ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2, 3
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
นักเตะอบต.
Status: Mobileger
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 23 Jun 2010
ตอบ: 4300
ที่อยู่: ตู้หยอดเหรียญ
โพสเมื่อ: Sat Aug 18, 2018 13:22
[RE: คิดว่าแมนยูจะเปนเหมือนลิเวอร์พูลมั้ย]
บอร์ดไม่หน้าทนได้ หรือคงไม่ปล่อยให้รอได้นานขนาดนั้น สถานะการเงินที่แข็งแรงยังคงเป็นอาวุธสำคัญ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน





ออฟไลน์
นักเตะเทศบาล
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 01 Jun 2018
ตอบ: 1979
ที่อยู่: Hornsey Rd, London N7 7AJ, UK
โพสเมื่อ: Sat Aug 18, 2018 13:24
[RE]คิดว่าแมนยูจะเปนเหมือนลิเวอร์พูลมั้ย
ผมว่าหลังจากยุคป๋าไปก็มีสิทธิ์ครับ ถ้าห่างแชมป์ลีกนานๆผมว่าแมนซิตี้คือเต็งที่จะขึ้นมาแทนที่ ไม่ได้จะบอกว่ามาเทียบเท่าที่ป๋าทำไว้นะครับ แต่แค่ขั้วอำนาจมันจะไปที่แมนซิตี้แทน เรื่องการดึงดูดนักเตะอีก แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแมนซิตี้ด้วยว่าจะรักษามาตราฐานการเล่นระดับนี้ได้นานแค่ไหน
โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

"I'll never forget the club or him, I don't see Arsenal without Arsene Wenger" - Thierry Henry
ออฟไลน์
ซุปตาร์โอลิมปิก
Status: อย่าหลงระเริงกับชัยชนะ จนลืมเยาะเย้ยผู้พ่ายแพ้
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 31 Oct 2014
ตอบ: 10474
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Aug 18, 2018 13:27
[RE: คิดว่าแมนยูจะเปนเหมือนลิเวอร์พูลมั้ย]
ตอนนี้ก็เป็นอยู่ ฟีลเหมือนลิ้วพูลยุคอูลลิเย่/ราฟาอ่ะ ดีกว่าแค่ตรงยังเงินหนา

มีลุ้นบอลถ้วยประปรายเพราะคุณภาพนักเตะ กับกึ๋นของโค้ชที่พอได้ลุ้นอยู่บ้าง
แต่แชมป์ลีคยังมองไม่เห็นอนาคตอ่ะครับ ว่าจะได้อีกทีเมื่อไหร่ ต้องโค้ชคนไหน
สาธุ ขอให้ผมดูผิดเหอะ พ่อมูช่วยกดอัลติทำทีมเป็นแชมป์ให้ผมหน้าแตกที อยากหน้าแตกเหลือเกิน
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
นักเตะเทศบาล
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Oct 2007
ตอบ: 2825
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Aug 18, 2018 13:35
[RE: คิดว่าแมนยูจะเปนเหมือนลิเวอร์พูลมั้ย]
สิ่งที่กลัวที่สุดคือเป๊บจะบ้าจี้อยู่ยาวอะดิ มาตรฐานแกสูงมาก กลัวจะไล่จี้ตามยาก
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status: เด็กหงส์
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Oct 2013
ตอบ: 20656
ที่อยู่: ทุ่งนาแห่งเมืองหญิงกล้า ผมคือหลานย่าโม
โพสเมื่อ: Sat Aug 18, 2018 13:39
[RE: คิดว่าแมนยูจะเปนเหมือนลิเวอร์พูลมั้ย]
ไม่หรอก การจัดแมนยูดีมาก สเปอร์ก็เยอะ มีเงินเข้าสโมสรอันดับต้นๆ ต่างจากหงส์มาก
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

