเซอนี่ ด้วยสายตาอิจฉา ฉันก็เริ่มมีความตื่นเต้นและมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก จนหลายปีผ่านไป ฉันก็ได้รับรางวัลชนะเลิศจากการแข่งขันเปียโน ที่ไปแข่งพร้อมกับเพื่อนๆจากโรงเรียนเดียวกัน ตอนที่เห็นถ้วยรางวัลสีทองเปร่งประกาย และชื่อของฉันบนป้ายรางวัลของโรงเรียน ฉันเลยตั้งปณิธานว่าจะเล่นเปียโนตลอดชีวิต เปียโนเป็นสิ่งที่สนุกสำหรับฉัน แต่แลัวความสุขนั้นก็เริ่มเปลี่ยนไป แน่นอนว่าถ้าอยากจะได้รางวัลในครั้งต่อไปก็ต้องฝึกมากกว่าเด็กคนอื่น ถึง 5 รอบ คำตำนิที่ได้กว่าคำชมว่าต้องขยันและฝึกให้มากกว่านี้อีกเยอะ เล่นผิดไม่ได้ ต้องเล่นให้แม่นกว่านี้อีก ทำให้ความสนุกในการเล่นเปียโนนั้นลดลง ความสนุกในตอนแรกกลายเป็นภาระอันสมบูรณ์ ฉันแอบโดดเรียน และไปสนามเด็กเล่นบ่อยขึ้นเรื่อยๆ และไม่กี่เดือนหลังจากนั้น ฉันได้ลาออกจากโรงเรียนเปียโน ตอนนั้นฉันเรียนรู้ความรู้สึกแปลกๆ ความรู้สึกที่ชอบนั้น สร้างภาระให้ตัวเองเป็นครั้งแรก แต่พอได้ใช้มาเรื่อยๆ ก็มักจะต้องเผชิญความรู้ในตอนนั้นอยู่บ่อยครั้ง ช่วงเวลานั้นหลายสิ่งมากมายกลายเป็นภาระที่ต้องรับผิดชอบ มันเกินที่ฉันจะรับไหว ทั้งความฝัน และงานอดิเรก คนกับความรักก็เช่นกัน ในขีวิตเราสิ่งที่เกินจะรับไหวนั้น อาจจะเกิดขึ้นเพราะอย่างนั้นก็ได้ เพราะการใช้ชีวิตอย่างนั้น เราต้องอดทนกับชีวิตประจำ เป็นภาระที่ฉันต้องรับผิดชอบโดยที่ฉันเองก็ไม่รู้ตัว เมื่อมองข้ามภาระที่ไม่ต้องทำไม่ไ่ด้มาง่ายๆ(น้องหยุดอ่านละถามว่า งงมั้ย?) เราไม่ต้องการเรียนเปียโนอีกแลัว เราได้เป็นผู้ใหญ่แลัว เหตุที่เราไม่สามารถละทิ้งภาระไม่ได้ก็มากขึ้น และกับโลกส่วนตัวที่มากขึ้นเป็นธรรมดา เหมือนกับตอนที่นั่งอยู่เฉยๆ เท้าก็ลงไปแตะแพดเดิ้ลเปียโนเอง โดยตอนนี้ฉันก็แค่หวังว่า ภาระหน้าที่ที่เกินจะรับไหวนั้น บางครั้งก็ขอให้สนุกในตอนแรกที่ได้รับส่องลงมาที่ใบหน้าบ้างก็คงจะดีเพื่อให้เราสามารถรับมือความหนักของโลกได้ ... “
พออ่านจบ มายด์ก็บอกว่า มันสามารถเปรียบเทียบได้หลายอย่างนะ ถ้าใครได้ฟังตามน้อง และ ได้คิดตาม อาจจะเข้าใจอะไรได้อย่างๆขึ้น คือบางอย่างเราก็ต้อง แลกกับอะไรบางอย่างอีกทีนึง แต่ก็ตบท้ายว่ามันก็จะไม่ใช่ว่าไม่มีความสุขไปซะทีเดียวนะ ก็แค่ต้องรู้ว่าเรามีความเครียด ความกดดันขึ้นมากแค่ไหน ...มายด์บอกว่ามันเป็นไดดารี่ของคนๆนึงที่เราอ่านแลัวรู้สึกว่า มายด์ชอบ มันสะท้อนอะไรบางอย่างออกมาได้เหมือนกัน

