น้ามูคุมห่วยแตกยังจบที่2เลย

ปีแรกโคตรห่วยก็ยังได้ถ่วย

ถ้าคุมมา4-5 ปีแล้วไม่ได้ถ้วยนั่นสิ กาก

ขอวาร์ปอวตาร์หน่อยครับ

ผมว่ามีโอกาสนะ อย่าประมาท

ถ้าคิดจากตัวผมที่ติดตามผีแดงมานาน ตั้งแต่ยุคที่ฤดูกาลนึงจะมีพรีเมียร์ลีกถ่ายทอดสดซัก 4-5 คู่ บอลถ้วยซัก 5-7 คู่ ต้องมานั่งคอยดูไฮไลต์อาทิตย์ละครั้งจากฟรีทีวี

จนมาปัจจุบันหาดูง่ายกว่าไปซื้อกุ้งในตลาดอีก จะดูยูทูป เฟสบุค อินสตาแกรม ทวิต เพียบ

ยุคแรกๆ มันเลือกดูไม่ได้ เขาเลือกให้เราดู ก็จะมีแต่ แดงเดือด ลอนดอนดาบี้ กัลโช่ บุนเดส เขาถ่ายไรได้ดูอันนั้น ผีแดงเล่นสนุกถ่ายบ่อย เราก็ได้ติดตามไปกลายๆ

สมัยนี้ ถ้าถ่ายเวลาเดียวกัน ไม่มีทีมหลักที่เชียร์ คนจะดูบอลซักคู่จะเลือกดูทีมไหน จะดู ผี เรือ หงส์ ไก่ ปืน สิงโต ชุดขาว บาซ่า จู๊ฟ เสือ

ผมว่าดูผีเป็นคำตอบท้ายๆ แล้วเราจะได้ส่วนแบ่งจากผู้ชมใหม่ๆได้อย่างไร ผู้ชมเก่ามีแต่จะแก่ตายไป ผู้ชมใหม่ไม่มาหมุนเวียน

ผมยังย้ำกีฬาที่ดูไม่สนุก ให้บังคับถ่ายทุกช่องเหมือนรายการๆหนึ่ง เขาก็ปิดทีวีประหยัดไฟเท่านั้นแหละ

ผมว่าไม่อะ ไม่มีทางไปถึงขั้นนั้นแน่นอน

เซฟมูครับ ขอให้คุมแมนยูนานๆเลย

ยุค หงส์ รุ่งเรื่อง นี่ มูลค่า สโมสร การวางแผนการตลาด ฯลฯ เทียบกับ ผี ดิ แตกต่างฟ้ากับเหว ผี ยังไงก็ดีกว่าหลายขุม ผีวางแผนการตลาดมาดีมากกว่าเยอะ ตอนนี้ต่อให้ ไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือเลย ก็ยังขายได้หลายสิบปี