ออฟไลน์
ดาวซัลโวยุโรป
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 13 Mar 2018
ตอบ: 8595
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Aug 18, 2018 13:40
[RE: คิดว่าแมนยูจะเปนเหมือนลิเวอร์พูลมั้ย]
เปอร์เซ็นเปิดแบบนั้นยากอยู่ครับ พื้นฐานการเงินแมนยูยังคงช่วยพยุงตัวได้อยู่ ทั้งสามารถจ้างโค้ชดีๆ นักเตะดีๆได้ แต่หากใช้ไปแล้วผลลัพธ์กลับหัวยาวๆก็ไม่แน่ครับ อย่างแรกเลยคือเรื่อง มู .. มูไม่มีความเป็นแมนยูในตัวเลย จะมีแฟนแมนยูซะกี่คนที่ทราบว่าฤดกาลก่อนนั้นยอดขายตั๋วเข้าชมเกมในโอลแทรฟฟอร์ดเริ่มลดลง !!
แก้ไขล่าสุดโดย Indyvirus เมื่อ Sat Aug 18, 2018 13:41, ทั้งหมด 1 ครั้ง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะอบจ.
Status: LFC ♥
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 07 Sep 2013
ตอบ: 2178
ที่อยู่: Anfield Road, Liverpool, Merseyside L4 0TH, England
โพสเมื่อ: Sat Aug 18, 2018 13:42
[RE: คิดว่าแมนยูจะเปนเหมือนลิเวอร์พูลมั้ย]
กัปตันมาร์เวล พิมพ์ว่า:
สิ่งที่แตกต่างระหว่าง แมนฯ ยูไนเต็ด กับ ลิเวอร์พูล คือ.. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยิ่งใหญ่ในช่วงเวลาที่สื่อและการโทรคมนาคมทันสมัยพอดี ทุกความสำเร็จจึงกระจายและรับรู้ไปสู่เวิลด์ไวด์ได้อย่างรวดเร็วและกว้างกว่า กลับกันยุคที่ลิเวอร์พูลยิ่งใหญ่ สมัยนั้นสื่อยังกระจายข้อมูลได้ในวงแคบๆ บางประเทศยังได้รับรู้ข่าวจากหนังสือพิมพ์หรือฟังการแข่งขันผ่านทางวิทยุ การถ่ายทอดสดออกไปนอกสหราชอาณาจักรยังมีน้อย จึงทำให้ธุรกิจและการลงทุนจึงยังไม่ค่อยเข้าไปถึงมากนักในยุคนั้นเพราะการรับรู้และการนำเสนอที่มีข้อจำกัด แต่ในยุคที่ ยูไนเต็ด ประสบความสำเร็จ สื่อมันเริ่มกระจายแล้ว ใครๆก็อยากให้แบรนด์ของตัวเองเห็นไปทั่วโลก แล้วจะมีอะไรเหมาะไปกว่าทีมที่กำลังประสบความสำเร็จในไทม์มิ่งนั้นๆ ช่วงเวลาที่สื่อก็กระจายสร้างการรับรู้ได้กว้างไกลแล้ว ใครเห็น ยูไนเต็ด คนๆนั้นก็เห็นแบรนด์เรา

จะกล่าวคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รุ่งโรจน์ ในยุคที่จังหวะเวลามันได้พอดี ลองเอาความสำเร็จยุค เซอร์ แมตต์ บัสบี้ มาดูสิ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็อาจจะเอาความรุ่งโรจน์ในช่วงเวลานั้นมาต่อยอดทางธุรกิจไม่ได้ เรียกได้ว่า แมนฯ ยูไนเต็ด กลับมารุ่งเรืองได้ถูกเวลาพอดี ซึ่งต้องขอบคุณ เซอร์ อเล็กซ เฟอร์กูสัน ด้วย

ฉะนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด คงไม่ดาวน์ไปนานนักหรอก เพราะปัจจัยมีทุกอย่างในการที่เรียกได้ว่าเป็นยักษ์ใหญ่ที่โคตรจะมั่นคงในวงการฟุตบอลแล้ว ถ้วยไม่ได้แต่เงินได้ เงินก็สามารถเอาไปต่อยอดสร้างสิ่งอื่นๆให้เกิดขึ้นในสนามได้ ดังเช่นที่เห็นหลายๆทีมเคยทำ ไม่ว่าจะเป็น เชลซี, แมนฯ ซิตี้, PSG ลองคิดดูว่า แมนฯ ซิตี้ ก็ใช้เวลาลงเงินลงแรง เซ็นนักเตะดังแพงๆ ลองผิดลองถูกมาหลายเจเนอเรชั่น กว่าจะมาเป็น ซิตี้ อย่างที่เป็น ซิตี้ ในทุกวันนี้ สร้างทีมทุ่มซื้อกันมาเป็นกว่าสิบปี ทุกวันนี้พออยู่ตัวก็ไม่ต้องทุ่มซื้อเหมือนเดิมแล้ว

แต่ ลิเวอร์พูล เขาล้มลุกคลุกคลาน เก็บหอมรอมริบกว่าจะกลับมาได้อย่างทุกวันนี้ จนขั้นทีมเกือบล้มละลาย ฉะนั้น ความยากและการต้องใช้แรงอุตสาหะในการที่จะกลับมายิ่งใหญ่มันต่างกันเยอะ ลิเวอร์พูล เขาทนฟันฝ่ามามากกว่าเรา ปากกัดตีนถีบมากกว่า ส่วนพวกเราก็เหมือนลูกคนรวยที่พลาดทำธุรกิจเจ๊ง อาจจะนอยด์อาจจะเฟลหน่อยๆ แต่เดี๋ยวก็ลงทุนทำใหม่มีทุนจากทางบ้านสนับสนุน

เรายังไม่รู้จักคำว่า ตกต่ำ จริงๆด้วยซ้ำไปครับ ลองปากกัดตีนถีบด้วยทุนที่จำกัดเพื่อให้กลับมาได้อย่างเขาก่อนแล้วตอนนั้นค่อยมาระแวงก็ยังไม่สาย  


