รู้จักกับ “ลีดส์ ยูไนเต็ด”
ขอแนะนำให้รู้จักกับ “ลีดส์ ยูไนเต็ด”
เริ่มต้นในปี 1919 สโมสรดังแห่งนี้เริ่มต้นการมีตราสโมสรตั้งแต่ปีแรกของการก่อตั้ง พวกเขาเริ่มต้นด้วยการมี “นกเค้าแมว” เป็นสัญลักษณ์ของสโมสร เนื่องจากตราประจำเมืองของพวกเขาเป็นเช่นนั้น และก็เป็นเช่นนั้นเรื่อยมา
1972 ดอน เรวี่ ชายผู้เป็นตำนานของสโมสรแห่งนี้ ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงตราสโมสรเนื่องจากเขาเชื่อว่า “นกเค้าแมว” นำพามาซึ่งความโชคร้าย และจึงมีการเปลี่ยนแปลงในที่สุด ทั้งนี้เรวี่ เป็นผู้เล่นของลีดส์ ก่อนที่จะรับงานเป็นผู้เล่น-ผู้จัดการทีม และรับงานผู้จัดการทีมเต็มตัวในเวลาต่อมา [2 แชมป์ลีก 1 แชมป์ลีกดิวิชั่นสอง 1 เอฟเอ คัพ 1 ลีก คัพ และ 2 แชมป์แฟรส์ คัพ] เขาเสียชีวิตในปี 1989 ด้วยโรคเกี่ยวกับเซลล์ประสาททำงานผิดพลาด โดยเขาหลับและสิ้นลมหายใจในเวลาต่อมา ทั้งนี้เขาคือหนึ่งในผู้จัดการทีมชาติอังกฤษเช่นกัน
ก่อนออกจากลีดส์ ไปรับงานคุมทีมชาติอังกฤษ เขาเปลี่ยนแปลงตราสโมสรด้วยการนำอักษร “LU” มาดัดแปลงให้รูปแบบที่เหมือนกับ “รอยยิ้ม” ซึ่งก็ได้รับความนิยมมากจนถึงวันนี้
ต่อมา อัมโบร แบรนด์เสื้อผ้าชั้นนำของอังกฤษเข้ามาเป็นผู้สนับสนุนทีมดังแห่งยอร์คเชียร์ พวกเขาหยิบยก “นกยูง” ซึ่งเป็นชื่อเก่าของสนาม “เอลแลนด์ โร้ด” ซึ่งมีชื่อว่า “เดอะ โอลด์ พีค๊อก กราวนด์” มาใช้เป็นตราสโมสรแต่ก็อยู่ได้ไม่นานเท่าไรนัก เพราะต่อมา การเปลี่ยนแปลงตราสโมสรก็ยังมีอยู่ต่อไป เมื่อฟุตบอลได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น
ลีดส์ เปลี่ยนแปลงตราสโมสรอีกครั้ง คราวนี้พวกเขานำ *ดอกกุหลาบขาว อันหมายถึงราชวงศ์ยอร์ก เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตราสโมสร ซึ่ง “สงครามกุหลาบ” ระหว่าง ราชวงศ์ยอร์ก และราชวงศ์แลงเคสเตอร์ (กุหลาบแดง) ในการแย่งชิงดินแดนกันในช่วงปลายทศวรรษที่ 14 นำมาซึ่งชื่อของ “สงครามกุหลาบ” ในวงการฟุตบอล ทุกครั้งที่ ลีดส์ ยูไนเต็ด พบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั่นเอง [ชุดเหย้าของลีดส์สีขาว และชุดเหย้าของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สีแดง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสงครามกุหลาบแต่อย่างใด]
ทั้งนี้ “สงครามกุหลาบ” จบลงด้วยชัยชนะของกุหลาบแดง แต่ต้องแลกมาด้วยเลือดที่นองไปทั่วแผ่นดิน
ลีดส์ใช้ตราสโมสรนี้มายาวนานจนถึงปี 1998 พวกเขายิ่งใหญ่กับตราสโมสรนี้ เพราะนี่คือตราสโมสรที่ได้รับการจารึกว่า ลีดส์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ลีกสูงสุด (ดิวิชั่นหนึ่งเดิม) ครั้งสุดท้ายของฟุตบอล ลีก อังกฤษได้สำเร็จ ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น “พรีเมียร์ ลีก” ในปี 1992 เป็นต้นมา
1998 พวกเขามีการเปลี่ยนแปลงตราสโมสรครั้งล่าสุด ซึ่งเป้าหมายคือทำให้ตราสโมสรมีความทันสมัยยิ่งขึ้น กุหลาบขาว / ฟุตบอล และ “LUFC” ถูกนำมารวมไว้เป็นหนึ่งเดียวกัน ภายใต้โล่สัญลักษณ์นี้
อย่างไรก็ตาม ลีดส์ ภายใต้การคุมทีมของ เดวิด โอเลียรี่ ในช่วงปลายทศวรรษที่ 90 กับเหล่า “เด็กนรกวัยคะนอง” ซึ่งประกอบไปด้วย แฮร์รี่ คีเวลล์, ลี โบว์เยอร์, แกรี่ เคลลี่, เอียน ฮาร์ท, โจนาธาน วู้ดเกต และอีกหลายคน ภายใต้การลงทุนแบบบ้าคลั่งของ ปีเตอร์ ริดส์เดล ประธานสโมสรที่หวังพาลีดส์ ยูไนเต็ด ไปถึงแชมป์ พรีเมียร์ ลีก และในระดับยุโรป กลายเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่หลวง ที่เป็นตัวอย่างชั้นยอดสำหรับทีมอื่นๆ ที่คิดจะลงทุนว่าอย่าทำอะไรเกินตัวมากจนเกินไป เมื่อผลงานไม่เป็นไปตามที่หวังกับการลงทุน ภาวะ “ขาดทุน และหนี้สิน” ทำให้ ลีดส์ ต้องกลายเป็นทีมล้มละลาย และตกชั้นไปในที่สุดในฤดูกาล 2003-04
นับจากนั้นมา 15 ปี พวกเขายังไม่ได้กลับมาสู่พรีเมียร์ ลีก ได้อีกเลย และยังเคยตกชั้นไปถึงระดับลีกวันมาแล้ว สโมสรมีการเปลี่ยนแปลงเจ้าของไปหลายครั้ง เช่นเดียวกับนักเตะในทีม
จนถึงในฤดูกาลนี้ ชายชื่อ มาร์เซโล บิเอลซ่า ที่ผ่านงานคุมทีมมาแล้วอย่างโชกโชนเข้ามาคุมทีม และนั่นทำให้ในเวลานี้หลายคนรอลุ้นว่าถึงเวลาหรือยังที่พวกเขาจะ “สิ้นสุดการรอคอย” การกลับคืนสู่พรีเมียร์ ลีก อีกครั้ง
หมายเหตุ: สมญานาม “ยูงทอง” นั่นได้รับการเรียกโดย “ย.โย่ง” เอกชัย นพจินดา ตำนานนักข่าวกีฬา-นักพากย์ชื่อดังผู้ล่วงลับของเมืองไทย โดยเขาคือแฟนบอลของสโมสร ลีดส์ ยูไนเต็ด นั่นเอง
Credit : Football Stories by Boydacz
https://www.facebook.com/boydacz115/posts/2006298286091288?__tn__=K-R