สงคราม 100 แต้ม

ในวันที่เม็ดเงินจำนวนมากหลั่งไหลเข้าสู่ดินแดนแห่งนี้ มันก็เพิ่มความยากลำบากให้กับทีมใหญ่ในลีก ในทุกแง่มุม แต่อย่างนั้นก็ดี หากต้องการเป็นยอดทีม ก็ต้องมีอะไรที่พิเศษมากกว่าเดิม
มาตรฐานที่ต้องสูงขึ้นกว่าเดิม เพื่อเป็นทีมที่ดีที่สุดในประเทศ (และเพื่อสู้ในระดับทวีปด้วย)
และความพิเศษสุดๆก็ได้เกิดขึ้น เมื่อปีก่อน (16-17) ยอดโค้ชก็ได้มารวมตัวกัน ณ ที่แห่งนี้อย่างบังเอิญ 6 ทีมที่โดดเด่นกว่าใครกับ 6 โค้ชที่โดดเด่น การต้องสู้ทั้งในและนอกสนาม เป็นไปอย่างดุเดือด แทคติคต่างๆมีให้เห็นอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ บางอย่างเป็นแง่มุมที่พิเศษมากๆเสียด้วย

สงครามครั้งที่ 1 ได้จบไปก่อน ผลลัพธ์นั้นเป็นที่ทราบกันดี ส่วนสงครามครั้งที่ 2 ก็เพิ่งจบไปไม่นานมานี้
แฟนบอลหลายคน มักจะพูดถึงแมนซิตี้ในปีนี้ว่า พวกเขาดีเกินไป ทำแต้มได้มากเกินไป ปีนี้ต้องให้แมนซิตี้จริงๆ อะไรทำนองนี้
เรื่องนี้มองได้ 2 แง่ ในแง่นึง มันก็ใช่จริงๆ มันมีหลายนัดที่แมนซิตี้ได้แต้มแบบน่าเหลือเชื่อ ได้ชัยชนะจากช่วงท้ายเกม ถ้ามองแบบนี้ มันก็ถูกต้องที่บอกว่า แมนซิตี้มาดีเกินไป เพราะเหตุการณ์แบบนี้คงไม่เกิดขึ้นทุกฤดูกาล

แต่อีกแง่นึง คืออะไร
จากมุมมองแรก เป็นการเอาแต้มเป็นตัวยืนพื้นแล้วดูสถานการณ์ในแต่ละนัด แต่อีกจากมุมมองหนึ่ง อยากให้มองไปที่การเตรียมตัวและสภาพทีมโดยรวม
พอมองในแง่นี้แล้ว จริงอยู่ที่ปีหน้าและปีถัดๆไป พวกเขาก็อาจจะทำแต้มไม่ได้มากเท่านี้ อาจจะน้อยกว่าไปบ้าง แต่โดยรวมก็ยังมีโอกาสที่จะได้แต้มเยอะมากอยู่ดี


------------------------------------------


นี่แปลว่า จากวิธีคิดเดิมๆที่ควรมีแต้มเท่านั้น เท่านี้ ก็น่าจะได้แชมป์ไปแล้ว (มักจะเป็น 90) ก็อาจจะต้องเปลี่ยนแปลงไป
เพราะมันคือ "สงคราม 100 แต้ม"

แต่ก่อน ถ้าได้ 90 แต้ม อาจจะรู้สึกว่า ดีแล้ว น่าจะเป็นแชมป์แล้ว แต่บางทีไม่ มันอาจจะไม่พอหรอก 90 แต้ม หรือ 90 กว่าแต้ม อาจจะได้แค่รองแชมป์

100 แต้ม จากการแข่ง 38 นัด จะเท่ากับ 87-88%
ถ้าเป็นการแข่ง ในระบบ 34 นัด คะแนน 87-88% ก็จะเท่ากับ 89-90 แต้ม

กวาดิโอล่า เกือบทำได้ที่สเปนอยู่ 2 ครั้ง ขาดไปแค่นิดเดียว แต่ทำได้ที่เยอรมัน 1 ครั้ง เกือบทำได้อีก 1 ครั้ง
และสุดท้ายเขาก็ทำได้ที่อังกฤษในปีนี้