#Respect
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ข.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 May 2006
ตอบ: 1654
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Aug 18, 2018 13:45
[RE: คิดว่าแมนยูจะเปนเหมือนลิเวอร์พูลมั้ย]
ความเข้มข้นในการแย่งความสำเร็จอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอในพรีเมียร์ลีกอังกฤษมันมีมากขึ้น
..ยุค70-2010ต้นๆ การแข่งขันภายในลีกสูงสุดของอังกฤษในแต่ละยุคจะมีทีมครองความยิ่งใหญ่ขาประจำ1ทีมแล้วแต่ละช่วงของยุคนั้นจะมีทีมผลัดหน้าขึ้นมาท้าทายทีมที่ครองความยิ่งใหญ่
..เช่นยุค 70-80ปลายๆมีลิเวอร์พูลคือเต้ยของเกาะ .แล้วในแต่ละช่วงก็จะมีทีมที่พอจะขึ้นมาท้าทายความสำเร็จในช่วงเวลา 2-5 ปีแล้วตกไปเปลี่ยนทีมใหม่ขึ้นมา
...ในยุค 90 มาถึง 2010ต้นๆ ที่แมนยูครองความยิ่งใหญ่ในเกาะแล้วก็มีลีดส์ มีแบ็คเบิร์น มีอาร์เซนอล มีเชลซี ผลัดกันขึ้นมาท้าทาย

..แล้วในช่วงยุค90-2000 ต้นๆนั้นโค้ช ผู้จัดการทีมส่วนใหญ่คือคนในสหราชอาณาจักรเป็นส่วนใหญ่ แต่พอเข้าสู่บอลสมัยใหม่หลังปี 2000 ต้นๆมา โค้ชต่างชาติที่มีฝีมือทยอยเข้ามาหากินในเกาะอังกฤษและเริ่มมีเจ้าของใหม่กล้าพร้อมลงทุนซื้อนักเตะ สร้างทีมขึ้นมาแข่งกับแมนยูทั้งผลงานในสนามและผลงานนอกสนามซึ่งในที่นี้คือมูลค่าแบรนด์

..ดูตัวอย่างทีมเชลซีในยุค1990ปลายๆกับมูลค่าแบรนด์เชลซีตอนนี้มันต่างกันขนาดไหน ฤดูกาลที่ผ่านมาแม้ผลงานในลีกจะไม่ดี แต่ก็ได้เอฟเอคัพมา หลังจากที่ได้แชมป์ลีกฤดูกาลก่อน ทีมติดลมบนมาถึงขนาดนี้ ไม่มีทางที่ทีใมบริหารและเจ้าของเชลซีจะปล่อยให้ทีมกลับไปสภาพก่อนยุค 90

..ตอนนี้ แมนซิตี้ กำลังเริ่มก้าวขึ้นมาแบบนั้น นี่ยังไม่รวมโมสรโด่งดังยุคดั้งเดิมแต่ขาดการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพในยุคก่อนอย่าง สเปอร์สและลิเวอร์พูล..ที่แม้ไม่มีเจ้าของรวยมหาศาลพร้อมลงทุน แต่ก็มีการจัดการบริหารที่ดีขึ้นมาก ส่วนหนึ่งก็เพราะผู้จัดการทีมที่รู้ขีดศักยภาพการเงินของทีมตัวเองเลยเลือกที่ใช้งบตามที่มี แต่บริหารให้ได้ได้ประสิทธิภาพกลับมา
ฤดูกาลที่ผ่านมาและระหว่างปิดฤดูกาลตลาดนักเตะซื้อขายลิเวอร์พูลทำให้เห็นด้วยการพร้อมจ่ายค่าตัวนักเตะที่ตัวเองต้องการ ผิดหวังนิดๆที่ไม่ได้เห็นสเปอร์สในตลาดซื้อขายนักเตะในระหว่างปิดฤดูกาล สร้างความแข็งแกร่งทีมขนาดมากขึ้นไปอีกผมยังเชื่อว่าสเปอร์สต้องการนักเตะที่มีประสบการณ์มาช่วยประคองทีมในบางตำแหน่ง
..มาพูดถึงในส่วนงบประมาณในการทำทีม ผมมองว่าแมนยูเป็นทีมที่มีการบริหารแบรนด์ได้ดีและผู้บริหารทีมมีวิสัยทัศน์ฉวยโอกาสไว้ได้ก่อนทีมอื่น เมื่อโลกเข้าสู่ยุคการสื่อสารทั่วถึงไปทั่วโลกได้ดี การบริหารรายได้จากถ่ายทอด+สปอนเซอร์สารพัดรูปแบบ+รายได้ตั๋ว ยิ่งทำให้อำนาจเงินในการทำทีมแข็งแกร่งกว่าทีมอื่นร่วมลีกและอีกหลายทีมในต่างลีกหลายก้าวมาก
...แต่ในสภาพตลาดวงการฟุตบอลปัจจุบัน ช่องว่างเหล่านั้นกำลังค่อยๆถูกสโมสรอื่นลดระยะห่างกับแมนยูลงมา แมนยูยังได้เปรียบสโมสรอื่นตรงประวัติศาสตร์ความสำเร็จในยุค 90-2010 ที่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันได้ทิ้งไว้ ทำให้มูลค่าแบรนด์คือเมกะแบรนด์
...แต่อย่างที่บอกตอนนี้ผู้ท้าชิงไม่ได้ผลัดกันขึ้นมาท้าทายความสำเร็จแมนยูในสนามทีละทีมสองทีมในระยะไม่กี่ปี ตอนนี้ มันมี 3-4 ทีมที่ สามารถแข่งขันกับแมนยูได้ทุกฤดูกาล