6. จบจากการเปิดกระเป๋า มายด์ก็บอกว่าจะใส่แว่นให้ทุกคนดูนะ แต่อาจจะทำบางอย่างที่ทุกคนอาจจะตกใจ นั้นก็คือการถอด คอนแทคเลนส์ โชว์ ซึ่งก็ทำได้รวดเร็วมาก คือหยิบออกมาจากตาได้ทันทีเลย

7. พอใส่แว่นเสร็จมายด์บอกว่า จบแลัวนะ กับช่วงสาระ มาตอนนี้ที่ทุกคนจะคิดถึงอะไรเกี่ยวกับมายด์นั้นก็คือ การกินโชว์นั้นเอง ไลฟ์ครั้งนี้น้องเอา แซลมอลมากินยั่ว ผ่านไลฟ์กันเลยทีเดียว มีการพูดยั่ว พร้อมยกถาดแซลมอนขึ้นมาโชว์ แลัวบอก ไม่อ้วนๆกินตอนสี่ทุ่มเนี้ย บอกว่ามันปลานะ กินเวลานี้ไม่อ้วนหรอก

8. ระหว่างกิน มายด์ก็ถามว่า “ ทุกคนชอบหนังสือกันมั้ยคะ หนูชอบมากๆเลยนะ” และพูดถึงเรื่องการที่ตัวเอง เป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง ว่าคนเรามันมีกันไม่ง่ายหรอกนะ แต่ส่วนที่คิดว่าหนูมีโลกส่วนตัวมันมีเพราะหนูมาอยู่กรุงเทพนี่แหละ แต่จริงๆมายด์บอกว่า มันก็ตั้งแต่ตอนเรียนอีกนะ มันจะมีช่วงนึงตอน ม.ต้น ที่มายด์จะเป็นคนฟังเพลงตลอดเวลาจริงๆ คือการเดินไปเรียน เรียนเสร็จวิชานึงก็ใส่หูฟัง ฟังเพลงเดินไปเรียนอีกห้องนึง ตอนนั่งเรียนในห้องก็ฟังเพลง คือติดมาก จนเปลี่ยนหูฟังเยอะมาก เพราะใช้บ่อยและมันก็พังประจำ และจบที่ว่า มายด์น่ะเป็นคนเพื่อนเยอะนะ แต่สุดท้ายก็มานั่งเหงา สรุปคือมายด์ก็เป็นคนมีโลกส่วนตัวสูงจริงๆ

9. มายด์พูดถึงเสื้อควีนส์การ์ดที่ใส่อยู่ว่า มีคนให้มา เป็นขนาดใหญ่ซึ่งน้องชอบใส่ตัวใหญ่ๆ ละบอกว่า มายด์กลัวพี่แก้ว อารมณ์แบบ ไปบอกคนคนที่ชอบแลัวถ้าบอกไปแลัวคนที่ชอบเค้าเปลี่ยนไป น้องคงรับไมไ่ด้จริงๆ ก็เลย นานๆทีถึงจะหวีดหนัก

10. มายด์พูดถึงเรื่องสกิลซิปของน้องว่า น้องก็ไม่มีอะไรมากหรอก แค่อยากไปซบ อยากไปกอด บางทีก็ไม่สนิทกับใคร แต่ก็อยากจะไปจับ ไปกอดซะหน่อย ซึ่งก้ไม่ได้เป็นกับทุกคน ยิ่งกับพี่แก้ว มายด์จะไม่กล้า ต้องให้พี่แก้วมาจับตัวมายด์ก่อน ถือเป็นมารยาททางกาย ต้องให้เกียรติพี่แก้ว เพราะมายด์รักพี่แก้ว