ไม่น่าจะได้ฐานแฟนบอลรุ่นใหม่มานานละ

แต่แฟนบอลป๋าเฟอร์กี้น่าจะ support กันยาวหน่อย

ผมมั่นใจว่า การบริหารจัดการของทีมแมนยูไนเต็ด จะไม่เจอประสบการณ์แบบลิเวอร์พูล ..ในยุคลิเวอร์พูลรุ่งเรือง นอกจากตลาดธุรกิจกีฬาฟุตบอลมันยังไม่ก้าวกระโดดแบบนี้ ลิเวอร์พูลยังได้รับผลกระทบปัญหาการเมืองในกลุ่มประเทศสหราชอาณาจักร จากการลดบทบาทความสำคัญเมืองท่าเรือของลิเวอร์พูลลง ..นี่ส่งผลต่อรายได้หลักคือค่าตั๋วเข้าชมของทีมมาก..ทำให้ประชากรในเมืองซึ่งส่วนใหญ่และส่วนหนึ่งคือชาวไอริช เวลล์ สก๊อต เข้ามาตั้งรกรากหรือทำมาหากินขายแรงงานซึ่งคือแฟนบอลในเมืองลิเวอร์พูลตกงาน ได้แต่อาศัยเงินสวัสดิการสังคม กำลังซื้อไม่มากพอ
..แถมบอร์ดบริหารลิเวอร์พูลก็ไม่ฉวยโอกาสขึ้นค่าตั๋วเพื่อทดแทนน้ำใจแฟนบอลในยามที่ทีมตกไปเล่นลีกต่ำยังเข้าชมเยอะไม่เคยทิ้งทีม ทำให้รายได้หลักที่มาจากตั๋วเข้าชมทีมในยุคนั้นได้ไม่เต็มกอบกำ ต่างจากยุคนี้ที่เป็นยุคสปอนเซอร์ยังบูมในโลกกีฬา การถ่ายทอดสด และลิขสิทธิ์ต่างๆของแบรนด์สโมสรตูมตาม ตั้งแต่ในยุค 90 เป็นต้นมา แมนยูมีการจัดการบริหารทีมที่ดีมาก เพียงแต่ไม่ตกต่ำลงไป แต่จะมีทีมอื่นที่มีศักยภาพที่ได้รับประโยชน์รายได้มาจากความก้าวหน้าเทคโนโลยีหรือมีเจ้าของที่มีศักยภาพด้านการเงินเข้ามาเทคโอเวอร์และจัดการบริหารทีมได้ดี ขึ้นมาแข่งขันได้สูสีมากขึ้น ..ไม่มีวันผูกขาดแชมป์แบบเมื่อก่อน(ยกเว้นแชมป์มูลค่าแบรนด์ทีม) ..แมนยูสามารถสร้างรายได้จากแบรนด์จากการบริหารที่วางไว้อย่างมั่นคง.. ต่อให้ผลงานไม่ดี อย่างมากก็ปลดโค้ช แล้วหาจนกว่าจะเจอคนที่คลิก ผมมองว่าถ้าแมนยูจะเจ๊งมีกรณีเดียว ตระกูลเกลเซอร์เกิดบ้าเอาเงินไปลงทุนในตลาดเงินดิจิตัล วันดีคืนดีเงินสูญหายโดนโกง

ปล. เพื่อนผมแฟนแมนยูที่เป็นนักการตลาดสร้างแบรนด์ให้สินค้าเคยพูดกับผมหลังจากปลดฟานกัลแล้วแต่งตั้งมู มันเชื่อว่าบอร์ดเลือกแต่งตั้งมูเพราะ สร้างความมั่นใจทางการตลาดและผู้ถือหุ้นสโมสรมาก่อนทีมสไตล์ เพราะแบรนด์แมนยูในวันนี้และโดยเฉพาะสภาพผลงานทีมในช่วงนั้น จะมาลองผิดลองถูกกับการให้โอกาสโค้ชลองผิดลองถูกสร้างทีมนานหลายปี แบบที่เกิดขึ้นในกลางยุค 80 ไม่ได้ ฉะนั้นในอนาคต เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จะถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลว่าคือปรากฏการณ์

แมนยูตอนนี้ผลงานแย่ลง แต่จะเรียกว่าตกต่ำก้ยังไม่ใช่มั้ง ปีที่แล้วได้รองแชมป์2ถ้วย มันตกต่ำยังไงเนี่ย

แต่ผมกลับคิดต่างนะ
ผมยอมรับว่ามูลค่าสโมสรของแมนยูนี่อาจจะอันดับ 1 ของโลก แต่เนื่องจากที่มีท่านนึงกล่าวถึงเรื่องสื่อ สื่อสมัยบุครุ่งเรืองของแมนยูก็ยังไม่วงกว้างมากนะครับ ของลิเวอร์พูลนี่ยิ่งแคบ ถามหน่อยว่า 10 ปีที่แล้วสามารถรับชมบอลอังกฤษได้ง่ายอย่างเช่นทุกวันนี้มั้ย ยิ่งเวลาผ่านไปสื่อต่างๆ ยิ่งสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ผมจึงคิดว่าหากแมนซิครองบัลลังก์ได้อีกสักพัก ไม่แน่ว่าสปอนเซอร์ต่างๆ อาจย้ายฐานไปที่ทีมเพื่อนบ้านก็ได้ ใครๆ ก็อยากสนับสนุนแชมเปี้ยน

