[RE: คนงานเฟียตประกาศสไตรค์หยุดงานหลังม้าลายทุ่มเงินเซ็น'โด้']
tongmadrid พิมพ์ว่า:
emula122 พิมพ์ว่า:
tongmadrid พิมพ์ว่า:
emula122 พิมพ์ว่า:
tongmadrid พิมพ์ว่า:
emula122 พิมพ์ว่า:
tongmadrid พิมพ์ว่า:
joe88 พิมพ์ว่า:
tongmadrid พิมพ์ว่า:
joe88 พิมพ์ว่า:
tongmadrid พิมพ์ว่า:
ซวยเลยถ้าเกี่ยวจริง หุ้นขึ้นคนถือหุ้นได้เงินนะครับ คนงานไม่ได้เกี่ยว
ขายเสื้อสโมสรก็ได้เงินนะครับ คนงานไม่ได้เงินเพิ่ม *คนงานเฟียตมันอยู๋คนละบริษัทจะได้เงินได้ไง แล้วกว่าเสื้อจะคืนทุนก้อคงสักพัก *คืนทุนขาดทุนก็ไม่เกียวกับบริษัทเฟียต คนงานไม่ได้เงินเพิ่ม และไม่โดนหักเงิน แล้วใช่ว่าส่วนที่เป็นกำไรจะให้ให้พนักงานส่วนนี้หมด *ถ้าขาดทุนพนักงานก็ไม่ได้มาร่วมจ่าย ถ้าจูฟขาดทุนเฟียตก็ไม่ต้องมาร่วมจ่าย เพราะคนละบริษัท คือจะบอกว่ามันไม่เกี่ยวก็ไม่ได้เพราะเค้าคือองกร ถ้ามุมมองบริษัท *มันคนละบริษัทกันครับ ถ้าทำให้ลูกจ้างมีความสุข แล้วเจ้าของจะเอาเงินไปทุ่มไปทำอะไรลูกจ้างคงไม่หรอก
เปรียบเทียบให้เห็นภาพสมมติมีเมืองนึงที่เค้าไปซื้อเรือดำน้ำลงทุนทางทหารแล้วบอกเรามีความแข็งแกร่งมากขึ้น เมืองพัฒนา แต่คนในเมืองยังยากจน สาธารณูปโภคยังแย่ เค้าก็บ่นกันว่าน่าจะเอาเงินไปทำอย่างอื่นดีกว่ามั้ย *มั่วทั้งประโยคผมยกตัวอย่างให้ข้างล่างแล้วถ้าจะมองรัฐเป็นบริษัทต้องมองว่าเป็นบรัษัทผู้ถือหุ้น ไม่ใช่บริษัทดำเนินการ
1 EXOR ถือหุ้น JUV
2 Juv บริหารด้วย Juv ไม่ใช่ EXOR
จะเห็นได้ว่ากิจการในกำกับ ไม่ได้บริหารโดยผู้ถือหุ้น
เดี๋ยวๆ นั่นมันองกรณ์ ไอ้ซื้อเรือดำน้ำนะ มันงบประมาณแผ่นดินที่เก็บมาจากภาษี เงินที่ซื้อโด้มันไม่ได้เก็บหรือหักจากเงินเดือนของพนักงาน พิมพ์ซะยาว แผลบซะเยอะ แต่แยกประเด็นไม่ออก
พี่ครับพี่ โถถถประเทศไม่ได้ขายของนะครับ รายได้หลักของประเทศมาจากภาษีนะครับ อีกอย่างผมแค่เปรียบเทียบให้เห็นภาพ หรือถ้าเอาง่ายๆ
บริษัทท่านหารายได้มาแต่ลูกน้องท่านได้เงินเดือนแทบไม่พอกิน *ก็ลาออกไปหางานใหม่ เพราะตอนตกลงทำงาน ได้ตกลงค่าจ้างกันแล้ว / ถ้าบริษัทขาดทุนลูกน้องอนุญาตให้ลดเงินเดือนไหมครับ แล้วท่านไปซื้อรถเบนซ์บอกว่าเป็นหน้าเป็นตา ให้ลบริษัทดูดี ลูกค้าจะมา ลูกจ้างท่านก็คงรู้สึกไม่ดีเท่าไร แต่ถามว่าเจ้าของผิดมั้ยก็ไม่ได้ผิด
-ประเทศไม่ได้ขาย ..ถูก
-รายได้หลักของประเทศมาจากภาษี.อันนี้ก็ถูก