11. มายด์พูดถึงตารางงานว่าพรุ่งนี่ก็มีงานแต่เช้าเลย และก็มีไปหาดใหญ่อีกด้วย ซึ่งมายด์บอกว่า หาดใหญ่เนี้ยไปบ่อยแลัว (3ครั้ง) ซึ่งมายด์ชอบแฟนคลัยต่างจังหวัดมากๆเลยนะ เพราะเค้าไม่ค่อยได้เจอกับเรา เราเลยอยากไปเจอเค้าบ่อยๆ เพราะว่าเค้าคงคิดถึง และเราก็คิดถึงเค้าเหมือนกัน

12. มีคนถามถึงคอนพี่เบิร์ด ว่ารู้สึกอย่างไรบ้าง ? มายด์เลยตอบว่า “ คอนพี่เบิร์ดเป็นคอนที่แบบ ดีไปหมดเลย ทั้งพี่ดาราทุกคน และพี่ๆวอเลย์บอล ต่างเป็นคนที่สุดยอดมากๆและคอนนี้ก็เป็นคอนที่ใหญ่มาก ได้แสดงเพลงที่ไม่เคยแสดงมาก่อน และได้เล่นกับศิลปินที่ยิ่งใหญ่มากๆอย่างพี่เบิร์ด ส่วนการซ้อมเต้นก็โหดด้วย ซึ่งที่ผ่านมามายด์บอกว่า ค่อนข้างคอมพลีส มาก มายด์บอกมันเป็นความสุขที่แบบตื่นเต้นทุกครั้งที่เราจะได้ขึ้นโชว์ มีความรู้สึกว่าอยากทำให้ดี

13. มีคนบอกว่า ให้พูดถึงวีหน่อย มายด์เลยบอกว่า “ มายด์กับวีมีความคล้ายกัน ด้วยที่น่าจะเป็นเด็กโคราชเหมือนกัน บางทีก็รู้สึกว่า มีความคิดที่เหมือนกันในบางครั้ง และวีเป็นคนที่ตั้งใจมาก อย่างตอนซ้อมบล้อกกิ้ง บีกินเนอร์ ซึ่งมายด์เป็นคนที่จำบล็อกได้ช้า วีก็จะคอยช่วย เพราะเต้นข้างๆกันด้วย ทำให้ซิงเกิ้ลนี้ มายด์กับวี สนิทกันมากขึ้น ก็รู้สึกดี”

14. มายด์บอกอีกว่า “ ตอนนี้มีหลายคนชมว่า หนูเต้นดีขึ้น ซึ่งหนูก็ดีใจมากๆเลยนะ แต่หนูก็ยังรู้สึกแบบต้องได้กว่านี้อีก อยากทำให้ดีกว่านี้มากๆคะ ก็นั้นแหละฮะ หนูจะทำให้ดีที่สุดในซิงเกิลนี้ เพราะเราเป็นเซมแลัววว ”

15. วนกลับมาที่หนังสือมายด์บอกว่าอยากอ่านตรงนี้ให้ฟังมากๆ มันอยู่ปกหลังสือ เนื้อหาคือ “ ชอบพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวมากกว่าพระจันทร์เต็มดวง ชอบฤดูหนาวมากกว่าฤดูร้อน รู้สึกประทับใจในสิ่งที่ไม่สมบูรณ์แบบ” มายด์พูดจบและเสริมว่า “มันคือมนุษย์น่ะทุกคน ไม่มีใครจะสมบูรณ์แบบได้”

16. มายด์อ่านบทความนึงในหนังสือแลัวพูดเสริมว่า “ ตัวมายด์เองเป็นคนไม่ชอบพูดความรู้สึกจริงๆออกมา เราอาจจะเป็นคนดูไม่แคร์อะไร ก็ดูตรง ดูเป็นกันเองอยู่แลัว แต่จริงๆแลัวเราเป็นคนเก็บความรู้สึกนะ เพราะว่าเราแคร์คนอื่นมากกว่า เราเลยไม้ได้ทำอะไรให้คนอื่นรับรู้มากขนาดนั้น เรามีความคิดมากตลอดเวลา ...”