แต่สิ่งที่แมนยูสร้างมาคงไม่ล้มลงมาง่ายๆ แต่แค่อย่าประมาทว่ามันจะไม่มีทาง

10 ปีที่แล้วผมว่าผมง่ายนะผ่าน true vision ผมยังดูอยู่ไม่พลาดซักนัด ยุคสามประสานแดนหน้า แถมนั่งดูแมตช์สุดดราม่านัดชิงที่ มอสโคว ได้ผ่านฟรีทีวีอีกด้วย(ทุกวันนี้ฟรีทีวียังไม่ถ่ายเลย สมัยนั้น 3, 7 ถ่ายแชมป์เปี้ยนส์ลีกทุกอาทิตย์จนถึงนัดชิงนะครับ) ถือว่าหาดูง่ายมากถ้าเทียบกับเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว

แต่ถึงยังไงซะเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้วก็ยังถือว่าง่ายอยู่ดีเพราะมีให้ดูผ่าน ทีวี หรือช่อง UBC ก็มีแล้ว ฟรีทีวีก็มีถ่ายทอดสดให้ดูบ่อยๆ นั่นแปลว่าช่วงนั้นเรามีฟุตบอลต่างประเทศให้ดูกันในประเทศในรูปแบบเก็บเงินรายเดือนในรูปแบบสมาชิกกันแล้ว นั่นแปลว่าเราได้ดูฟุตบอลทุกสัปดาห์ นี่ถือว่าบ่อย เพราะเราดูบอลกันในช่วงระยะเวลาเป็นสัปดาห์ต่อสัปดาห์กันได้แล้ว ไม่ใช่ฤดูกาลนึงถ่ายมา 3-4 คู่

ผมเทียบยุคสมัยที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ ลิเวอร์พูล รุ่งเรือง ครับ ไม่ได้เทียบกับสมัยนี้

ยุค แมนฯ ยูไนเต็ด รุ่งเรืองนั้นมันมีการถ่ายทอดสดผ่านดาวเทียมใช้กันอย่างแพร่หลายขึ้น

คุณบอกว่าหาดูยากแต่ลองเทียบกับยุค ลิเวอร์พูล ดู

แต่ที่คุณบอกมาว่าหาดูยากน่าจะเป็นประสบการณ์ส่วนตัวของแต่ละบุคคลมากกว่า และที่สำคัญอย่าเอาประเทศไทยเป็นที่ตั้งครับ หลายๆประเทศยุคนั้นก็มีฟุตบอลรายการต่างๆถ่ายทอดสดในประเทศเขาแล้ว จากปกติฟังกันผ่านทางวิทยุกับอ่านผลผ่านหนังสือพิมพ์ซะเป็นส่วนมาก

หัวข้อนี้เราพูดกันถึง ยุค แมนฯ ยูไนเต็ด กับ ลิเวอร์พูล ต้องมองภาพเปรียบเทียบตามการกระจายสื่อ, ข้อมูล, ข่าวสาร, เครื่องมือกระจายสื่อ กลยุทธ์ในการประชาสัมพันธ์ของลีก ในเจนเนอเรชั่นของแต่ละทีมในยุคที่ทั้ง 2 ทีมนี้รุ่งเรืองเอามาประกอบด้วยครับ อย่าเอายุคนี้เป็นที่ตั้ง แล้วจะรู้ว่ามันเกี่ยวกันมั้ย

ยุคนั้นกว้างไกลเท่าไหร่ ยุคนี้ผมขอคูณเข้าไป 10-20 เท่า....100 เท่าเลยเอ้า 55555

ไม่มีอะไรต้องห่วง