สองอันแรกผมพิมพ์ผิดตรงไหน
-บริษัทท่านหารายได้มาแต่ลูกน้องท่านได้เงินเดือนแทบไม่พอกิน แล้วท่านไปซื้อรถเบนซ์บอกว่าเป็นหน้าเป็นตา... ไม่เกี่ยวกันเลย ก่อนเข้าทำงานเขาก็แจ้งไปแล้วว่าเงินเดือนเท่าไหร่ พอกินไม่พอกินบริษัทไม่เกี่ยว มันอยู่ที่ตัวเขาต่างหาก
-และมันเปรียบเทียบกันไม่ได้กับการซื้อเรือดำน้ำ เพราะเงินคนละแบบกัน อันนึงเก็บจากภาษีคน อีกอันเหลือจากจ่ายให้คน ถถถถถถ
ผมไม่ได้บอกว่าเคสนี้ใครถูกผิดนะครับ ผมแค่บอกว่ามันเป็นความรู้สึกและมุมมองของพนักงานกับผู้บริหารที่แตกต่างกัน ถ้าบอกว่าเบนซ์ไม่เป็นหน้าเป็นตากับบริษัทไม่เกี่ยวได้ไงครับ ถ้าคุณเป็นเจ้าของบริษัทอะไรสักอย่างที่รวยมีชื่อเสียง แต่คุณขับรถกระบะไปรับลูกค้าอีกบริษัทนึงเพื่อดีลการค้าซึ่งเป็นบริษัทที่ใหญ่มาก ถามหน่อยคุณจะดูน่าเชื่อถือมั้ยครับ เอามุมมองคนทั่วไปนะครับ
ส่วนนเรื่องมุมมองพนักงานที่คุณกล่าวมาก็ถูกนะครับ ว่าเค้ายอมรับเงินเดือนเท่านั้นไปแล้ว
แต่ผมแค่จะบอกว่าถ้าเค้าเห็นผู้บริหารทำตัวรวยซื้อของดีเกินจำเป็น (ในมุมมองของพวกเค้าคิดว่าเกินจำเป็น) *หน้าที่ลงทุนและบริหารไม่ใช่หน้าที่แรงงาน ไม่ควรไปก้าวก่าย แล้วเค้ายังอยู่แบบเงินเดือนขั้นต่ำ อยู่อย่างลำบาก เค้าก็อาจจะรู้สึกไม่สบายใจ
*อยู่เกินเกณฑ์ขั้นต่ำทั้งนั้ครับ สหภาพยุโรป แค่มาเรียกร้องโบนัส
ส่วนเรื่องเรือดำน้ำ จริงๆผมจะบอกว่า
ประเทศๆนึงมันก็เหมือนกับบริษัท *บริษัทอะไร Holder หรือ Operate รู้ยังถ้าจะเปลี่ยบเทียบต้องเปรีบยในกิจการที่รัฐเป็นผู้ถือหุ้น ไม่ใช่รัฐบริหาร ถ้ายังคิดเอากิจการที่รัฐบริหารมานั้นแหละคือมั่ว นั่นแหละครับ นายกก็เหมือนบอร์ดที่เปลี่ยนมาดูแล คนธรรมดาอย่างเราๆก็ทำงานให้ประเทศเดินไปข้างหน้า ซึ่งถ้าผู้บริหารทำไรที่คนงานไม่พอใจเค้าก็ไม่พอใจเหมือนที่ด่าๆกัน แต่ถามว่าใครถูกผิด
ผมไม่รู้ความจริงหรอก คนทั่วไปก็ไม่รู้หรอกว่ามุมมองนายกและสิ่งที่นายกรู้หรือเห็นมาคืออะไร*ไม่รู้ก็ยอมรับ เรียนรู้ไปซิครับ ไม่ใช่มายกตัวอย่างมั่วๆขึ้นมา ส่วนคนที่เค้าว่าๆกันเค้าก็บอกทำไมไม่เอาเงินมาดูแลด้านอื่นก่อนคนกำลังลำบาก
มั่วแล้วยังจะมั่วขึ้นอีกเรื่อยๆ หากอยากยกรัฐบาล
EXOR = รัฐบาล
Juv = ปตท.
Fiat = การรถไฟ
เจ้าของ ปตท. และการรถไฟคือ รัฐบาล
ปตท.ขยายกิจการโดยการซื่อไก่ย่าง texas จิ๊ฟฟี่ Amazon หรืออื่นๆ เป็นการลงทุนเพื่อกิจการ ปตท.