17. มายด์บอกประมาณว่า “ นี่จะครบชั่วโมงแลัว แต่มายด์จะยังไม่ไป ทุกคนอย่างเพิ่งทิ้งหนูไปไหนนะ “ พูดเสร็จมายด์ไปก็ไปหาขนมมากิน นั้นก็คือไอศครีมนั้นเอง แลัวบอกว่า กินของคาวเสร็จก็ต้องกินของหวานต่อสิ จะได้หลับสบาย

18. กินไอติมไปสักพัก มายด์ก็หันหลังและโชว์ตุ๊กตาที่เป็นครอบครัวกาตุ่ยให้ทุกคนดูแลัวบอกว่า พวกมันมีชื่อนะ (กาโต่ยย,กาตุ่ย,กะตุ่ย) เป็นครอบครัวที่น่ารักมากๆ ซึ่งมายด์ชอบมาก มันน่ารักดี แต่พกพาไปไหนยาก

19. พอแนะนำครอบครัวกะตุ่ยเสร็จ มายก์บอกว่าดึกแลัวหละ นอนได้แลัว เพราะพรุ่งนี่น้องก็มีงานตอนเช้าเหมือนกัน แต่เพื่อนๆก็บอกว่า ร้องเพลงก่อนๆ มายด์เลยถามว่า เพลงไรดีหละ ปกติมันร้องเพลงที่ไม่ใช่ของ BNK48 ได้มั้ย จนคนพูดถึงเรื่อง Let U Go มายด์ก็ตาลุกวาวเลย แลัวบอกว่า “ เป็นเพลงที่ชอบมาก ฟังละได้ฟิลแบบวง scrubb ที่น้องชอบด้วย มันฟังละมันดิ่ง แต่หนูน่ะจำเนื้อไม่ได้ มันร้องว่าไงนะ “ มายด์เลยเปิดมือถือเพื่อจะร้องให้ฟัง

20. พอร้อง Let U Go เสร็จมายด์ถามอีกว่า มีเพลงที่ไม่ใช่ของวงบ้างมั้ย แนะนำหน่อย คนก็แนะนำสารพัดเพลงเลย อย่างเพลง รักเธอเท่าที่เธอไม่รัก,รู้สึก,อยากเจอ,กลืน,แหลก และเพลงซ่อนกลิ่น มายด์บอกว่าเพลงนี้ใช้สอบที่โรงเรียนด้วย ส่วนเพลงสากลจะเป็น Someone Like You

21. พอร้องเสร็จก็ถึงเวลาปิดไลฟ์กันแลัว มายด์ก็สรุปว่าช่วงแรกอาจจะมีปัญหาเรื่องเน็ตหน่อย จะมาดีก็ช่วงกลางๆ ส่วนกิจกรรมก็มีมีเปิดกระเป๋า,อ่านหนังสือให้ฟัง,ร้องเพลง หวังว่าทุกคนจะได้ความสุขจากมายด์ไป เพราะวันนี้มายด์ก็มีความสุขมากๆเหมือนกัน ส่วนเรื่องไลฟ์น้องตั้งใจว่าจะเริ่มมาให้เห็นกันนะ อาจจะเดือนละครั้งสองครั้ง มีพูดตบท้ายอีกว่า “ อย่าเพิ่งบ่นว่าคิดถึงหนูกันเยอะๆนะจ้ะ หนูรู้ว่าทุกคนรักหนู หนูก็รักทุกคนเหมือนกัน ขอบคุณมากๆนะสำหรับวันนี้ ~“

(จบ)  

chalarie is the best  

chalarie is the best