...ในยุค70-80การถ่ายทอดสด+รายได้จากสปอนเซอร์ยังไม่บูม แมนยูมีจำนวนความจุที่นั่งในสนามเป็นฐานรายได้กำลังเงิน และเรียกแฟนบอลเข้าสนามด้วยรูปแบบการเล่นเอนเตอร์เทนคนเข้าสนาม แม้จะได้ฉายาสิงห์บอลถ้วยน็อกเอ้าท์ แต่ก็มีแฟนอยากชมอยากดูทีมแมนยูเตะ สามารถสร้างฐานแฟนบอลได้มาก ดังนั้นพอเข้าสู่ยุคความสำเร็จจากการเป็นแชมป์ลีก..แถมแทบจะผูกขาดถ้วยต่างๆในประเทศและเป็นยุคที่การถ่ายทอดสดไปทั่วโลกอย่างกว้างขวาง นอกจากความสำเร็จถ้วยต่างๆดึงแฟนบอลรุ่นใหม่ ... ปฏิเสธไม่ได้ว่ารูปแบบการเล่นแบบเฟอร์กี้สไตล์ คือแรงดึงดูดที่ทำให้แฟนบอลยุคการถ่ายทอดไปทั่วโลก..อยากดูอยากชมทีมแมนยูเล่น..ทำให้เกิดฐานแฟนบอลรุ่นใหม่ที่ติดตามทีมมากกว่าทีมอื่นๆในช่วง ยุค90-2010 ต้นๆ

..อย่างที่บอกทุกวันนี้ยุคการถ่ายทอดสดไปถึงแฟนบอลมันครอบคลุมทั่วถึง ทีมคู่แข่งพร้อมจะแชร์ดึงฐานแฟนบอลรุ่นใหม่ กลุ่มใหม่ จากทีมแมนยู
..ความสำเร็จที่ทีมเหล่านั้นแชร์มาจากแมนยูมาได้..มันมาพร้อมมูลค่าแบรนด์ของทีมนั้นที่จะสูงขึ้นและพร้อมแย่งฐานแฟนบอลรุ่นใหม่หรือตลาดสปอนเซอร์ต่างๆ ของแต่ละทีมไปด้วยเช่นกัน
..นี่ยังไม่รวมรายได้จากการแข่งขันถ้วย UCL ที่สามารถทำรายได้เป็นกอบเป็นกำให้ทีมที่เข้าร่วมแข่งนะครับ
...จากที่มี1-2ทีมในลีกเมื่อก่อน มันกลายเป็น 5-6 ทีมทุกฤดูกาล ในระยะสั้นอาจยังไม่เห็นผลต่างมาก..แต่ในระยะยาว ช่องว่างระยะห่างการเงินทำทีมเหล่านั้นจะน้อยลงจากแมนยู นี่แหล่ะที่จะทำให้แมนยูทำงานทั้งในสนามและนอกสนามไม่ง่ายแบบเมื่อก่อนในความคิดผม
ออฟไลน์
ผู้ช่วยแมวมอง
Status: กก คือ การเดินทาง
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 13 Sep 2009
ตอบ: 39914
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Aug 18, 2018 13:58
[RE: คิดว่าแมนยูจะเปนเหมือนลิเวอร์พูลมั้ย]
เครียดก็ไปนอนครับจะได้สบายตัว

ตกต่ำไหมไม่รู้ แต่ผมพร้อมจะซัพพอร์ททีม และไม่ฟูมฟายครับ

เป็นสิ่งที่น่าชื่นชมแฟนหงส์ดีๆ นะ พวกเขาผ่านมาได้ แมนยูเพิ่งเริ่มเจอปัญหา

หลายๆ คนร้องซะแล้ว
3
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด "รถไฟ สุนัข เครื่องบิน สกอตแลนด์ และชัยชนะ"