Juv ลงทุนซื้อ Ronaldo
ถามว่า รัฐต้องไปบอก ปตท. ห้ามลงทุนเพิ่ม เพราะ การรถไฟ ยังขาดทุนอยู่ ให้เอาเงิน ปตท. มาจ่ายเงินโบนัสให้ พนักงาน การรถไฟ
ถามหน่อยเงิน ปตท. ไปเกียวอะไรกับการรถไฟ ถึงจะมีรัฐบาลเป็นเจ้าของก็เถอะ
ผมว่าท่านๆยิ่งอ่านยิ่งมั่วไปกันใหญ่ละครับ ผมบอกเลยว่าผมพูดแค่เรื่องความรู้สึกของคนครับ ไม่ใช่พูดเรื่องผลกำไรครับ ช่วยอ่านดีๆด้วยครับท่าน
แล้วจะยกตัวอย่างมั่วๆมาทำไม
สีแดงๆ ผมตอบสีฟ้าให้แล้ว
ตัวอย่างมีไว้ให้ดูให้เห็นภาพครับ ลองใจเยนๆอย่าเพิ่งใช้อารมนะครับ ผมไม่เคยด่าใครว่าใครทำไม่ถูก เพราะผมเชื่อว่าเค้าเจอและเหนต่างกัน ตัวอย่างมีไว้เพื่อให้คนได้เหนภาพ อย่างในตัวอย่างผมก็ไม่ได้บอกว่าฝ่ายไหนผิด แต่ผมแค่บอกว่าอีกน่าจะรู้สึกแบบไหน แต่ซึ่งทั้งสองฝ่ายก็ไม่รู้ข้อเท็จจริงของอีกฝ่าย ช่วยจับประเดนที่ผมเขียนดีๆนะครับ ซึ่งผมจะไม่อธิบายเพิ่มเติมแล้ว ซึ่งผมก็จะไม่บอกด้วยว่าความคิดผมถูกและไม่ด่าใครด้วยเพราะมันเป็นมุมมองผมคนเดียว คนอื่นอาจจะมองมุมอื่นไม่ว่าเรื่องอะไร แล้วในเคสนี้ผมแค่สื่อถึงคนงานที่เค้าจะประท้วง ตามข่าว ซึ่งจริงไม่จริงไม่รู้ แต่ที่ผมยกตัวอย่างแบบนั้นเพราะมันเกิดขึ้นจริงกับสังคมเรา เรายังไม่รู้ความจริงแต่โซเชี่ยลก็ถล่มแล้ว เดือดร้อนกันใหญ่ว่าเงินก้อนนั้นน่าจะทำอย่างอื่น ซึ่งเอาจริงๆประชาชนเกี่ยวมั้นกับงบก้อนนั้น ก็ไม่เกี่ยวนะครับ เพราะต่างคนต่างมีความคิดของตัวเองครับ แล้วถามว่ามีใครผิดมั้ยไม่มีนะครับเพราะต่างคนต่างมีความริดเหตุผล ซึ่งเคสนี้ผมย้ำหลายทีผมไม่ได้พูดถึงใครถูกผิด ผมแค่พูดว่าใครรู้สึกยังไง
ผมไม่ได้เดือดร้อนอะไรและไม่ได้มีน้ำโห แต่เห็นพยายามเถียง แค่ยอมรับว่าให้ข้อมูลผิดก็จบแล้ว เห็นโควตตอบกลับหลายคน แบบผิดๆ
ไม่ได้บอกว่าใครผิด ผมไม่ได้แย้ง
ผมแย้งตรงยกตัวอย่างข้อมูลมาผิด
ขอบคุณครับ ผมแค่จะบอกว่าผมยกตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพ มันอาจจะไม่ตรงกับความคิดท่านครับ ซึ่งผมคิดแบบนั้นจริงๆ เพื่อที่จะให้อธิบายให้เห็นภาพ
ซึ่งถ้าท่านมีตัวอย่างที่เห็นภาพแล้วเกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้มากกว่านี้ บอกผมได้เลยนะครับ ผมจะได้รู้อะไรมากขึ้น จริงๆผมชอบคุยเพื่อให้ได้ความรู้มากขึ้น หรือรู้ว่าคนอื่นคิดยังไงครับ แต่ผมจะไม่คุยหรือตอบกับคนที่อยู่ดีมาด่าเลยถ้าไม่ตรงความคิดเห็นเค้าแค่นั้นละครับ ผมชอบนะที่ได้คุยแบบที่เอาเหตุผลมาคุยกัน จะได้รู้ว่าอีกฝ่ายเค้าคิดอะไร หรือมองมุมไหน ก็แค่นั้นเองครับ และผมไม่ได้อยากไปพูดบังคับใครเพื่อให้มาเชื่อผม ทุกสิ่งมาจากความเห็นส่วนตัวผมเฉยๆนะท่าน 55555
ยัง ยังจะบอกให้เห็นภาพอีก ก็เมื่อสิ่งที่รู้มันมั่วมันผิด
ยังจะไม่ยอมรับว่าข้อมูลผิดอีกหรอ ยกตัวอย่างผิดๆมาอีก
ไม่อ่านอีกต่างหาก ผมยกตัวอย่างให้หมดแล้ว
มันคนละนิติบุคคล คนละบริษัท มันไม่เกียวกัน
แยกแยะไม่ได้ ก็จมอยู่กับความคิดมั่วๆแบบเดิมครัย
บริษัทเฟียตไม่ใช่บริษัทจุฟ จุฟไม่ต้องไปดูลพนักงานเฟียต
ในวันที่จุฟย่ำแย่ เฟียตก็ไม่ได้มาดูแล
ใครจะเป็นเจ้าของก็แล้วแต่ แต่บริษัทมันคนละบริษัทดูแลกันไม่ได้