กวาดสายตาไปที่โค้ชคนอื่นในอังกฤษ มีอีกแค่ 2 คน เท่านั้นที่เคยไปถึงเป้าหมายนี้

มูริญโญ่เคยทำได้ที่สเปน 1 ครั้ง และเกือบทำได้ที่อังกฤษอีก 1 ครั้ง

อีกคน คือ คอนเต้ เคยทำได้ที่อิตาลี 1 ครั้ง และอยู่ในเส้นทางที่เกือบทำได้ที่อังกฤษอีก 1 ครั้ง (และมีแนวโน้มว่าจะไม่ได้ทำทีมต่อ)

ทีมไหนก็ตามที่มีความต้องการที่จะไปถึง 100 แต้ม พวกเขาต้องทำอะไรบ้าง
พวกเขาต้องมีทีมที่ลงตัว ระบบที่ดี ผู้เล่นสนับสนุนที่พอเพียง เพราะอย่างน้อย พวกเขาต้องชนะให้ได้ถึง 30 จาก 38 นัด ถึงจะมีลุ้น (นี่แค่อย่างน้อยนะ)
เพราะอาจจะต้องชนะทะลุไปถึง 32-33 นัด โน่นเลย เรื่องราวในทุกแง่มุม สภาพจิตใจ, สภาพทีม, ความเชื่อมั่น, การสนับสนุนจากทุกส่วน มันต้องพร้อมมาก มันต้องเป๊ะมาก

ความไม่พอใจในเรื่องการซื้อขาย การเสริมทีม มีให้เห็นจากทั้ง 2 ทีม โดยเฉพาะทีมสีน้ำเงินที่ชัดเจนสุดๆตั้งแต่ฤดูกาลยังไม่เริ่มด้วยซ้ำ และในช่วงท้ายฤดูกาลนี้ ผู้เล่นตัวหลักของทีม ก็เริ่มพูดถึงประเด็นนี้กันแล้ว ทีมสีแดงก็ต้องดีกว่านี้เช่นกัน และนี่ยังไม่รวมถึงการพัฒนาผู้เล่นเดิมที่มีด้วย


------------------------------------------


อีก 2 คนที่มีโอกาส ร่วมวงแข่งด้วยคือ โปเชตติโน่กับคลอปป์

ปีที่แล้ว โปเชตติโน่ทำให้เห็นแล้วว่า ถ้าอยู่ในฟอร์มที่ดี ทีมของเขาสามารถเก็บแต้ม ได้เป็นกอบ เป็นกำ เขาต้องปรับปรุงอีกซักหน่อย เพิ่มจำนวนแต้มขึ้นมา ในวันที่อะไรๆไม่เป็นใจ เขาต้องมีทีเด็ดมากกว่านี้

คลอปป์ก็เป็นอีกคนที่มีโอกาส แต่จะซับซ้อนกว่า ยากกว่า ตรงที่ว่า แนวรับของพวกเขายังไม่เนียนตา การได้ฟาน ไดจ์มาถือว่าช่วยได้มาก แต่คนอื่นๆยังไม่ถึงกับวางใจได้เต็มที่
แดนกลางก็ยังต้องมีฤทธิ์ มีเดชมากกว่านี้ ส่วนแนวรุกโดยรวม การเข้าทำ การฝ่าแนวรับ ในวันที่คู่แข่งลงไปแพคแน่นๆ ก็ยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร ถือว่าคลอป์ยังมีงานที่เหนื่อยกว่าสเปอร์

ส่วนอาร์เซนอลนี่ขอข้ามไปก่อน เพราะพวกเขากำลังเริ่มต้นใหม่อย่างแท้จริง ตั้งแต่โค้ช จึงยังมองไม่เห็นภาพรวมว่าจะออกมาเป็นยังไง


ย้ำอีกครั้งว่า แง่มุมของกระทู้นี้ ไม่ใช่จำนวนแต้มที่เกิดขึ้นจริงๆ แต่เป็นระดับของความทะเยอทะยาน /ความคาดหวัง/ ความต้องการที่ต้องการให้ทีมของตัวเองเป็นยอดทีม
แชมป์ในปีหน้า ปีถัดๆไป แต้มอาจจะไม่ถึงร้อยหรอก แต่ความยอดเยี่ยมของทีมนั้นๆ คุณภาพของทีมนั้นๆ ถ้ายังดูดีกว่า ยังเหนือกว่าทีมอื่นๆในลีก ทีมอื่นๆที่จะมาสู้ด้วยก็จะเหนื่อยหน่อย

ท็อป6 ฤดูกาลหน้าผมว่าท่าจะยากที่จะทำได้แบบเดิม (ที่จะได้100แต้ม)

ชอบอ่านกระทู้แบบนี้ครับ