tenHag,Rashford,Mcto,Sancho,Martial => OUT... ค
ออฟไลน์
หัวหน้าแมวมอง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Feb 2011
ตอบ: 6425
ที่อยู่: แถวตู้หนังสือ
โพสเมื่อ: Sat Aug 18, 2018 14:05
[RE: คิดว่าแมนยูจะเปนเหมือนลิเวอร์พูลมั้ย]
แทบเป็นไปไม่ได้ แมนยูถึงฟอร์มในสนามจะไม่ดีเท่ายุคเซ่อร์ แต่มูลค่าทีมมหาศาลมาก
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวเตะกัลโช่
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 11 Jan 2011
ตอบ: 18415
ที่อยู่: สิ่ง เหล้ าห นี
โพสเมื่อ: Sat Aug 18, 2018 14:11
[RE: คิดว่าแมนยูจะเปนเหมือนลิเวอร์พูลมั้ย]
z_man พิมพ์ว่า:
ความเข้มข้นในการแย่งความสำเร็จอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอในพรีเมียร์ลีกอังกฤษมันมีมากขึ้น
..ยุค70-2010ต้นๆ การแข่งขันภายในลีกสูงสุดของอังกฤษในแต่ละยุคจะมีทีมครองความยิ่งใหญ่ขาประจำ1ทีมแล้วแต่ละช่วงของยุคนั้นจะมีทีมผลัดหน้าขึ้นมาท้าทายทีมที่ครองความยิ่งใหญ่
..เช่นยุค 70-80ปลายๆมีลิเวอร์พูลคือเต้ยของเกาะ .แล้วในแต่ละช่วงก็จะมีทีมที่พอจะขึ้นมาท้าทายความสำเร็จในช่วงเวลา 2-5 ปีแล้วตกไปเปลี่ยนทีมใหม่ขึ้นมา
...ในยุค 90 มาถึง 2010ต้นๆ ที่แมนยูครองความยิ่งใหญ่ในเกาะแล้วก็มีลีดส์ มีแบ็คเบิร์น มีอาร์เซนอล มีเชลซี ผลัดกันขึ้นมาท้าทาย

..แล้วในช่วงยุค90-2000 ต้นๆนั้นโค้ช ผู้จัดการทีมส่วนใหญ่คือคนในสหราชอาณาจักรเป็นส่วนใหญ่ แต่พอเข้าสู่บอลสมัยใหม่หลังปี 2000 ต้นๆมา โค้ชต่างชาติที่มีฝีมือทยอยเข้ามาหากินในเกาะอังกฤษและเริ่มมีเจ้าของใหม่กล้าพร้อมลงทุนซื้อนักเตะ สร้างทีมขึ้นมาแข่งกับแมนยูทั้งผลงานในสนามและผลงานนอกสนามซึ่งในที่นี้คือมูลค่าแบรนด์

..ดูตัวอย่างทีมเชลซีในยุค1990ปลายๆกับมูลค่าแบรนด์เชลซีตอนนี้มันต่างกันขนาดไหน ฤดูกาลที่ผ่านมาแม้ผลงานในลีกจะไม่ดี แต่ก็ได้เอฟเอคัพมา หลังจากที่ได้แชมป์ลีกฤดูกาลก่อน ทีมติดลมบนมาถึงขนาดนี้ ไม่มีทางที่ทีใมบริหารและเจ้าของเชลซีจะปล่อยให้ทีมกลับไปสภาพก่อนยุค 90

..ตอนนี้ แมนซิตี้ กำลังเริ่มก้าวขึ้นมาแบบนั้น นี่ยังไม่รวมโมสรโด่งดังยุคดั้งเดิมแต่ขาดการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพในยุคก่อนอย่าง สเปอร์สและลิเวอร์พูล..ที่แม้ไม่มีเจ้าของรวยมหาศาลพร้อมลงทุน แต่ก็มีการจัดการบริหารที่ดีขึ้นมาก ส่วนหนึ่งก็เพราะผู้จัดการทีมที่รู้ขีดศักยภาพการเงินของทีมตัวเองเลยเลือกที่ใช้งบตามที่มี แต่บริหารให้ได้ได้ประสิทธิภาพกลับมา
ฤดูกาลที่ผ่านมาและระหว่างปิดฤดูกาลตลาดนักเตะซื้อขายลิเวอร์พูลทำให้เห็นด้วยการพร้อมจ่ายค่าตัวนักเตะที่ตัวเองต้องการ ผิดหวังนิดๆที่ไม่ได้เห็นสเปอร์สในตลาดซื้อขายนักเตะในระหว่างปิดฤดูกาล สร้างความแข็งแกร่งทีมขนาดมากขึ้นไปอีกผมยังเชื่อว่าสเปอร์สต้องการนักเตะที่มีประสบการณ์มาช่วยประคองทีมในบางตำแหน่ง
..มาพูดถึงในส่วนงบประมาณในการทำทีม ผมมองว่าแมนยูเป็นทีมที่มีการบริหารแบรนด์ได้ดีและผู้บริหารทีมมีวิสัยทัศน์ฉวยโอกาสไว้ได้ก่อนทีมอื่น เมื่อโลกเข้าสู่ยุคการสื่อสารทั่วถึงไปทั่วโลกได้ดี การบริหารรายได้จากถ่ายทอด+สปอนเซอร์สารพัดรูปแบบ+รายได้ตั๋ว ยิ่งทำให้อำนาจเงินในการทำทีมแข็งแกร่งกว่าทีมอื่นร่วมลีกและอีกหลายทีมในต่างลีกหลายก้าวมาก
...แต่ในสภาพตลาดวงการฟุตบอลปัจจุบัน ช่องว่างเหล่านั้นกำลังค่อยๆถูกสโมสรอื่นลดระยะห่างกับแมนยูลงมา แมนยูยังได้เปรียบสโมสรอื่นตรงประวัติศาสตร์ความสำเร็จในยุค 90-2010 ที่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันได้ทิ้งไว้ ทำให้มูลค่าแบรนด์คือเมกะแบรนด์
...แต่อย่างที่บอกตอนนี้ผู้ท้าชิงไม่ได้ผลัดกันขึ้นมาท้าทายความสำเร็จแมนยูในสนามทีละทีมสองทีมในระยะไม่กี่ปี ตอนนี้ มันมี 3-4 ทีมที่ สามารถแข่งขันกับแมนยูได้ทุกฤดูกาล

...ในยุค70-80การถ่ายทอดสด+รายได้จากสปอนเซอร์ยังไม่บูม แมนยูมีจำนวนความจุที่นั่งในสนามเป็นฐานรายได้กำลังเงิน และเรียกแฟนบอลเข้าสนามด้วยรูปแบบการเล่นเอนเตอร์เทนคนเข้าสนาม แม้จะได้ฉายาสิงห์บอลถ้วยน็อกเอ้าท์ แต่ก็มีแฟนอยากชมอยากดูทีมแมนยูเตะ สามารถสร้างฐานแฟนบอลได้มาก ดังนั้นพอเข้าสู่ยุคความสำเร็จจากการเป็นแชมป์ลีก..แถมแทบจะผูกขาดถ้วยต่างๆในประเทศและเป็นยุคที่การถ่ายทอดสดไปทั่วโลกอย่างกว้างขวาง นอกจากความสำเร็จถ้วยต่างๆดึงแฟนบอลรุ่นใหม่ ... ปฏิเสธไม่ได้ว่ารูปแบบการเล่นแบบเฟอร์กี้สไตล์ คือแรงดึงดูดที่ทำให้แฟนบอลยุคการถ่ายทอดไปทั่วโลก..อยากดูอยากชมทีมแมนยูเล่น..ทำให้เกิดฐานแฟนบอลรุ่นใหม่ที่ติดตามทีมมากกว่าทีมอื่นๆในช่วง ยุค90-2010 ต้นๆ

..อย่างที่บอกทุกวันนี้ยุคการถ่ายทอดสดไปถึงแฟนบอลมันครอบคลุมทั่วถึง ทีมคู่แข่งพร้อมจะแชร์ดึงฐานแฟนบอลรุ่นใหม่ กลุ่มใหม่ จากทีมแมนยู
..ความสำเร็จที่ทีมเหล่านั้นแชร์มาจากแมนยูมาได้..มันมาพร้อมมูลค่าแบรนด์ของทีมนั้นที่จะสูงขึ้นและพร้อมแย่งฐานแฟนบอลรุ่นใหม่หรือตลาดสปอนเซอร์ต่างๆ ของแต่ละทีมไปด้วยเช่นกัน
..นี่ยังไม่รวมรายได้จากการแข่งขันถ้วย UCL ที่สามารถทำรายได้เป็นกอบเป็นกำให้ทีมที่เข้าร่วมแข่งนะครับ
...จากที่มี1-2ทีมในลีกเมื่อก่อน มันกลายเป็น 5-6 ทีมทุกฤดูกาล ในระยะสั้นอาจยังไม่เห็นผลต่างมาก..แต่ในระยะยาว ช่องว่างระยะห่างการเงินทำทีมเหล่านั้นจะน้อยลงจากแมนยู นี่แหล่ะที่จะทำให้แมนยูทำงานทั้งในสนามและนอกสนามไม่ง่ายแบบเมื่อก่อนในความคิดผม
 



ท่านเป็นคอลัมนิสต์ที่ไหนเนี่ย
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


ได้

ออฟไลน์
ดาวซัลโวฟุตบอลโลก
Status: You'll never Walk Alone
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 26984
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Aug 18, 2018 14:15
[RE: คิดว่าแมนยูจะเปนเหมือนลิเวอร์พูลมั้ย]
Red_Duckza พิมพ์ว่า:
z_man พิมพ์ว่า:
ความเข้มข้นในการแย่งความสำเร็จอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอในพรีเมียร์ลีกอังกฤษมันมีมากขึ้น
..ยุค70-2010ต้นๆ การแข่งขันภายในลีกสูงสุดของอังกฤษในแต่ละยุคจะมีทีมครองความยิ่งใหญ่ขาประจำ1ทีมแล้วแต่ละช่วงของยุคนั้นจะมีทีมผลัดหน้าขึ้นมาท้าทายทีมที่ครองความยิ่งใหญ่
..เช่นยุค 70-80ปลายๆมีลิเวอร์พูลคือเต้ยของเกาะ .แล้วในแต่ละช่วงก็จะมีทีมที่พอจะขึ้นมาท้าทายความสำเร็จในช่วงเวลา 2-5 ปีแล้วตกไปเปลี่ยนทีมใหม่ขึ้นมา
...ในยุค 90 มาถึง 2010ต้นๆ ที่แมนยูครองความยิ่งใหญ่ในเกาะแล้วก็มีลีดส์ มีแบ็คเบิร์น มีอาร์เซนอล มีเชลซี ผลัดกันขึ้นมาท้าทาย

..แล้วในช่วงยุค90-2000 ต้นๆนั้นโค้ช ผู้จัดการทีมส่วนใหญ่คือคนในสหราชอาณาจักรเป็นส่วนใหญ่ แต่พอเข้าสู่บอลสมัยใหม่หลังปี 2000 ต้นๆมา โค้ชต่างชาติที่มีฝีมือทยอยเข้ามาหากินในเกาะอังกฤษและเริ่มมีเจ้าของใหม่กล้าพร้อมลงทุนซื้อนักเตะ สร้างทีมขึ้นมาแข่งกับแมนยูทั้งผลงานในสนามและผลงานนอกสนามซึ่งในที่นี้คือมูลค่าแบรนด์

..ดูตัวอย่างทีมเชลซีในยุค1990ปลายๆกับมูลค่าแบรนด์เชลซีตอนนี้มันต่างกันขนาดไหน ฤดูกาลที่ผ่านมาแม้ผลงานในลีกจะไม่ดี แต่ก็ได้เอฟเอคัพมา หลังจากที่ได้แชมป์ลีกฤดูกาลก่อน ทีมติดลมบนมาถึงขนาดนี้ ไม่มีทางที่ทีใมบริหารและเจ้าของเชลซีจะปล่อยให้ทีมกลับไปสภาพก่อนยุค 90

..ตอนนี้ แมนซิตี้ กำลังเริ่มก้าวขึ้นมาแบบนั้น นี่ยังไม่รวมโมสรโด่งดังยุคดั้งเดิมแต่ขาดการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพในยุคก่อนอย่าง สเปอร์สและลิเวอร์พูล..ที่แม้ไม่มีเจ้าของรวยมหาศาลพร้อมลงทุน แต่ก็มีการจัดการบริหารที่ดีขึ้นมาก ส่วนหนึ่งก็เพราะผู้จัดการทีมที่รู้ขีดศักยภาพการเงินของทีมตัวเองเลยเลือกที่ใช้งบตามที่มี แต่บริหารให้ได้ได้ประสิทธิภาพกลับมา
ฤดูกาลที่ผ่านมาและระหว่างปิดฤดูกาลตลาดนักเตะซื้อขายลิเวอร์พูลทำให้เห็นด้วยการพร้อมจ่ายค่าตัวนักเตะที่ตัวเองต้องการ ผิดหวังนิดๆที่ไม่ได้เห็นสเปอร์สในตลาดซื้อขายนักเตะในระหว่างปิดฤดูกาล สร้างความแข็งแกร่งทีมขนาดมากขึ้นไปอีกผมยังเชื่อว่าสเปอร์สต้องการนักเตะที่มีประสบการณ์มาช่วยประคองทีมในบางตำแหน่ง
..มาพูดถึงในส่วนงบประมาณในการทำทีม ผมมองว่าแมนยูเป็นทีมที่มีการบริหารแบรนด์ได้ดีและผู้บริหารทีมมีวิสัยทัศน์ฉวยโอกาสไว้ได้ก่อนทีมอื่น เมื่อโลกเข้าสู่ยุคการสื่อสารทั่วถึงไปทั่วโลกได้ดี การบริหารรายได้จากถ่ายทอด+สปอนเซอร์สารพัดรูปแบบ+รายได้ตั๋ว ยิ่งทำให้อำนาจเงินในการทำทีมแข็งแกร่งกว่าทีมอื่นร่วมลีกและอีกหลายทีมในต่างลีกหลายก้าวมาก
...แต่ในสภาพตลาดวงการฟุตบอลปัจจุบัน ช่องว่างเหล่านั้นกำลังค่อยๆถูกสโมสรอื่นลดระยะห่างกับแมนยูลงมา แมนยูยังได้เปรียบสโมสรอื่นตรงประวัติศาสตร์ความสำเร็จในยุค 90-2010 ที่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันได้ทิ้งไว้ ทำให้มูลค่าแบรนด์คือเมกะแบรนด์
...แต่อย่างที่บอกตอนนี้ผู้ท้าชิงไม่ได้ผลัดกันขึ้นมาท้าทายความสำเร็จแมนยูในสนามทีละทีมสองทีมในระยะไม่กี่ปี ตอนนี้ มันมี 3-4 ทีมที่ สามารถแข่งขันกับแมนยูได้ทุกฤดูกาล

...ในยุค70-80การถ่ายทอดสด+รายได้จากสปอนเซอร์ยังไม่บูม แมนยูมีจำนวนความจุที่นั่งในสนามเป็นฐานรายได้กำลังเงิน และเรียกแฟนบอลเข้าสนามด้วยรูปแบบการเล่นเอนเตอร์เทนคนเข้าสนาม แม้จะได้ฉายาสิงห์บอลถ้วยน็อกเอ้าท์ แต่ก็มีแฟนอยากชมอยากดูทีมแมนยูเตะ สามารถสร้างฐานแฟนบอลได้มาก ดังนั้นพอเข้าสู่ยุคความสำเร็จจากการเป็นแชมป์ลีก..แถมแทบจะผูกขาดถ้วยต่างๆในประเทศและเป็นยุคที่การถ่ายทอดสดไปทั่วโลกอย่างกว้างขวาง นอกจากความสำเร็จถ้วยต่างๆดึงแฟนบอลรุ่นใหม่ ... ปฏิเสธไม่ได้ว่ารูปแบบการเล่นแบบเฟอร์กี้สไตล์ คือแรงดึงดูดที่ทำให้แฟนบอลยุคการถ่ายทอดไปทั่วโลก..อยากดูอยากชมทีมแมนยูเล่น..ทำให้เกิดฐานแฟนบอลรุ่นใหม่ที่ติดตามทีมมากกว่าทีมอื่นๆในช่วง ยุค90-2010 ต้นๆ

..อย่างที่บอกทุกวันนี้ยุคการถ่ายทอดสดไปถึงแฟนบอลมันครอบคลุมทั่วถึง ทีมคู่แข่งพร้อมจะแชร์ดึงฐานแฟนบอลรุ่นใหม่ กลุ่มใหม่ จากทีมแมนยู
..ความสำเร็จที่ทีมเหล่านั้นแชร์มาจากแมนยูมาได้..มันมาพร้อมมูลค่าแบรนด์ของทีมนั้นที่จะสูงขึ้นและพร้อมแย่งฐานแฟนบอลรุ่นใหม่หรือตลาดสปอนเซอร์ต่างๆ ของแต่ละทีมไปด้วยเช่นกัน
..นี่ยังไม่รวมรายได้จากการแข่งขันถ้วย UCL ที่สามารถทำรายได้เป็นกอบเป็นกำให้ทีมที่เข้าร่วมแข่งนะครับ
...จากที่มี1-2ทีมในลีกเมื่อก่อน มันกลายเป็น 5-6 ทีมทุกฤดูกาล ในระยะสั้นอาจยังไม่เห็นผลต่างมาก..แต่ในระยะยาว ช่องว่างระยะห่างการเงินทำทีมเหล่านั้นจะน้อยลงจากแมนยู นี่แหล่ะที่จะทำให้แมนยูทำงานทั้งในสนามและนอกสนามไม่ง่ายแบบเมื่อก่อนในความคิดผม
 



ท่านเป็นคอลัมนิสต์ที่ไหนเนี่ย  


เขียนโคตรดี
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน




ออฟไลน์
ผู้ช่วยแมวมอง
Status: You only Live once
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 20 May 2011
ตอบ: 26541
ที่อยู่: Spion Kop
โพสเมื่อ: Sat Aug 18, 2018 14:20
[RE: คิดว่าแมนยูจะเปนเหมือนลิเวอร์พูลมั้ย]
ยากส์

เป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ

โลกนี้มันโลกของทุนนิยมครับ ใครเงินหนากว่าก็มีโอกาสสำเร็จมากกว่า

สมมตินะ ปีนี้ยังไม่ได้แชป์ลีค ปีหน้าก็ซื้อตัวดีๆเข้ามาได้(เงินเยอะ) ถ้ายังไม่ได้อีกล่ะ? อาจจะเปลี่ยนโค้ช ลงทุนผู้เล่นดีๆเพิ่ม วนไปเรื่อยๆ

สุดท้ายเมื่อทุกอย่างลงตัว ก็ได้แชมป์อยู่ดี สายป่านยาว รากฐานมั่นคง กิ่งก้านสาขาลูกค้าเยอะ ทีมงานคุณภาพสูง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
I choose to live, not just exist.


ออฟไลน์
นักเตะท้ายซอย
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 784
ที่อยู่: Liverpool
โพสเมื่อ: Sat Aug 18, 2018 14:27
[RE: คิดว่าแมนยูจะเปนเหมือนลิเวอร์พูลมั้ย]
นี่เรียกว่าตกต่ำแล้วเหรอครับ

ทั้งการตลาดทั้งแบลน โคตรจะมั่นคง

ลิเวอร์ผมนี่ของจิงกว่าจะลืมตาอ้าปากได้.
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status: เหรียญมันยังมีสองด้าน
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 22 Jun 2007
ตอบ: 18159
ที่อยู่: ดินแดนอันไกลโพ้น.....
โพสเมื่อ: Sat Aug 18, 2018 14:28
[RE: คิดว่าแมนยูจะเปนเหมือนลิเวอร์พูลมั้ย]
แบรนด์แมนฯยูเนี้ยนะ! ที่จะมาตกต่ำ ยากครับ เป็นไปไม่ได้เลยในยุคสมัยนี้
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
จะเพื่อนกิน..หรือเพื่อนตาย..ก็เพื่อนเรา..แล้วเราจะไม่เดินเดียวดาย....


ไปหน้าที่ 1, 2, 3
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel